พลังหญิงในโลกธุรกิจ ถอดแนวคิด 6 CEO รุ่นใหม่ ศาสตร์และศิลป์สร้างแบรนด์ให้แตกต่างและยั่งยืน

ในโอกาสวันสตรีสากล Mirror Thailand ได้จัดงาน "FOR ALL WOMEN and Girl ก้าวไปด้วยกันเพื่อเธอทุกคน" เวทีแห่งการถอดบทเรียนความสำเร็จจาก 6 ผู้นำหญิงรุ่นใหม่แห่งวงการธุรกิจไทย ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์และกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและยั่งยืนในตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน

ผู้บริหารหญิงทั้ง 6 คน ได้แก่ ธัญย์ณภัคช์ ศิริประภาเจริญ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ KARUN, กรกนก สว่างรวมโชค ซีอีโอแบรนด์ SHU, เพชรรัตน์ ศฤงคารเจษฎา ซีอีโอแบรนด์ PETCHPLOY, นฤมล ประเสริฐสุข ซีอีโอแบรนด์ Gala Camille, วริษฐา สืบพันธ์วงษ์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Mizuhada Group และชวิศา เฉิน Sexologist และผู้ก่อตั้ง WENDAYS ได้เผยถึงศาสตร์และศิลป์ในการสร้างและพัฒนาแบรนด์ของตนให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จนสามารถครองใจลูกค้าและเติบโตอย่างต่อเนื่อง

บทสนทนาจากเวทีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงพลังและศักยภาพของผู้นำหญิงในโลกธุรกิจ แต่ยังเผยให้เห็นถึงแนวคิดเชิงกลยุทธ์ที่ผสมผสานทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะในการบริหารแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นการรีเสิร์จตลาดอย่างละเอียด การเข้าใจความต้องการของลูกค้าในระดับลึก หรือการสร้างสรรค์เรื่องราวและภาพลักษณ์ที่แตกต่าง

จุดร่วมสำคัญที่ผู้บริหารหญิงทั้ง 6 คนนี้นำมาถ่ายทอด คือการใช้ความละเอียดอ่อน ความเข้าใจในผู้บริโภค และความไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ มาเป็นเครื่องมือในการสร้างแบรนด์ให้มีความแตกต่างและเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

บทเรียนจากผู้นำหญิงเหล่านี้ไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักธุรกิจรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นแผนที่ทางธุรกิจที่แสดงให้เห็นว่า การผสมผสานศาสตร์ด้านการบริหารธุรกิจเข้ากับศิลปะการสร้างแบรนด์นั้น สามารถนำพาธุรกิจให้เติบโตและยืนหยัดได้อย่างมั่นคงในระยะยาว

KARUN เริ่มจากรู้ใจลูกค้า ก่อนครองใจผู้บริโภค

คุณรัช - ธัญย์ณภัคช์ ศิริประภาเจริญ CEO, Founder ของแบรนด์ KARUN ชาไทยยี่ห้อดังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกล่าวว่า กุญแจไขความสำเร็จของแบรนด์มาจากการรีเสิร์จตลาด เพื่อหาว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการแต่เขาไม่รู้ตัว และวางแนวทางว่าควรจะขายชาไทยแบบไหนให้โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร และถูกใจลูกค้า

เนื่องจากธุรกิจชาไทยในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงจนแทบจะล้นตลาด คุณรัชมองว่าแบรนด์ KARUN ไม่สามารถแข่งขันในเรื่องของราคาได้เพราะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าเจ้าอื่นๆในท้องตลาด ดังนั้นทางแบรนด์จึงมองว่าภาพลักษณ์และบรรจุภัณฑ์ของสินค้าคือจุดขายที่สิ่งสำคัญ

นอกจากนี้แบรนด์ KARUN ยังเป็นเจ้าแรก ๆ ในไทยที่เริ่มทำของฝากจากชาไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Endless Possibility of Thai Tea” หรือชาไทยสามารถเป็นได้ทุกอย่างโดยไม่มีที่สิ้นสุด

