คุณท็อป-วสุพล ตั้งสมบัติวิสิทธิ์ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายในประเทศ บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด เด็กหนุ่มวัย 27 ปี ซึ่งเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งนี้ หลังเรียนจบในฐานะเจน 3 ของผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราเด็กสมบูรณ์ ที่คนไทยคุ้นเคยมากว่า 80 ปี
“ผมคือเด็กขายซอส” เขาบอก “ในวงการซอส ผมไม่เป็นรองใคร ในเรื่องความรู้ความสามารถเพราะผมเกิดและโตอยู่กับโรงงานซอส ที่เริ่มธุรกิจตั้งแต่คุณปู่ส่งต่อมาที่คุณพ่อ ผมต้องช่วยงานที่บ้านทุกอย่าง ตั้งแต่แปะฉลาก เข้าคลังสินค้าเช็กสต๊อก จนถึงเป็นเด็กติดรถ ตระเวนไปกับคนขับเพื่อช่วยส่งของ-ยกของให้ลูกค้าตามตลาด และเก็บเงินนับเหรียญมาส่งแม่ ทำตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นตอนมัธยมปลาย ถึงได้ไปร่วม Business trip ดูงาน Food Show ที่ต่างประเทศกับพ่อ”
ตอนอายุได้ 18-19 ปี เพิ่งจบมัธยมปีที่ 6 จากอัสสัมชัญ บางรัก ช่วงปี 57 วัยรุ่นฮิตไปร้านคาเฟ่ทานไอศกรีม ของหวาน คาเฟ่ต่างๆบูมมาก เมื่อเขาคิดเล่นๆว่า ถ้านำซีอิ๊วดำที่มีรสชาติหวานๆเหนียวๆของเด็กสมบูรณ์ไปราดบนไอศกรีมจะเป็นอย่างไร เมื่อลองทำดูปรากฏว่าอร่อยดี ให้ใครทานก็ว่าอร่อย เพิ่มรสชาติ เขาจึงเสนอให้พ่อพิมพ์ฉลากแปะที่คอขวดซีอิ๊วดำเพิ่มคำว่า “ใช้ราดไอศกรีมได้” ปรากฏว่า “ซีอิ๊วดำ” กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกโซเชียล เพราะมีคนชอบลอง รวมทั้งอินฟลูเอนเซอร์พากันรีวิว นำซีอิ๊วดำมาราดไอศกรีมทานกันเป็นที่สนุกสนาน
ในที่สุด เขาก็ได้นำมาพัฒนาต่อยอด จนออกมาเป็น “ไอศกรีมรสซีอิ๊ว” และยังได้ไปคอลแล็บจับมือกับร้านแมคโดนัลด์ ออกเมนู “ไอศกรีมหมูหยองน้ำพริกเผา” ขายในแมคโดนัลด์ในช่วงเวลาหนึ่ง
จนเมื่อได้ไปเรียนปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่บางมด และไปต่อปริญญาโท ด้านผู้ประกอบการ ENTRE PRENEUR ที่สหรัฐฯ เมื่อจบมาในปี 66 วัยเบญจเพสอายุ 25 ปี เขาถูกเรียกตัวให้กลับมาช่วยงานที่บ้าน แต่กว่าจะต่อรองเรื่องเงินเดือนกับผู้เป็นพ่อ “คุณสมหวัง ตั้งสมบัติวิสิทธิ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหยั่นหว่อหยุ่นได้ เขาต้องพิสูจน์ตัวเอง โดยไปสมัครงานกับองค์กรอื่นที่ยอมจ่ายค่าจ้างให้เขา ในราคาสูงเท่าเงินเดือนที่เขาต้องการ “คุณสมหวัง” จึงยอมจ่ายค่าตัวให้ตามที่เรียกร้อง “พ่อผมไม่เคยให้อะไรง่ายๆ ยกเว้นเรื่องเรียนกับเรื่องกิน พ่อจะบอกและสอนเสมอว่า การทำธุรกิจมีความไม่แน่นอน อนาคตธุรกิจเราอาจไม่มีอยู่ต่อไปก็ได้ อยากได้อะไรต้องทำเอง ดังนั้นต้องมีความรู้ติดตัว พ่อผลักดันให้เรียนวิศวะ เพื่อให้มีใบประกอบวิชาชีพ เพื่อให้มีความรู้มีอาชีพ”
เมื่อเขาถูกเทรนมาอย่างนี้ ดังนั้นเมื่อต้องมาช่วยธุรกิจครอบครัวเต็มตัว เขาจึงมุ่งขยายธุรกิจและเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบรับพฤติกรรมการบริโภคของคนรุ่นใหม่ มากกว่าพึ่งพาสิ่งที่รุ่นปู่และพ่อทำเอาไว้ดีอยู่แล้ว เพราะใครๆก็รู้จักเด็กสมบูรณ์ ที่เป็นเจ้าตลาดที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของตลาดซีอิ๊วในไทย ขณะที่ส่งออกไปขายมากกว่า 80 ประเทศ
