คนอื่นเดินเราต้องวิ่ง-คนอื่นวิ่งเราต้องบิน "เมย์ วาสนา อินทะแสง" ใช้ทุกบาดแผลสร้างการเติบโต

Business & Marketing

Corporates & Leadership

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

คนอื่นเดินเราต้องวิ่ง-คนอื่นวิ่งเราต้องบิน "เมย์ วาสนา อินทะแสง" ใช้ทุกบาดแผลสร้างการเติบโต

Date Time: 4 ต.ค. 2568 03:40 น.

Summary

“คุณเมย์ วาสนา อินทะแสง” ซีอีโอ ผู้ก่อตั้ง รีโว่เมด (ไทยแลนด์) เธอเลือกจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่การเป็นโรงงานผลิตหลังบ้าน แต่เธอต้องการเป็นผู้ให้บริการครบวงจร

Latest

"ไม่มีอะไรง่าย" ภารกิจของ "ดนันท์ สุภัทรพันธ์" ขับเคลื่อน "ไปรษณีย์ไทย" ในสมรภูมิส่งเดือด

ในยุคที่ตลาดธุรกิจความงามและอาหารเสริมแข่งขันกันดุเดือด “ความเร็ว” ในการตัดสินใจ เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ “หัวแถว” คือสิ่งสำคัญของการอยู่รอดและความเป็นผู้นำตลาด ขณะที่หลายโรงงาน OEM ที่รับจ้างผลิตสินค้า ส่วนใหญ่อาจทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ผลิต แต่สำหรับ “คุณเมย์ วาสนา อินทะแสง” ซีอีโอ ผู้ก่อตั้ง รีโว่เมด (ไทยแลนด์) เธอเลือกจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่การเป็นโรงงานผลิตหลังบ้าน แต่เธอต้องการเป็นผู้ให้บริการครบวงจร

เพราะแรงผลักดันที่ทำให้เธอโดดเข้าสู่ธุรกิจนี้ มาจากวิกฤติครีมออนไลน์ “เมจิกสกิน” ที่สั่นคลอนวงการเครื่องสำอาง ครีมและอาหารเสริมของไทย หลังพบการผลิตที่ไร้มาตรฐาน มีส่วนผสมของสารต้องห้ามสารอันตราย จนเกิดการปราบปรามครั้งใหญ่ ส่งผลให้ผู้คนขาดความเชื่อมั่น สินค้าทั้งครีมและอาหารเสริมแบรนด์ไทย ต้องล้มหายตายจากกันถ้วนหน้า!!

แต่นั่นกลับทำให้เธอเห็นเป็นโอกาส จึงนำมาสู่การก่อตั้งบริษัท รีโว่เมด (ไทยแลนด์) ขึ้นมาในปี 2558 พร้อมแนวคิดการเป็น One Stop Solution ที่ไม่เพียงเป็นโรงงานผลิต แต่ให้บริการตั้งแต่ช่วยคิด สร้างคอนเซปต์ คัดเลือกสูตร วัตถุดิบ ดีไซน์บรรจุภัณฑ์ แนะนำทำการตลาดไปจนถึงการขาย!!

โดยเธอวางรีโว่เมด (ไทยแลนด์) เป็นคู่คิดของธุรกิจ ที่ยึดหลักความสำเร็จของลูกค้าคือความสำเร็จของเรา ทำให้จากวันแรกจนถึงวันนี้เพียง 10 ปี บริษัทของเธอได้ให้บริการลูกค้าไปแล้วกว่า 2,000 แบรนด์ มีบัญชีลูกค้ากว่า 5,000 บัญชี เธอว่าผลงานที่เกิดขึ้นนี้ สะท้อนคุณภาพความไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อบริษัท

แต่เป้าหมายเธอไม่ได้อยู่เพียงเท่านี้ หลังวางแผนไปซื้อหุ้นใหญ่ 55% ในบริษัทผลิตอาหารเสริม Active NZ 1984 ซึ่งเป็นเจ้าของนวัตกรรมและแบรนด์ Bioactive ในนิวซีแลนด์ พร้อมรีแบรนดิ้งและเปิดตัว Bioactive Plus คอลลาเจนในรูปแบบ droplet เข้มข้น ที่เธอระบุว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ “เจ้าแรกของโลก” ทำให้ทันทีที่เปิดตัวขายในประเทศไทย เพียง 4 เดือน ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้วงการ เพราะทำยอดขายได้เกือบ 1 พันล้านบาทครองอันดับ 1 บน TikTok ติดต่อกัน 3 เดือน สร้างเครือข่าย Affiliate ได้กว่า 140,000 ราย และยังขยายช่องทางขายสู่ค้าปลีกสมัยใหม่และร้านบิวตี้ช็อป Watsons, Eveandboy และเตรียมวางขายในโรงพยาบาล เพื่อสร้างภาพลักษณ์แบรนด์สุขภาพความงามที่มีฐานผู้ใช้ที่เข้าถึงได้ในวงกว้าง

เธอตั้งเป้าปิดยอดขายปีนี้ที่ 2,000 ล้านบาท และปีหน้ากระโดดมาที่ 3,500 ล้านบาท ขณะที่เป้าระยะกลาง คือการเจาะตลาดจีนและอเมริกา ให้ได้ยอดขายตลาดละ 5,000 ล้านบาทต่อปี ใน 3-5 ปีข้างหน้า!!

สิ่งที่ผลักดันให้ธุรกิจเธอเหนือคู่แข่งสำหรับ Bioactive Plus นั้น เธอว่า เพราะการมี Holistic Supply Chain ที่เธอควบคุมได้ทั้งหมดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ ตั้งแต่วัตถุดิบ การผลิต การจัดเก็บ การแพ็กสินค้าจนถึงการจัดจำหน่าย และความ Fulfillment นี้ยังทำให้เธอสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“เมย์เป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว ถ้าทุกอย่างอยู่ในมือเมย์ เมื่อมั่นใจแล้ว เมย์ลุยทำทันที เพราะความเร็วไม่ใช่เป็นเพียงข้อได้เปรียบ แต่คือการอยู่รอด เมย์คิดเสมอว่า เราต้องวิ่งในขณะที่คนอื่นเดิน และเราต้องบินในขณะที่คนอื่นวิ่ง และเมย์ไม่เคยหยุดวิ่ง” นี่คือปรัชญาที่เธอใช้ในชีวิตการทำงานและธุรกิจ รวมทั้งการสร้างทีมงานที่ต้องมีเป้าหมายเดียวกัน”

“คุณเมย์” เล่าถึงแผน Global Expansion อย่างจริงจังว่า เธอกำลังทำงานร่วมกับ Distributor รายใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือของจีน ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลกลุ่มสินค้าแบรนด์หรูระดับ LVMH เพื่อนำ Bioactive Plus ไปสู่ผู้บริโภคชาวจีน และกำลังเปิดบริษัทในอเมริกา เพื่อทำการจัดจำหน่ายเอง แม้ต้องผ่านกระบวนการ FDA หรือมาตรฐาน อย.ของสหรัฐฯ ที่ต้องใช้เวลา แต่มันคือก้าวที่สำคัญ หากต้องการสร้างแบรนด์ที่ยั่งยืน เพื่อขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่นๆทั่วโลก เหมือนแบรนด์อาหารเสริมระดับโลกอย่างแบลคมอร์ส หรือแบรนด์อื่นๆ

เมื่อถามว่า ต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นไทยหรือไม่ เธอตอบอย่างมั่นใจว่า เธอมองไกลไปถึงตลาดหุ้นโลกอย่าง NASDAQ ถ้าบุกจีนลุยอเมริกาได้ มันไม่น่ายาก เธอต้องการเป็นคนสร้างสินค้าไทยสู่เวทีโลก และมั่นใจว่า เมื่อเธอใส่สุดจริงจังและ ALL IN กับมันแล้ว เธอต้องทำได้ ดังนั้นจึงตั้งเป้าไป NASDAQ ภายใน 5–7 ปี หรือหากจะเข้าตลาดหุ้นไทย ก็ต้องเป็นบริษัทที่มีมาร์เกตแคปใหญ่ระดับหลายหมื่นล้าน หรือหลักแสนล้านบาท!!

เมื่อถามถึงความล้มเหลว เธอตอบทันทีว่า เธอเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ถ้ามั่นใจในผลิตภัณฑ์และธุรกิจที่วางแผนอย่างดีแล้ว เธอไม่เคยกลัว ที่ผ่านมาไม่ว่าเธอหยิบจับทำธุรกิจอะไรมักสำเร็จเสมอ ถ้ามันอยู่ในมือหรืออยู่ในการตัดสินใจและการควบคุมของเธอ หลายครั้งที่เธอล้ม ขาดทุน บาดเจ็บ มีบาดแผล เพราะไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองคนเดียว

ที่สำคัญหากล้ม ขาดทุน ถูกโกงหรือต้องสูญเสียจากความไว้ใจคน เธอจะลุกขึ้นอย่างเร็ว เพื่อวิ่งต่อ เธอจะไม่จมปลัก แต่เลือกมองไปข้างหน้า เงินเก่าช่างมัน หน้าที่ของเธอคือหาเงินใหม่ เธอย้ำว่า ทุกบาดแผลเป็นพลังในการสร้างการเติบโตให้ตัวเอง เธอเชื่อว่าเงินหาได้ง่าย แต่ “มิตรแท้” หายากกว่า และวันนี้เธอเลือกใช้เงินซื้อความสุขและมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง และภาคภูมิใจกับรายได้ที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง นี่คือเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ

Business on my way ของเมย์ วาสนา คือบทพิสูจน์ว่า ความสำเร็จในโลกธุรกิจล้วนมาจากความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า และใส่ให้สุด เพื่อไปอยู่หัวแถวให้เร็วที่สุด และเธอไม่หยุดที่ความสำเร็จแรก แต่ใช้ทุกโอกาสทุกบาดแผล เพื่อผลักดันตัวเองไปสู่นักธุรกิจแถวหน้า ที่ผลิตสินค้าแบรนด์ไทย ไปยืนบนเวทีโลก สู่การเป็น Global Brand แบรนด์ของโลก!!

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ “Business on my way” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