
ในพื้นที่โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือคงไม่มีใครที่โดดเด่นเท่ากับ “ฟิวเจอร์พาร์ค” อาณาจักรค้าปลีกขนาดยักษ์ที่เปิดให้บริการกับจุดขายการเป็นศูนย์ การค้าขนาดใหญ่ที่สุด ได้แบ่งโซนต่างๆออกจากกันอย่างชัดเจน บนพื้นที่ขนาดยักษ์กว่า 650 ไร่ และได้พัฒนาที่ดินไปแล้วกว่า 300 ไร่กับการสร้างศูนย์ การค้า ห้างสรรพสินค้า ดิสเคาน์สโตร์ ค้าปลีกเฉพาะทาง ไปจนถึงโรงพยาบาล
เป้าหมายของบริษัทรังสิตพลาซ่า จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินขนาดมหึมานี้ต้องการพัฒนาให้เป็นเมืองที่เรียกว่า “ฟิวเจอร์ซิตี้” เป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตอย่างมีระดับของคนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ที่ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและศูนย์รวมค้าปลีกที่สมบูรณ์กับการลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้าน ศูนย์ออกกำลังกายขนาดใหญ่ ซุปเปอร์ริจินัลมอลล์โรงพยาบาลเปาโล โรงแรมและสปอร์ตฮับ ที่เปิดกว้างการลงทุนในลักษณะพันธมิตรทางธุรกิจ
เมื่อทิศทางเศรษฐกิจของประเทศไทยได้เห็นทิศทางของการฟื้นตัว ความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจดีขึ้น การมองเห็นกำลังซื้อของผู้บริโภคดีขึ้น จึงได้เห็นการเดินหน้าของการลงทุนในอนาคต โดยเฉพาะโครงการต่อเนื่องขนาดใหญ่นี้
นางรัตนา อนันทินุพงศ์ ผู้อำนวยการด้านการตลาด บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาที่ดินเพื่อให้เป็นอาณาจักรฟิวเจอร์ซิตี้บริษัทได้เจรจากับพันธมิตรธุรกิจมืออาชีพหลายกลุ่มเพื่อร่วมกันสร้างความสมบูรณ์ อาทิ การเจรจากับกลุ่มพันธมิตรจากยุโรปเพื่อลงทุนเปิด “แฟชั่นเอาต์เลต” แบรนด์เนมพรีเมียมระดับโลก เป็นต้น
สำหรับความคืบหน้าที่จะเปิดให้บริการในปีนี้ก็คือ “ฟิวเจอร์ อารีน่า” เป็นสปอร์ตฮับ ศูนย์รวมการออกกำลังกายขนาดใหญ่และสปอร์ตรีเทลชั้นนำบนพื้นที่ 20 ไร่ ประกอบด้วย สนามฟุตบอล สนามฟุตซอล สนามแบดมินตัน คลับเฮาส์ ร้านอาหาร ส่วนบริการครบวงจรและลานจอดรถกว่า 300 คัน พร้อมด้วยศูนย์เรียนรู้ด้านฟุตบอล และแบดมินตันในรูปแบบของอะคาเดมี รวมถึงกิจกรรมด้านกีฬาอื่นๆ อาทิ สกีไอซ์สเกต ฟิตเนส โยคะ โรงเรียนฝึกสอนมวยไทย เทควันโด เพื่อสร้างเป็นสปอร์ตฮับอย่างสมบูรณ์แบบ
ขณะที่ธุรกิจโรงแรมซึ่งเป็นศูนย์รวมรองรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางต่อไปยังภาคเหนือและภาคอีสาน ด้วยพื้นที่ของโครงการอยู่ใกล้สนามบินดอนเมือง จึงได้ร่วมกันพัฒนากับพันธมิตรธุรกิจโรงแรมลงทุนพัฒนาโรงแรม 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงแรมระดับ 4 ดาว บนพื้นที่ขนาด 9 ไร่ เป็นอาคารสูง 11 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักขนาด 227 ห้อง ห้องประชุมสัมมนา สระ ว่ายน้ำและลานจอดรถจำนวน 151 คัน ส่วนอีกโครงการเป็นโรงแรมระดับ 2 ดาว บนพื้นที่ขนาด 1 ไร่ เป็นอาคารสูง 7 ชั้น ห้องพักราคาประหยัด 79 ห้อง และลานจอดรถ 35 คัน ทั้ง 2 โครงการจะแล้วเสร็จในปี 2563
นางรัตนากล่าวว่า สำหรับในส่วนของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ ที่ได้ทำการตลาดแบบเจาะรายเซ็กเมนต์เน้น 3 กลุ่มหลักคือกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น และกลุ่มผู้สูงอายุ มุ่งให้ศูนย์การค้าเป็น “Extraodinary Everyday” ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ที่กลุ่มคนทุกวัยมาใช้ชีวิตได้ทุกวัน สามารถตอบสนองลูกค้าได้เป็นอย่างดี ตลอดจนสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าใน 3 กลุ่มไลฟ์สไตล์ และทำให้คอมมูนิตี้ของแต่ละกลุ่มมีความชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงการจัดแคมเปญและกิจกรรมที่เพิ่มความถี่ทุกสัปดาห์ คือ Food Fever และ Star Stage ทำให้ลูกค้าทั้ง 3 กลุ่มเพิ่มขึ้น 10%
สำหรับไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เป็นปีที่ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว ทางบริษัทได้ร่วมกับบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการ “ฟรี ไวไฟ” ความเร็วสูง 50 Mbps ตอบสนองความสะดวกด้านการสื่อสารแบบเรียลไทม์ และร่วมกับ 8 ธนาคารนำเทคโนโลยีรูปแบบ QR Code สอดคล้องกับนโยบายสังคมไร้เงินสดของรัฐ โดยจะเริ่มในเดือน ก.ย.นี้กับเป้าหมายช่วงแรกจำนวน 60% ของร้านค้าทั้งหมด
อีกทั้งการเตรียมบิ๊กอีเวนต์และแคมเปญการตลาดเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงปลายปีนี้ เช่น แคมเปญปีใหม่ การจัดเคาต์ดาวน์ และกิจกรรมอีกกว่า 10 งาน จะทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเลือกใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่าตามเป้าหมาย!!
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th