ซีอีโอของแบรนด์ KARUN ยังกล่าวอีกว่า ทั้งการรีเสิร์จตลาด, การพัฒนาสินค้า, การสร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ รวมไปถึงการใส่ใจและมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอนั้นทำให้ลูกค้าเริ่มชอบและค่อยๆตกหลุมรักแบรนด์ไปโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าปัจจุบันการเป็นนักธุรกิจหญิงจะไม่ค่อยมีอุปสรรคแล้วเพราะสังคมเปิดกว้างต่อทุกเพศ แต่สิ่งที่ต้องมีในการเริ่มต้นทำธุรกิจคือเราต้องมีความมั่นใจที่จะยืนหยัดในการทำธุรกิจ และเพิ่มประสบการณ์ด้วยการศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจ

SHU ผ่านวิกฤตเพื่อโอกาส และไม่หยุดที่จะเรียนรู้

คุณป้อ - กรกนก สว่างรวมโชค CEO ของแบรนด์ SHU กล่าวว่า ตอนที่เริ่มธุรกิจในช่วงแรกๆนั้นตนไม่ยังเข้าใจว่าทำไมลูกค้าถึงต้องการรองเท้าที่สวยและดีต่อสุขภาพ จนกระทั่งตนประสบอุบัติเหตุทำให้ขาหัก จึงทำให้เข้าใจว่าการมีรองเท้าที่ดีต่อสุขภาพของเท้านั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมากแค่ไหน

และไม่เพียงแต่ทำให้รองเท้าใส่สบายเท่านั้น แต่การออกแบบสีรองเท้าก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ดังนั้นคุณป้อจึงไปเรียนรู้เกี่ยวกับ Personal Color เพื่อผลิตรองเท้าที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกพอใจกับความสวยของมันเมื่อสวมใส่รองเท้า จากความใส่ใจแม้แต่รายละเอียดเล็กๆของแบรนด์ SHU นั้นทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จและได้รับความชื่นชอบมากขึ้นในหมู่แฟชั่นของผู้หญิงยุคใหม่

คุณป้อยังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอุปสรรคของการเป็นผู้นำหญิงในโลกธุรกิจว่า “ความเป็นผู้หญิงของเราไม่เป็นอุปสรรคเลยในการเป็น CEO หญิง เพราะเราทำอะไรคนก็มีแต่สนับสนุนและเอ็นดูเรา”

ทั้งยังกล่าวอีกว่าไม่ว่าจะเพศไหนก็มีอุปสรรคในการทำธุรกิจหากเริ่มด้วยการทำผิดโจทย์และติดกระดุมผิดเม็ดตั้งแต่แรกเพราะอาจส่งผลต่อธุรกิจในอนาคตได้ หากพลาดแล้วสามารถแก้ไขได้ทันเวลาก็จะมีประสบการณ์และสามารถยืนได้อย่างมั่นคงมากขึ้น แต่ในกรณีขณะเดียวกัน การติดกระดุมถูกเม็ดตั้งแต่แรกก็มีอุปสรรคเช่นกัน คือการเติบโตที่รวดเร็วเพราะทีมของเราอาจโตไม่ทัน ซึ่งมันอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้

ปัจจุบัน ภาพจำของแบรนด์ SHU คือรองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกนุ่มและดีต่อสุขภาพเท้า ทั้งยังมีสีของรองเท้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ โดยทั้งสองอย่างนี้มาจากการที่แบรนด์ใส่ใจและมองเห็นความต้องการของผู้บริโภท รวมถึงไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาแบรนด์ให้เติบโตยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

PETCHPLOY ธุรกิจกับบทบาทแม่และภรรยา

ธุรกิจเสื้อผ้า หลายคนอาจคิดว่าฟังดูเหมือนง่ายแต่จริงๆแล้วเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างละเอียดและต้องการความใส่ใจเป็นอย่างมากกว่าจะออกมาเป็นชุดหนึ่งตัว คุณเพชร - เพชรรัตน์ ศฤงคารเจษฎา CEO แบรนด์ของ PETCHPLOY กล่าวว่าหนึ่งในจุดเด่นของแบรนด์ PETCHPLOY คือการรู้ความต้องการและเข้าใจลูกค้า เช่น เรามองกลับไปในฐานะผู้บริโภคว่าเขาต้องการอะไร และนำ Pain points ตรงนั้นมาปรับเพื่อให้สินค้าตอบโจทย์และดีสำหรับกลุ่มเป้าหมายของเราได้

ทั้งยังกล่าวว่า การเป็นนักธุรกิจหญิงนั้นไม่ค่อยได้เผชิญอุปสรรคในเรื่องของเพศ แต่กลับเป็นโอกาสที่ดีกับธุรกิจเพราะเมื่อเจ้าของแบรนด์เป็นผู้หญิงก็จะเข้าใจความต้องการของลูกค้าผู้หญิงเหมือนกันได้ ประกอบกับผู้หญิงรักการเข้าสังคม หากเจอสิ่งที่ถูกใจก็จะบอกต่อกันไปจนทำให้แบรนด์ถูกรู้จักมากขึ้น

แต่ในขณะเดียวกันการเป็นซีอีโอหญิงก็มีคววามลำบากเนื่องจากไม่ใช่แค่ต้องบริหารธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องสวมบทบาทเป็นภรรยาและแม่ไปพร้อมกันอีกด้วย แต่เราต้องมีการจัดสรรเวลา และมีทีมบริหารที่ดี เพื่อที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและรวดเร็ว รวมถึงต้องมองรู้จักศึกษาความรู้เรื่องเทคโนโลยีและพัฒนาทักษะการทำงาน รวมถึงทักษะการเป็นผู้นำเพื่อให้ธุรกิจของเราแข็งแรงมากขึ้น

นอกจากนี้ทั้งสามท่านยังมีการฝากข้อแนะนำถึงนักธุรกิจหญิงที่กำลังเติบโตว่า การมีวินัยในการทำงานและการหาข้อมูลเพิ่มเติมนั้นคือหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะผู้บริหารหญิงหรือชายต้องมีทั้งความรู้และความเข้าใจต่อลูกค้า และต้องมองหาสิ่งที่ดีต่อและพร้อมรับฟังเสียงของผู้บริโภค

การจะเป็นผู้นำองค์กรได้ไม่เพียงแค่บริหารงานได้ดีเท่านั้น แต่ต้องขยันพัฒนาตัวเองให้มีความรู้เพิ่มขึ้นเสมอ เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของทีมงานและภาพลักษณ์ขององค์กรที่ผู้บริโภทมองผ่านผู้บริหาร ดังนั้นการมีทักษะความเป็นผู้นำที่ใส่ใจทั้งตนเอง ทีมบริหาร และลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการดำเนินธุรกิจ 

ผู้นำหญิงในโลกธุรกิจ: ความแตกต่าง จุดแข็ง และแนวทางสร้างความเชื่อมั่น

ความแตกต่างระหว่าง CEO ชายและหญิงในมุมมองของนักธุรกิจหญิง

การบริหารธุรกิจในปัจจุบันไม่ได้ถูกจำกัดโดยเพศ แต่ลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลอาจทำให้เกิดความแตกต่างในการเป็นผู้นำ คุณวริษฐา สืบพันธ์วงษ์ CEO และผู้ก่อตั้ง Mizuhada Group มองว่า CEO ชายมักจะมีความเข้าใจในธุรกิจของตนเองอย่างลึกซึ้ง ขณะที่ผู้หญิงมักมีทักษะที่โดดเด่นในเรื่องของ "คน" ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือการเข้าใจความรู้สึกของทีมงาน (Empathy) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้การบริหารทีมมีประสิทธิภาพและช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง

ด้านคุณนฤมล ประเสริฐสุข CEO แบรนด์ Gala Camille กล่าวเสริมว่า ความแตกต่างของเพศไม่ใช่ข้อจำกัด ตราบใดที่แต่ละคนสามารถดึงจุดแข็งของตัวเองออกมาใช้ได้ดี โดยเฉพาะในธุรกิจที่ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น การผสมผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่ายสามารถช่วยให้ผลลัพธ์ของธุรกิจออกมาดีเป็นทวีคูณ

คุณชวิศา เฉิน Sexologist และผู้ก่อตั้ง WENDAYS เห็นด้วยกับมุมมองข้างต้น โดยเน้นว่าความเป็นผู้นำนั้นขึ้นอยู่กับสไตล์และบุคลิกของแต่ละคนมากกว่า เพศไม่ได้เป็นตัวกำหนดความสามารถ แต่สิ่งที่สำคัญคือการปรับตัว ความยืดหยุ่น และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของผู้ประกอบการหญิงที่ทำให้สามารถไปถึงเป้าหมายได้

การสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ

ทุกนักธุรกิจต่างมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของตนเอง เพราะพวกเขาทุ่มเทอย่างเต็มที่กับสิ่งที่ทำ แต่การจะส่งต่อความเชื่อมั่นนั้นไปสู่ลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจได้นั้นต้องอาศัยกลยุทธ์ที่หลากหลาย

คุณชวิศา มองว่า "ความเชื่อใจ" เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และสิ่งที่จะช่วยให้เกิดความเชื่อใจ ได้แก่ "ความโปร่งใส" ในการสื่อสารกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา "ความจริงใจ" ที่ไม่พยายามเปรียบเทียบแบรนด์ของตัวเองกับแบรนด์อื่น และ "ความสม่ำเสมอ" ในการรักษาคุณภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม

เธอยังได้เริ่มทำคอนเทนต์เกี่ยวกับ Sex Education ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ความรู้และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาแอป Talk To Peach ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเรื่องเพศกับผู้เชี่ยวชาญ

ด้านคุณนฤมล แชร์ประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง เธอมองว่า Branding เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์โดดเด่น Gala Camille จึงเลือกสร้างมุมมองใหม่เกี่ยวกับการแต่งหน้า โดยผสมผสานกับศิลปะ และนำเสนอผ่าน Key Visual และการสื่อสารที่แตกต่างจากตลาดทั่วไป อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับลูกค้าโดยการเข้าไปใกล้ชิดผ่านการไลฟ์สดเพื่อรับฟัง Feedback และนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์มากขึ้น

สำหรับแบรนด์สกินแคร์ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องความภักดีของลูกค้า คุณวริษฐา กล่าวว่าการสร้างความเชื่อมั่นให้กับแบรนด์ Mizumi เกิดจาก "ความมุ่งมั่น" ที่มีต่อลูกค้าในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของผลิตภัณฑ์ การตลาด การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และโปรโมชั่น ซึ่งเมื่อทั้งหมดรวมกันก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและทำให้พวกเขากล้าลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ของแบรนด์มากขึ้น

ทักษะที่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ควรมี

การเป็นผู้ประกอบการในยุคปัจจุบันจำเป็นต้องมีทักษะที่หลากหลาย คุณวริษฐา แนะนำว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการพาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ที่ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบทางความคิด

คุณนฤมล มองว่า "Passion" และ "ความอยาก" เป็นปัจจัยสำคัญ เพราะเมื่อเรารักในสิ่งที่ทำ เราจะมีพลังในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า นอกจากนี้ ความสุขระหว่างทาง การปรับตัว และการเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ก็มีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเติบโตได้เร็วขึ้น โดยเธอย้ำว่า "ความสำเร็จไม่มีสูตรตายตัว" วันนี้อาจสำเร็จ แต่พรุ่งนี้อาจต้องเปลี่ยนแปลง ดังนั้น อย่ายึดติดกับแนวทางเดิม ๆ และลงมือทำทันที

ด้านคุณชวิศา ได้ปิดท้ายด้วยการแชร์แนวคิด 3P ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ได้แก่ Passion ความรักและความมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำ Persistence ความพยายามและความอดทนเมื่อเผชิญอุปสรรค และ People เพราะการที่จะประสบความสำเร็จ เราไม่สามารถเดินไปคนเดียวได้ พร้อทิ้งท้ายว่า “อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง อย่ากลัวที่จะล้มเหลว และอย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่” 

ในโลกของธุรกิจ ไม่มีข้อจำกัดว่าใครจะเป็นผู้นำที่ดีขึ้นอยู่กับเพศสภาพ สิ่งที่สำคัญคือการรู้จักจุดแข็งของตัวเองและนำมันมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นทักษะการบริหารคน การสื่อสาร การสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า หรือการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่สามารถปรับตัวได้และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทาย คือผู้ที่จะนำธุรกิจของตนไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง