นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการคัดเลือกผู้ประกอบการโครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ว่า การเปิดขายซองประมูลดิวตี้ฟรีของ ทอท.ในครั้งนี้ เป็นอำนาจของ ทอท.ที่สามารถดำเนินการได้เพราะผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) ของ ทอท.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีการปรับปรุงรายละเอียดของทีโออาร์ (หนังสือชี้ชวน) โดยแยกเป็นพื้นที่ดิวตี้ฟรีของสนามบินสุวรรณภูมิ 1 สัญญาและพื้นที่สนามบินในภูมิภาคอีก 3 แห่งได้แก่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เป็นอีก 1 สัญญา ปรับปรุงจากทีโออาร์เดิม ที่รวมการประมูลท่าอากาศยานทั้ง 4 แห่งไว้ในสัญญาเดียว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมติการประชุมคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการ PPP) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ให้มีการตั้งคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย โดยให้อัยการสูงสุดเป็นประธาน เพื่อไปพิจารณาว่าโครงการนี้เข้าข่ายการร่วมลงทุนที่ต้องดำเนินการภายใต้ พ.ร.บ.ให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ 2562 หรือไม่นั้น ก็ถือว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งของการทำงานและทำคู่ขนานไปได้กับการขายซองประมูลของ ทอท. โดยคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายน่าจะพิจารณาเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
“ทุกอย่างเดินหน้าไปตามขั้นตอน บอร์ด ทอท.พิจารณาปรับปรุงทีโออาร์ได้ เพราะเป็นอำนาจบอร์ด ส่วนหากคณะอนุกรรมการด้านกฎหมายพิจารณาแล้วเห็นว่าเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของช่องทางพีพีพีต่อไป แต่ถ้าไม่เข้าข่าย ทอท.ก็ดำเนินการไปได้ทันที”.