นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือสำนักงานเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ด กพอ.) ที่มีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยจะรายงานความคืบหน้าของโครงสร้างพื้นฐาน 5 โครงการในพื้นที่อีอีซี และยืนยันว่าภายในเดือน เม.ย.นี้ จะต้องได้ตัวเอกชนผู้รับสัมปทานในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ท่าเรือมาบตาพุด เฟส 3 ท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภาอย่างแน่นอน
นอกจากนั้น ยังจะเสนอร่างประกาศการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกวงเงิน 1,000 ล้านบาท ที่สำนักงานฯเป็นผู้บริหารจัดการด้วยตัวเองให้ที่ประชุมพิจารณาด้วย
โดยปรับร่างระเบียบให้กองทุนฯเบิกจ่ายได้เอง 3 ด้าน จากเดิมที่การจัดตั้งกองทุนฯต้องใช้ระเบียบจัดซื้อจัดจ้างของกระทรวงการคลัง
“ล่าสุด สำนักงานอีอีซีได้ร่วมกับองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) และคณะกรรมการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน จัดสัมมนา Japan-China Workshop on Business Cooperation in Thailand โดยมีนักธุรกิจญี่ปุ่น-จีน 260 บริษัท รวมทั้งนักธุรกิจไทยจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อให้ข้อมูลและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจในการร่วมลงทุนในพื้นที่อีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่ตัวอย่างความร่วมมือการลงทุนที่เกิดขึ้นจริงของเอกชนญี่ปุ่นและจีนในประเทศที่ 3 โดยมีสาขาธุรกิจที่มีความเป็นไปได้สูง 3 สาขา ได้แก่ สาขาการขนส่ง พลังงาน-สิ่งแวดล้อม และเมืองอัจฉริยะ ทั้งนี้ นักลงทุนจากญี่ปุ่นและจีน ได้สอบถามถึงการเลือกตั้งว่าจะกระทบกับอีอีซีหรือไม่ ซึ่งยืนยันไปว่าจะมีความต่อเนื่องไม่มีการหยุดชะงักแน่นอน”.