นายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (ซีอีเอ) เปิดเผยว่า ซีอีเอได้ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกันส่งเสริมอุตสาหกรรมสปา-นวดไทย ให้ก้าวพ้นจากภาพลักษณ์ธุรกิจสีเทาเพื่อยกระดับเป็นสปา-นวด เพื่อสุขภาพไปสู่ระดับมาตรฐานสากล เนื่องจากธุรกิจสปา-นวดแผนไทยมีจุดเด่นทั้งด้านผลิตภัณฑ์ แรงงานที่มีคุณภาพ มีความรู้ทั้งนวดแผนไทยหรือแบบสปาผ่อนคลาย อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เอื้อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการกันด้วย “อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า สปา-นวดไทยยังมีภาพลักษณ์เป็นธุรกิจสีเทา คนยังคิดถึงแต่การนวดที่ไม่ใช่เรื่องสุขภาพ แม้ว่าภาพลักษณ์จะเริ่มดีขึ้น หลังจากโรงแรมใหญ่ๆ หรือแหล่งท่องเที่ยวเริ่มให้บริการ ธุรกิจสปาที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากลมากขึ้น”
ดังนั้น สสว.และซีอีเอจึงได้ร่วมมือกันยกระดับมาตรฐานผู้ประกอบการสปาไทย เน้นไปทางผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่หลายรายยังขาดเครื่องมือ โดยตั้งเป้าหมายยกระดับสปาไทย เช่น ภายใน 3 ปี ควรติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และติดอันดับ 1 ใน 5 ภายใน 5 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 16 ของโลก และเป็นอันดับ 5 ในเอเชีย
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ธุรกิจสปาไทยถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ มีมูลค่าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมามีมูลค่ารวมกันประมาณ 37,000 ล้านบาท โดย สสว.และซีอีเอได้เปิดรับสมัครผู้ประกอบการสปาและนวดไทยจากทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาศักยภาพดำเนินธุรกิจด้วยความคิดสร้างสรรค์ และจะคัดเลือกผู้ประกอบการ 15 ราย ไปทดสอบตลาดต่างประเทศด้วย “สสว.ยังได้เตรียมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำระดับมาตรฐานสปาลักษณะเดียวกับระดับดาวของโรงแรม เพื่อให้มีตราสัญลักษณ์ ยกระดับคุณภาพสปาไทยสู่สากล และยังเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพร้านที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ผู้ใช้บริการหรือนักท่องเที่ยวเชื่อมั่น โดยจะต้องหารือร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อจัดกลุ่มแยกสปาแต่ละประเภท เช่น สปาเพื่อสุขภาพ สปาผ่อนคลาย นวดแผนไทย เป็นต้น”.