ทำไมคนยุคนี้ “ทำงานทั้งชีวิต แต่ยังไม่มีวันมั่งคั่ง” เด็กรุ่นใหม่เหนื่อยกว่าทุกเจเนอเรชั่น

Business & Marketing

Executive Interviews

Tag

ทำไมคนยุคนี้ “ทำงานทั้งชีวิต แต่ยังไม่มีวันมั่งคั่ง” เด็กรุ่นใหม่เหนื่อยกว่าทุกเจเนอเรชั่น

Date Time: 24 ต.ค. 2568 11:44 น.

Video

ต้นทุนพุ่ง! นำเข้าสินค้าออนไลน์ เตรียมรับมือ ภาษีนำเข้า 1 บาท (ม.ค. 69)  | Thairath Money Night Stand EP.25

Summary

เราเรียนจบ ทำงานหนัก เก็บเงินทุกเดือน แต่ทำไมชีวิตยังรู้สึก “ไม่มั่นคง”?เราผิดเองที่วางแผนไม่ดี หรือระบบมันออกแบบมาให้คนธรรมดาไม่มีวันรวย เพราะอะไร เด็กรุ่นใหม่ จึงเหนื่อยกว่าทุกเจเนอเรชั่น

ทุกวันนี้ หลายคนคงรู้สึกเหมือน “วิ่งอยู่บนลู่วิ่งชีวิต” ยิ่งทำงานหนักเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเป้าหมายแห่งความมั่นคงยิ่งไกลออกไป

ขณะที่เด็กจบใหม่เริ่มต้นชีวิตด้วยหนี้และค่าครองชีพสูงลิ่ว คนทำงานมาหลายปีก็ยังไม่มีเงินเก็บบางคนมีรายได้หลักแสนต่อเดือน แต่ยังต้องรอเงินเดือนออกทุกสิ้นเดือน จนเกิดคำถาม ว่า“เราทำผิดตรงไหน หรือระบบมันออกแบบมาให้เราไม่มีวันมั่นคง?”

ในขณะที่ประเทศไทยติดอันดับประเทศที่ “คนทำงานหนักที่สุดในโลก” แต่กลับมีคนจำนวนมากที่ไม่มีเงินเก็บเกิน 50,000 บาท 

ชวนหาคำตอบเหล่านี้ กับ ดร.บุรินทร์ อดุลวัฒนะ จากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในบทสัมภาษณ์ Thairath Money Night Stand EP.17 : ทางออก วิกฤติคนจน ทำยังไงให้มีโอกาสรวย? ว่าอะไรกันแน่ คือ แรงกดทับที่ทำให้ “คนขยัน ก็ยังจน” และสุดท้าย ทางรอดของชนชั้นกลางไทยอยู่ตรงไหน


ทำงานทั้งชีวิต แต่ไม่มีวันพ้นหนี้

ดร.บุรินทร์ ชี้ว่า ปัญหาความจนในวันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ “วินัยการเงิน” แต่คือ “ระบบเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรม” ซึ่งประเด็นนี้ ซ่อนอยู่ในโครงสร้างหลักของประเทศ ตั้งแต่รายได้ที่โตช้ากว่าค่าครองชีพ ไปจนถึงหนี้สินที่ล้นตัว

“กว่า 90% ของคนไทย มีเงินในบัญชีไม่ถึง 50,000 บาท ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น เช่น ป่วย ตกงาน หรือเศรษฐกิจชะลอ คนส่วนใหญ่จะรับมือไม่ได้เลย”

แต่สิ่งที่ซ้ำเติมหนักกว่าเดิม คือ หนี้ครัวเรือน ที่แตะเกือบ 90% ของ GDP ยังไม่นับหนี้นอกระบบที่ไม่ถูกนับในตัวเลข แต่มีอยู่จริงและดอกเบี้ยโหดมหาศาล

“หลายคนต้องทำงานทั้งเดือน แค่เพื่อจ่ายดอกเบี้ยไม่มีโอกาสเก็บเงิน ไม่มีวันคิดถึงการลงทุนได้เลย”

