“ธิติพร จุติมานนท์” จากลูกจ้างอาชีพ สร้าง "บ้านท่าน้ำนนท์" ธุรกิจที่เลือกความสุขที่ยั่งยืน

Business & Marketing

Executive Interviews

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“ธิติพร จุติมานนท์” จากลูกจ้างอาชีพ สร้าง "บ้านท่าน้ำนนท์" ธุรกิจที่เลือกความสุขที่ยั่งยืน

Date Time: 18 ต.ค. 2568 04:15 น.

Summary

บอย ธิติพร จุติมานนท์ จาก “ลูกจ้างอาชีพ” ที่พึ่งพารายได้ทางเดียวเพื่อยังชีพ จาก“งานที่รัก” ในการเป็น “คนข่าว” ต่อเนื่องยาวนานมาถึง 19 ปี หลังจบปริญญาโทคณะวารสารศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

Latest

ไทยกำลังกลายเป็น“สวรรค์ของมิจฉาชีพ”?เมื่อระบบการเงินมีรอยรั่ว ก็เปิดประตูให้เงินสกปรกหลั่งไหล

จาก “ลูกจ้างอาชีพ” ที่พึ่งพารายได้ทางเดียวเพื่อยังชีพ จาก“งานที่รัก” ในการเป็น “คนข่าว” ต่อเนื่องยาวนานมาถึง 19 ปี หลังจบปริญญาโทคณะวารสารศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

“คุณบอย...ธิติพร จุติมานนท์” เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นนักข่าวด้านเทคโนโลยีทีวีช่อง 9 และได้โอกาสจาก “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์”ให้มาบุกเบิกฝ่ายข่าวบันเทิงคนแรกของทีวี อสมท ก่อตั้งรายการ Nine Entertain จากนับหนึ่งขึ้นสู่ยุครุ่งเรือง จากนักข่าวสู่โปรดิวเซอร์ หัวหน้าข่าว ผู้ดำเนินรายการ ก้าวหน้าจนถึงตำแหน่งผู้บริหาร ผู้จัดการสถานีและตำแหน่งสุดท้ายคือผู้อำนวยการสถานีช่อง 9

การทำงานที่เคยเต็มไปด้วยความสุข ความสนุก และความท้าทาย แต่มาในยุคที่อุตสาหกรรมสื่อเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว องค์กรสื่อเปลี่ยนไป สังคมผู้คนรอบข้างเปลี่ยนแปลง บรรยากาศของความสุขที่เคยมีเหือดหายกลับกลายเป็นความทุกข์ “คุณบอย” จึงตัดสินใจลาออก ทั้งที่ไม่มีรายได้ ไม่เห็นทางไปข้างหน้า รู้แต่ว่าต้องเดินออกจากความทุกข์นี้!!

“การเป็นลูกจ้างอาชีพมาตลอดชีวิตกว่า 19 ปี ทำให้รู้ว่ามันมีความไม่แน่นอน จากเดิมไม่เคยคิดลาออกเพราะองค์กรนี้มั่นคงจึงไม่เคยคิดทำธุรกิจหรือมีรายได้อื่นเลย เมื่อออกมาโดยไม่มีอาชีพสำรอง ไม่มีทางไปข้างหน้า จึงคิดว่าต่อไปเราต้องทำธุรกิจที่สร้างรายได้ให้ความมั่นคงกับตัวเองได้อย่างยั่งยืน เพราะมันคือ “ความอยู่รอด” และที่สำคัญต้องเป็นสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขด้วย เพราะค้นพบแล้วว่าความสำเร็จใดไม่เท่ากับความสุข”

ทันทีที่ออกจากองค์กรเดิมก็มีองค์กรสื่อหลายสำนักติดต่อเข้ามา ก่อนตัดสินใจทำงานที่ช่องวัน 31 ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายข่าวบันเทิง ในปี 2562 แม้จะทุ่มเทให้การทำงานในฐานะลูกจ้างมืออาชีพ แต่เตือนตัวเองเสมอว่า เราต้องมีอาชีพเสริม ที่สร้างรายได้ความมั่นคงให้กับตัวเองและครอบครัว “ในวันที่ไม่มีงาน”

ในปี 2564 จึงเกิดบ้านท่าน้ำนนท์ (Chaopraya Antique Cafe') ธุรกิจแรกในชีวิตคนข่าว โดยนำบ้านไม้โบราณที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอายุร่วม 100 ปี ของครอบครัวที่ตัวเองอาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด มาทำเป็นร้านอาหาร ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น สบายๆ มีระเบียง terrace ยื่นออกไปอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ที่แผ่กิ่งทอดเงาลงน้ำเจ้าพระยา ชีวิตในบ้านง่ายๆไม่เร่งรีบ โดยมีลูกหลานและคุณย่าซึ่งมีรสมือเลื่องลือในหมู่ลูกหลาน ในรสชาติอาหารและขนมของว่างแบบไทย ที่ได้ปรุงรสเลี้ยงดูและถ่ายทอดให้ลูกหลานทุกคนในบ้าน

อาหารโปรดในครอบครัวจึงถูกนำมาเป็นเมนูหลักอาหารจานเดียว และเมนูทานเล่นทั้ง “ม้าห้อ” แบบชาววังรัชกาลที่ 6 “เมี่ยงคำสูตรโบราณ” น้ำเมี่ยงหอมละมุน “ขนมจีนแกงไก่ยอดมะพร้าว” และ “หมูสะเต๊ะ”ที่ขายดิบขายดี และช่วงเย็นยังเปิดเป็นร้านหมูกระทะ เพื่อตอบรับความต้องการลูกค้ารุ่นใหม่ ที่อยากมาทานอาหารร่วมกันเป็นหมู่คณะ

“ฉันเชื่อว่าธุรกิจอาหารเสี่ยงน้อยที่สุด เพราะคนเราต้องกิน...และ AI กินแทนเราไม่ได้ ช่วงแรกเปิดร้านเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ เพื่อรวบรวมข้อมูลจากลูกค้านำมาวิเคราะห์ ถามลูกค้าทุกเรื่องถึงเหตุผลที่ลูกค้าเข้าร้าน ตั้งแต่บรรยากาศ รสชาติอาหาร การบริการจนถึงการตกแต่งไลน์อาหาร ไปถึงลายจานชาม ผลลัพธ์คือลูกค้าให้การตอบรับอย่างดี ผ่านไป 2 เดือนจึงตัดสินใจเปิดร้านทุกวัน จากเริ่มต้นแค่ 4 โต๊ะ ตอนนี้ 20 กว่าโต๊ะกลุ่มลูกค้าเราคือคนไทยผู้มีไลฟ์สไตล์ชอบทานอาหารอร่อยคละเคล้าไปกับบรรยากาศที่ร่มรื่นสวยงามเป็นกันเอง”

“คุณบอย” เล่าถึงสาเหตุที่ “บ้านท่าน้ำนนท์” เป็นที่รู้จักในวงกว้างไปทั่วโลกว่า ตั้งแต่ปีแรกที่เปิด เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ จนมีคลิปไวรัลที่ลูกค้าโพสต์ลงโซเชียล “กินหมูกระทะกลางน้ำ” เหตุเกิดจากธรรมชาติของน้ำทะเลที่หนุนน้ำเจ้าพระยาในช่วงน้ำขึ้น แต่ปีนั้นมีน้ำเหนือไหลลงมาสมทบปริมาณมาก ทำให้น้ำเจ้าพระยาขึ้นมาท่วมพื้นร้านเกือบถึงหัวเข่า ลูกค้าต้องนั่งทานหมูกระทะท่ามกลางน้ำที่ท่วมขึ้นมา

แต่เพราะความน่ารัก ความสนุก และความสบายๆของคนไทยที่ไม่ได้มองว่าสิ่งนี้คือปัญหา เพราะลูกค้ากลับชอบและเห็นเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ คลิป “กินหมูกระทะกลางน้ำ” จึงสะเทือนโลกออนไลน์มียอดดู 10 ล้านวิวในคืนเดียว ส่งผลให้สำนักข่าวของไทยและสำนักข่าวต่างประเทศ โดยเฉพาะยักษ์ใหญ่อย่าง AP, AFP, Reuters, BBC, CNN รวมทั้ง NHK แห่กันมาถ่ายทำและเผยแพร่ข่าวออกไปทั่วโลก “คนทั่วโลกไม่ได้มองว่าตลก แต่เขามองเห็นความสุขความยืดหยุ่นและพลังใจของคนไทยแม้อยู่ในภาวะน้ำท่วมและช่วงนั้นยังมีปัญหาโควิดอยู่”

ผลจากวันนั้นทำให้มีทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลกทั้งเอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกา ที่มาเที่ยวไทยต้องการมีประสบการณ์ทานอาหารที่ร้าน แม้จะไม่มีน้ำท่วมแล้วแต่เขายังชอบอาหารและบรรยากาศบ้านริมเจ้าพระยาของวิถีคนริมเจ้าพระยาที่ใช้ชีวิตรื่นรมย์เรียบง่ายสบายอารมณ์

ปีนี้ 2568 เศรษฐกิจย่ำแย่ คนไทยทานอาหารนอกบ้านน้อยลง ต่างชาติมาเที่ยวไทยลดลง ยอดขายร้านเราลดลง 30–40% ธุรกิจไม่ดีนัก แต่เรายังมีความสุข เพราะความสุขเราอยู่ที่ความสุขและรอยยิ้มของลูกค้าที่ได้มาทานอาหาร และอิ่มเอมกับรสชาติอาหารและบรรยากาศของ “บ้านท่าน้ำนนท์”

วันนี้ “คุณบอย” ได้มาทำอีกหนึ่งธุรกิจของตัวเองคือ การตั้งบริษัท รื่นรมย์ คอนเทนต์ ทำช่องข่าวบันเทิงในยูทูบ “The Entertainment Thailand” ที่เน้นผลิตคอนเทนต์ข่าวบันเทิงที่เป็นข้อเท็จจริงเป็นมุมมองเชิงบวกเพื่อสร้างคุณค่าข่าว และมีรายการ “จริง ใจ เล่า” เรื่องราวในวงการบันเทิง “คนชอบข่าวลือข่าวดราม่าข่าวกระแสเรียกเรตติ้ง ซึ่งเป็นปกติ แต่เขาตั้งใจทำข่าวทำคอนเทนต์ที่ให้คนดูแล้วรู้สึก “สบายใจ” ไม่เครียด เราไม่แข่งกับใคร แต่แข่งกับใจตัวเอง ว่าจะเล่าเรื่องให้ดีและจริงได้ขนาดไหน”

เขาปิดท้าย Business on my way เส้นทางชีวิตและธุรกิจของตัวเองไว้ว่า ทำธุรกิจอะไรก็ได้ ถ้าได้ความสุข และอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน กำไรเยอะแต่ไม่มีความสุข ฉันไม่ทำ!!

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