นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรา “มาม่า” เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ด้วยการเข้าไปขยายกำลังผลิตในโรงงานที่มีอยู่ 4 แห่งในต่างประเทศ อาทิ ฮังการี เมียนมา กัมพูชา และบังกลาเทศ ซึ่งประเทศที่จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือ ฮังการี เพราะสามารถส่งออกสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้แบรนด์ “ไทยเชฟ” เข้าไปในกลุ่มประเทศแถบยุโรปเป็น จำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตลาดส่งออก สำคัญคือเยอรมัน
“บริษัทฯ จะขยายกำลังการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในโรงงานฮังการีเพิ่มเป็น 2-3 กะ จาก 1 กะ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่คาดว่าจะมีเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนขยายโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่าไปที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา บนพื้นที่ 10 ไร่ด้วย ภายใต้งบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ เนื่องจากโรงงานเดิมมีกำลังผลิตอยู่ประมาณ 60-70% คาดว่าภายในปี 62 การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ พร้อมเดินเครื่องการผลิตได้ ส่วนกัมพูชาบริษัทฯมีแผนซื้อที่ดินเพิ่ม 4 ไร่ เพื่อขยายพื้นที่โรงงานเดิมที่พนมเปญให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต เนื่องจากผู้บริโภคกัมพูชาชื่นชอบสินค้าไทยมาก เห็นได้จากส่วนแบ่งตลาดของมาม่าในกัมพูชาที่มีสูงถึง 80%”
นายพิพัฒกล่าวว่า สำหรับประเทศที่สร้างยอดขายให้บริษัทฯค่อนข้างน้อย และยังไม่มีแผนขยายการลงทุนเพิ่ม คือบังกลาเทศ เพราะผู้บริโภคในประเทศดังกล่าวไม่มี กำลังซื้อเลย ประกอบกับราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและราคาอาหารที่ขายอยู่ริมถนนมีราคาเท่ากัน ทำให้บริษัทฯต้องปรับแผนการทำตลาดใหม่ โดยหันไปมองโอกาสในประเทศอินเดียแทน ส่วนตลาดในประเทศ บริษัทฯมีแผนเปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาทำตลาดต่อเนื่อง ปี 61 จะเปิดรสชาติใหม่ 3 รสชาติ พร้อมอัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อผลักดันให้ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปปี 61 เติบโต 5% และมาม่ามีส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยเพิ่มเป็น 48% จากที่มีอยู่ 46-47% ส่วนรายได้ปี 60 ทำได้แตะ 10,651 ล้านบาท เติบโต 3.04% เป็นรายได้ในประเทศ 80% ต่างประเทศ 20%.