ซึ่งนี่เอง เมื่อหนี้สินกลายเป็นกับดัก การสร้างความมั่งคั่งจึงไม่ต่างจากการ “เข็นครกขึ้นภูเขา”

เด็กรุ่นใหม่เหนื่อยกว่าทุกเจเนอเรชัน แค่เอาตัวรอดก็สุดแรงแล้ว

สำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่ไม่มีทุนตั้งต้นจากบ้าน ชีวิตเริ่มต้นด้วย รายได้จำกัด แต่ ค่าครองชีพไม่จำกัด  ไหนจะ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าเช่าห้อง มันกินไปเกือบทั้งเงินเดือน พูดง่าย ๆ คือ ยังไม่ทันคิดเรื่องเก็บเงิน ก็หมดแล้ว 

ดร.บุรินทร์ กล่าวต่อว่า ปัญหาหลักของ New Gen คือ “รายได้ไม่โต” เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวมานาน ทำให้การขึ้นเงินเดือนในแต่ละปีแทบไม่ทันค่าครองชีพ ในขณะที่ของทุกอย่างแพงขึ้นเร็วกว่าเงินเดือนเสมอ ค่าเช่าห้องในเมืองใหญ่ ค่าเดินทางที่สูง และระบบขนส่งสาธารณะที่ยังไม่ครอบคลุม

ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องกู้ ต้องผ่อน ต้องแบกภาระหนี้เร็วขึ้น ผลคือ ความมั่นคงกลายเป็นเรื่องหรู และคำว่า “ลงทุน” ดูไกลเกินเอื้อม

สิงคโปร์ทำได้ยังไง? เมื่อรัฐช่วยสร้าง “วินัยการออม” ให้ทั้งประเทศ

ตรงกันข้ามกับไทย สิงคโปร์พิสูจน์แล้วว่า “ระบบที่ดี” สามารถยกทั้งประเทศให้มั่นคงได้หัวใจของเขาคือระบบ CPF (Central Provident Fund) หรือ กองทุนออมภาคบังคับที่สร้างเสาหลักให้ทุกคนตั้งแต่เริ่มทำงาน ลูกจ้างต้องออม 20% นายจ้างสมทบอีก 17% รวมกันทุกเดือนคือเก็บถึง 37% ของรายได้ 

รัฐบาลยัง การันตีผลตอบแทนขั้นต่ำราว 4-5% และเปิดให้ใช้เงินในกองทุนนี้ซื้อบ้านจากรัฐ (HDB) ได้ในราคาที่ถูกกว่าตลาดมาก นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล และระบบขนส่งสาธารณะที่ดีทำให้คนไม่ต้องแบกค่าใช้จ่ายก้อนโตอย่างบ้าน รถ หรือค่ารักษา

“คุณมีบ้าน มีระบบสาธารณสุขดี ไม่ต้องกลัวค่ารักษา ที่เหลือคือใช้ชีวิตและออมต่อได้อย่างมีเป้าหมาย” ผลลัพธ์คือ คนสิงคโปร์กว่า 90% มีบ้านเป็นของตัวเอง และระบบนี้สร้างฐานมั่นคงทางชีวิตที่ต่อยอดไปสู่การสร้างความมั่งคั่งได้จริง “ 


แนะทางออกประเทศไทย  “สวัสดิการตรงจุด + แรงจูงใจที่จับต้องได้”

ทั้งนี้ มองย้อนกลับมาที่ประเทศไทย แม้มีระบบประกันสังคม แต่เพดานสมทบสูงสุดยังอยู่แค่ 15,000 บาท หมายความว่า คนที่มีรายได้สูงกว่านั้น ก็ยังออมได้เท่าเดิม ไม่ว่ารายได้จะเพิ่มเท่าไหร่ก็ตาม

ซึ่ง ดร.บุรินทร์ แนะว่า ไทยควรยกเลิกการกำหนดเพดานเงินเดือน ให้คิดตามเปอร์เซ็นต์จริงแล้วรัฐสมทบเพิ่มเข้าไป เพื่อจูงใจให้คนออมมากขึ้น  อีกแนวทางหนึ่งคือ สวัสดิการแบบมุ่งเป้า (Targeted Subsidy) และแทนที่จะหว่านแหช่วยทุกคน รัฐควรช่วยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กจบใหม่ หรือผู้มีรายได้น้อย

“อย่างคนเพิ่งจบใหม่ อาจลดค่าเดินทางให้ หรือช่วยค่าไฟพอเงินเดือนถึงระดับหนึ่ง ก็ค่อยลดสิทธิ์ลงทีละนิด”

โดยมองว่า นโยบายแบบนี้จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ “ลืมตาอ้าปาก” ได้เร็วขึ้น และรัฐก็ใช้งบประมาณได้ตรงจุดมากกว่าเดิม ส่วนด้านแรงจูงใจภาษีอย่าง SSF หรือ RMF แม้จะมีอยู่แล้ว แต่ยัง “ไกลตัว” สำหรับคนรายได้น้อย ภาครัฐควรออกแบบสิทธิประโยชน์ที่เห็นผลชัด เช่น ออมเท่านี้ ได้สิทธิ์กู้บ้านราคาพิเศษจากรัฐ เพื่อให้การออมดูมีเป้าหมายที่จับต้องได้จริงได้มากกว่า 

ทางรอดของคนธรรมดา ตั้งฐานก่อนล่าฝัน

อย่างไรก็ตาม ถึงโครงสร้างจะไม่เอื้อ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ “ปิดรูรั่วในชีวิต” ก่อนเริ่มปีนเขาได้ คำเตือนที่สำคัญส่งต่อไปยังคนรุ่นใหม่ ก็คือ  อย่าเพิ่งคิดลงทุน ถ้ายังไม่มีฐานชีวิตที่มั่นคง

สำหรับคนเงินเดือน 20,000 บาท ดร.บุรินทร์แนะนำว่า ให้เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ แต่สำคัญที่สุด

  • ลดรายจ่ายประจำ เช่น ค่าเดินทางหรือค่าอาหาร
  • ตั้งเป้าออม 10-20% ของรายได้ทุกเดือน
  • สร้างเงินฉุกเฉิน ไว้อย่างน้อย 3-6 เดือน
  • ทำประกันสุขภาพ เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจพังทั้งระบบการเงิน
  • อย่าลงทุนเกินกำลัง - เงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน “ห้ามแตะ”


“Look down before you look up ก่อนจะมองหาผลตอบแทนสูง ให้มองก่อนว่า ถ้าเจ๊งจะอยู่ได้ไหม?”

และสิ่งที่ดูเหมือนจะสำคัญที่สุดคือ “ลงทุนในตัวเอง” เพิ่มความรู้ ทักษะ และความสามารถ เพราะนั่นคือทรัพย์สินที่ไม่มีใครแย่งไปได้

เมื่อความจนไม่ใช่ความผิดของใครคนเดียว

ท้ายที่สุดในบทสัมภาษณ์นี้ อาจกล่าวได้ว่า ปัญหาความมั่งคั่งในไทยไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่งแต่มันคือ “ภาพสะท้อนของระบบ” ที่กดทับแรงงานส่วนใหญ่ให้ต้องอยู่รอดวันต่อวัน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังมี “พื้นที่เล็ก ๆ” ที่เราจะเริ่มเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง

เราคงไม่สามารถเปลี่ยนประเทศได้ในวันเดียวแต่เราสามารถเริ่ม “สร้างฐานมั่นคงของตัวเอง” ตั้งแต่วันนี้และเรียกร้องให้รัฐสร้างระบบที่ยุติธรรมกว่านี้ในวันข้างหน้า เพราะ “ความมั่นคง” ไม่ควรเป็นของคนบางกลุ่ม แต่มันควรเป็นสิทธิ์ของคนทำงานทุกคนในประเทศนี้


อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

อุมาภรณ์ พิทักษ์

อุมาภรณ์ พิทักษ์
เศรษฐกิจ การเงิน ลงทุน และ อสังหาริมทรัพย์