ชาวไร่กาฬสินธุ์ พอใจราคา "มันสำปะหลัง" ยุค "ลุงตู่" พุ่งกิโลกรัมละ 3 บาท ฉุดราคารับซื้อสูงขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตจำหน่าย เตรียมเล็งขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มหวังโกยเงินใช้หนี้...
วันที่ 4 ก.พ. 62 นางมณี วงศ์สมศรี อายุ 50 ปี อยู่บ้านหนองกาว จ.กาฬสินธุ์ เผยว่า เนื่องจากที่ดินทำกินอยู่บนที่สูง เหมาะสำหรับปลูกพืชไร่ จึงปลูกมันสำปะหลังและปลูกอ้อย โดย 4-5 ปีก่อน ตนและเพื่อนบ้านพากันปลูกอ้อยกันมาก เนื่องจากราคารับซื้อค่อนข้างสูง ตันละประมาณ 1,200 บาท
ขณะที่ ราคามันสำปะหลังเพียงตันละประมาณ 1,000 บาท ซึ่งหากเปรียบเทียบต้นทุนและการบริหารจัดการทุกขั้นตอน และหักลบกลบหนี้แล้ว การปลูกอ้อยจะง่ายและมีกำไรมากกว่า จึงเห็นว่านับถอยหลังไป 5-10 ปี พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังลดหายไปมาก กลายเป็นไร่อ้อย และแปลงยางพารา แปลงมะม่วง เนื่องจากปลูกมันสำปะหลังขาดทุน
ทั้งนี้ จากประสบการณ์ ราคารับซื้อผลผลิตไม่แน่นอน ปลูกมากราคารับซื้อผลผลิตต่ำ ปลูกน้อยราคาดี ตนจึงปลูกทั้งอ้อยและมันสำปะหลัง เผื่อราคาอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีขึ้น โดยแบ่งพื้นที่สำหรับปลูกอ้อยส่วนหนึ่ง และปลูกมันสำปะหลังประมาณ 25 ไร่ อายุ 10 เดือนเก็บเกี่ยว ปีที่แล้วได้ราคาสูงสุด ตันละ 2,700 บาท ปีนี้ดีขึ้น ตันละ 3,000 บาท จึงคาดไว้ว่าในการปลูกมันสำปะหลังรุ่นต่อไป จะขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้น โดยลดพื้นที่ปลูกอ้อย เป็นแปลงปลูกมันสำปะหลังเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ หากนับย้อนหลัง 3-4 ปี ราคามันสำปะหลังตกต่ำมาก ตันละประมาณ 1,000 บาท แต่หลังจากรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ จะเห็นว่าราคารับซื้อมันสำปะหลังปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ชาวไร่มีกำไร โดยตนทำการปลูก 3 สายพันธุ์ ตามความเหมาะสมของสภาพดิน มีสายพันธุ์เกษตรศาสตร์ สายพันธุ์ซีโอ และสายพันธุ์พวงเพชร
อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณรัฐบาล ที่มีนโยบายในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดทุนการปลูกมันสำปะหลัง รวมทั้งภาคการเกษตรอื่นๆ โดยเฉพาะปรับราคารับซื้อผลผลิตสูงขึ้น และถ้าจะให้ดีที่สุด การรับซื้อผลผลิตควรจะมีประกันราคา หรืออย่างราคามันสำปะหลัง ควรเริ่มต้นที่ราคากิโลกรัมละ 3.50 บาท หรือ ตันละ 3,500 บาทขึ้นไป เพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งเคยพุ่งสูงถึงตันละ 3,800 บาท ซึ่งจะส่งผลให้ชาวไร่มันมีกำไรมากขึ้น สามารถลืมตาอ้าปากได้ และมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้.