“ผมต้องสร้างความมั่นคงให้ธุรกิจครอบครัว ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างการเติบโต ในมิติและแนวทางของผม ปีนี้เด็กสมบูรณ์ ครบรอบ 80 ปี ผมอยากเก็บลูกค้าทุกเจเนอเรชันให้มาเป็นลูกค้าเด็กสมบูรณ์ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เจนใหม่ เพราะรุ่นพ่อแม่ใช้เด็กสมบูรณ์อยู่แล้ว อยากต่อยอดให้เด็กสมบูรณ์อยู่ต่อได้ถึง 100-200 ปี”
ดังนั้นปีแรกที่เริ่มทำงาน เขาจึงสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการซีอิ๊วอีกครั้ง โดยในงาน TFEX งานแสดงสินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารปี 2566 เด็กสมบูรณ์ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ “ซีอิ๊วโซดา” ในขวดและกระป๋องสำเร็จรูป ซึ่งปรากฏว่าทันทีที่มีข่าวออกไปเพียงวันเดียว บรรดาห้างค้าปลีกร้านโชห่วยต่างพากันสอบถามเข้ามาจำนวนมากและสร้างกระแสไวรัลของซีอิ๊วในรอบที่ 2
เขาบอกว่าจริงๆไม่ได้ผลิตมาเพื่อขาย แต่เพื่อต้องการสื่อให้ผู้บริโภครับรู้ว่า “ซีอิ๊วเด็กสมบูรณ์” สามารถนำไปทำอย่างอื่นได้มากกว่าแค่เป็นส่วนผสมหรือปรุงรสใน “อาหารคาว” เท่านั้น เขาต้องการทำให้ “เด็กสมบูรณ์” เป็นมากกว่าซีอิ๊ว ซึ่งกลยุทธ์นี้ทำให้ผู้คนหันกลับมาพูดถึงซีอิ๊วเด็กสมบูรณ์อีกครั้ง และไม่รู้ว่าเป็นราคาคุยหรือไม่ เขาบอกว่า ในช่วงเวลานั้นยอดขายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ล่าสุด ผลิตภัณฑ์ที่เขย่าวงการซีอิ๊วช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นการเปิดตัว “ซีอิ๊วเม็ดตราเด็กสมบูรณ์” ละลายง่ายใน 2 นาที ที่ใช้พรีเซนเตอร์ไอดอลขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง “พีพี กฤษฏ์” มาสร้างความฮือฮาให้กับวงการซีอิ๊วอีกครั้ง ซึ่งได้การตอบรับอย่างดี โดยก่อนพัฒนามาเป็นซีอิ๊วเม็ด เขาเล่าว่า ในปี 2567 ได้ออก “ลูกอมซีอิ๊ว” มาทดลองตลาดก่อน ซึ่งผลิตมาเท่าไรก็ขายหมด
“เป้าหมายซีอิ๊วเม็ด ต้องการได้ใจคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความสะดวกสบายใช้ง่าย นอกจากนี้เขายังมีภารกิจนำ “ซอสพริกศรีราชา ตราไก่” มาทำตลาดในประเทศไทย หลังก่อนหน้านี้มุ่งทำตลาดส่งออกจนได้การยอมรับในต่างประเทศ!! ขณะเดียวกันจะขยายตลาดส่งออก “ซอสพริกศรีราชา ตราไก่” และน้ำจิ้มซีฟู้ดไปเปิดตลาดที่จีน โดยปี 67 บริษัทมีรายได้รวมกว่า 5 พันล้านบาท ตลอด 10 ปีที่ผ่านมารายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 6% เป็นรายได้จากต่างประเทศ 30% ในประเทศ 70% ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 50%
เขายังบอกว่า เพื่อฉลอง 80 ปีของเด็กสมบูรณ์ เขากับคุณพ่อ ตั้งใจร่วมกันทำผลิตภัณฑ์ที่เด็กสมบูรณ์ไม่เคยทำตลาดนี้มาก่อนเลย ที่ออกมาแล้วต้อง “ว้าว” คิดไม่ถึง โดยเป็นผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ เรียกว่า Hyper car ที่เป็นยิ่งกว่า Super car ของเด็กสมบูรณ์ โดยโจทย์ของทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ คือทำอะไรก็ได้ที่คิดว่าชาตินี้เด็กสมบูรณ์จะไม่ทำ แต่ต้องเป็น “อาหาร” เท่านั้น
“เวลาลงมือทำอะไร ผมจะตั้งเป้ากับตัวเองเสมอ และจะทุ่มเททำอย่างเต็มที่ และผมกล้าคิดนอกกรอบ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง กล้าแตกต่าง เป้าหมายธุรกิจผม ผมต้องการตอบแทนบุญคุณเด็กสมบูรณ์ ที่ทำให้ผมมีวันนี้ ตอนนี้ผมอายุ 27 ปี ยังมีเวลาอีก 33 ปี ที่จะทำเพื่อเด็กสมบูรณ์”.
เลดี้แจน
คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม