
Binance มีผู้ใช้งานกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก โดยเน้นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด ปลอดภัย และเป็นไปตามกฎระเบียบ
ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ธนาคารคือศูนย์กลางของอำนาจทางการเงิน แต่วันนี้ เทคโนโลยีกำลังตั้งคำถามกับบทบาทนั้นอย่างจริงจัง…คริปโตไม่ใช่เพียงสินทรัพย์เพื่อการลงทุนอีกต่อไป หากแต่กำลังพัฒนาเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่สำหรับการเคลื่อนย้ายเงิน การชำระเงิน และการจัดการสินทรัพย์ในระดับโลก
เมื่อสถาบันการเงินขนาดใหญ่เริ่มยอมรับ และสัดส่วนตลาดสถาบันขยายตัวจากไม่ถึง 1% เป็นเกือบ 20% ภายในเวลาเพียงทศวรรษเดียว …สัญญาณของการเปลี่ยนผ่านระบบการเงินโลกกำลังชัดเจนขึ้น
Thairath Money ได้พูดคุยกับ Richard Teng ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO)ของ Binance แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก ในช่วงงาน Binance Blockchain Week 2025 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงวิสัยทัศน์ต่ออนาคตของระบบการเงินโลก และเหตุผลว่าทำไมเขาเชื่อว่า ภายใน 3 ปีข้างหน้า คริปโตจะไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” อีกต่อไป แต่จะกลายเป็น “ส่วนหนึ่งของชีวิตทางการเงิน” ของผู้คน
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง หากพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2024 และ 2025 จะเห็นสถาบันจำนวนมากยอมรับคริปโต และคริปโตกำลังกลายเป็นกระแสหลักอย่างแท้จริง
คริปโตเปลี่ยนจากสินทรัพย์เฉพาะกลุ่มมาสู่กระแสหลักแล้ว โดยมีเส้นโค้งการยอมรับที่แข็งแกร่งมาก ไม่ใช่แค่การอนุมัติกองทุน ETF เมื่อปีที่แล้วเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถาบันและองค์กรทั่วโลกที่เริ่มจัดสรรสินทรัพย์
เมื่อสถาบันอย่าง BlackRock, JP Morgan และ Charles Schwab ต่างยอมรับคริปโตและเข้าใจว่าเทคโนโลยีนี้เหนือกว่าโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินในปัจจุบันมากเพียงใด จะเห็นเส้นโค้งการยอมรับคริปโตที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง
เป็นผลมาจากการรวมกันของหลายปัจจัย ประการแรก คือ Binance มุ่งเน้นไปที่ความต้องการของผู้ใช้เสมอ โดยสร้างแพลตฟอร์มที่ดีที่สุด มีคุณสมบัติที่ดีที่สุด มีความปลอดภัยสูงสุด และเป็นไปตามข้อกำหนดมากที่สุด
ประการที่สอง คือ Use Cases ที่สำคัญ เช่น stablecoins, การชำระเงินคริปโต และการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน ซึ่งยังคงผลักดันการยอมรับ
ปัจจัยสำคัญอื่นคือความชัดเจนด้านกฎระเบียบ โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเปลี่ยนจากต่อต้านคริปโตมาเป็นต้องการเป็นเมืองหลวงคริปโตของโลก การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ทำให้หลายประเทศต้องปรับตำแหน่งเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขัน
สุดท้ายคือการยอมรับของสถาบัน การขึ้นทะเบียนของสถาบันบนแพลตฟอร์มของเราเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อปีที่แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้
หากมองที่ตลาดนักลงทุนสถาบันเพียงอย่างเดียว เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตลาดนี้มีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ปัจจุบันมีสัดส่วนใกล้เคียง 20% ของตลาด
การเติบโตนี้จะดำเนินต่อไป เนื่องจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับคริปโตมากขึ้น และความชัดเจนด้านกฎระเบียบจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ในภาคส่วนนี้
สำหรับผู้ใช้ หมายถึงทางเลือกที่มากขึ้น ความสะดวกสบายที่มากขึ้น และการประหยัดต้นทุนที่สูงขึ้นมาก
กรณีการใช้งานหลักที่กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมี 3 เรื่อง
Stablecoin การโอนข้ามพรมแดนผ่านระบบธนาคารแบบเดิมใช้เวลา 2-3 วันและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่การใช้ stablecoin ทำให้รับเงินได้เกือบจะทันทีและมีค่าใช้จ่ายเพียงเศษเสี้ยว
สิ่งนี้ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเคลื่อนย้ายเงินทุนได้อย่างรวดเร็วสำหรับการดำเนินงานทั่วโลกโดยไม่ถูกจำกัดด้วยเวลาทำการของธนาคาร ในปีนี้ การใช้งาน stablecoin เพิ่มขึ้นสามเท่า และมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 50%
การชำระเงินด้วยคริปโต การยอมรับของร้านค้าดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีร้านค้ากว่า 21 ล้านรายทั่วโลก ที่รับชำระเงินผ่าน Binance Pay แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งจากเพียง 12,000 รายเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน การแปลงสินทรัพย์โดยสถาบันการเงิน ทำให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์หรือขายตำแหน่งได้อย่างง่ายดายตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ และทุกอย่างอยู่บนเครือข่าย
การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนกำลังเกิดขึ้นแล้วอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องเข้าใจคือ การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนไม่ได้นำสภาพคล่องใหม่ๆ เข้ามาในสินทรัพย์นั้น แต่จะนำมาซึ่งประสิทธิภาพที่มากขึ้นอย่างมากผ่านการใช้บล็อกเชนและสัญญาอัจฉริยะ
หากพิจารณางานสื่อสารและสำนักงานหลังบ้านของธนาคารในปัจจุบัน ซึ่งทำหน้าที่กระทบยอด การบัญชี การหักบัญชี และการชำระราคา การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนจะช่วยกำจัดงานเหล่านี้ออกไปได้ทั้งหมด
ดังนั้น การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนจะช่วยให้สถาบันประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังอำนวยความสะดวกในการลงทุนและการถอนการลงทุนสำหรับผู้ใช้ เนื่องจากสามารถซื้อ ขาย และสับเปลี่ยนสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็วบนแพลตฟอร์มโทเคนเดียวกัน
เช่นเดียวกับสินทรัพย์ทุกประเภท คริปโตจะผ่านวัฏจักรตลาดและความผันผวนที่แตกต่างกัน แม้ว่าบางคนทำนายว่าจะเป็น super cycle ในครั้งนี้ แต่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์อนาคตได้ และมีแนวโน้มสูงที่วัฏจักรสี่ปีที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอาจยังคงอยู่
สิ่งที่เรามุ่งเน้นคือการ "Weatherproof" องค์กร เพื่อให้องค์กรยังคงแข็งแกร่งตลอดวัฏจักรต่างๆ ตลาดหมีถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงทุนและสร้างคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนผู้ใช้ทั่วโลกในกลยุทธ์การลงทุนของพวกเขา
เป้าหมายคือการมุ่งเน้นสร้างแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ซึ่งมีคุณสมบัติ ความปลอดภัย และการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ดีที่สุด เพื่อรองรับผู้ใช้กลุ่มถัดไปอีกหนึ่งพันล้านคน
เรายังคงลงทุนอย่างมากในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ปัจจุบันมีพนักงานด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบเกือบ 1,300 คน ซึ่งคิดเป็น 22% ของจำนวนพนักงานทั่วโลก การใช้จ่ายด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ในแต่ละปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
โดย Binance เป็นแพลตฟอร์มที่มีการกำกับดูแลมากที่สุดทั่วโลก โดยมีมากกว่า 21-22 แห่งที่มีการกำกับดูแล และเรามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบถือเป็นทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้นเราจึงการลงทุนอย่างมากในพื้นที่นี้ ซึ่งถือเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขันของเรา
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านกฎระเบียบยังแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละประเทศ
เราพยายามทำความเข้าใจความต้องการของแต่ละประเภทของผู้ใช้และจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ สำหรับสถาบัน เราแนะนำผลิตภัณฑ์หลายอย่างตั้งแต่ปีที่แล้ว เช่น Binance Wealth , Binance Prestige
นอกจากนี้ยังเสนอ Binance Crypto as a Service เพื่อสนับสนุนสถาบันการเงินที่ต้องการทำ KYB/KYC ของลูกค้า แต่ยังสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดในระดับเดียวกันในด้านสำนักงานหลังบ้าน การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความปลอดภัย และการเข้าถึงสภาพคล่องที่ลึกที่สุดในโลก
ทุกภูมิภาคมีความสำคัญ เราต้องการอยู่ในทุกที่ที่เห็นการยอมรับคริปโตเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมีอัตราการเติบโตที่รวดเร็ว ซึ่งเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค เช่น เอเชียแปซิฟิก ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และยุโรป
อย่างไรก็ตาม เอเชียแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่ใหญ่มากและเติบโตเร็ว ประเทศไทยยังคงมีความสำคัญ โดยเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Gulf Binance (บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.) ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นประมาณ 7 เท่าในปีนี้ และปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า
อีก 3 ปีข้างหน้า จะไม่มีใครมองว่าคริปโตเป็นสิ่งที่โดดเดี่ยวอีกต่อไป แต่จะเป็นส่วนสำคัญของพอร์ตการลงทุน ผู้คนจะพูดถึง stablecoin ในฐานะส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินระดับโลกสำหรับการเคลื่อนย้ายเงิน ...คริปโตจะกลายเป็นกระแสหลัก และผู้คนจะมองว่าคริปโตเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
อิสระในการเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่ที่คุณต้องการโดยใช้คริปโต และนั่นคือสโลแกนของ Binance "Freedom of money"
จากการสัมภาษณ์ Richard Teng ภายใต้วิสัยทัศน์นี้ คริปโตในมุมของ Binance จึงไม่ใช่การท้าทายระบบการเงินเดิม แต่คือการเร่งให้ระบบนั้นเปลี่ยนเร็วขึ้น คำถามสำคัญหลังจากนี้ที่เราจะต้องมองกันต่อไป อาจไม่ใช่ว่า “คริปโตจะอยู่รอดหรือไม่” แต่คือ ระบบการเงินโลกจะปรับตัวทันการเปลี่ยนแปลงนี้หรือเปล่า ?