
เรากำลังพูดถึง ‘Goyard’ หรือ โกยาร์ด แบรนด์เครื่องหนังจากปารีสที่มีอายุยาวนานกว่า 230 ปี แต่ยังคงสถานะ ‘ต้นตำรับแบรนด์หรู’ พรีเซนต์ความแรร์ไฮเอนด์ได้จนถึงปัจจุบัน สูสีกับผู้เล่นแบรนด์หรูรายอื่น โดยที่แบรนด์ไม่เคยทำการโฆษณาบนหน้าสื่อ ไม่จัดงานเปิดตัวหรูเริ่ด ไม่จ้างเซเลบแม้แต่คนเดียว และที่สำคัญ คือ หาซื้อสินค้าได้แค่ในช็อปจริงเท่านั้น เพราะแบรนด์ไม่จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ใดๆ ทั้งสิ้น
Goyard มีจุดเริ่มจากธุรกิจหีบหนัง (Trunk) ในชื่อ 'House of Martin' เปิดตัวครั้งแรกปี 1792 โดย ปิแอร์ ฟรองซัวร์ มาร์ติน (Pierre-François Martin) เดิมที Goyard ขึ้นชื่อเรื่อง Super Craftsmanship บริการด้านการบรรจุหีบห่อที่เป็นเลิศ รับบรรจุห่อเฟอร์นิเจอร์และของกระจุบกระจิบ อย่างหมวก เสื้อคลุมหรือดอกไม้ ด้วยผ้าใบสีน้ำมัน ตอบโจทย์นักเดินทางชั้นสูงที่สัญจรในยุโรป
ขณะนั้นธุรกิจหีบหนังเริ่มได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นสูงในฝรั่งเศสอย่างมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 กิจการเริ่มขยับขยาย มาร์ตินส่งต่อร้านให้กับ หลุยส์ เฮนรี่ โมเรล (Louis-Henri Morel) ลูกเขย จนกระทั่งในปี 1853 ฟรองซัวส์ โกยาร์ด (François Goyard) เด็กชายที่เคยฝึกงานและได้รับการกล่อมเกลาลับฝีมือโดยมาร์ตินและโมเรลเป็นเวลาหลายปี ได้รับช่วงต่อร้านเป็นทายาทรุ่นที่สาม เพราะการเสียชีวิตอย่างกะทันหันของโมเรล
โกยาร์ เปลี่ยนชื่อร้านเป็น ‘House of Goyard’ และบริหารกิจการอย่างมั่นคงกว่า 30 ปี ก่อนส่งต่อให้ลูกชาย เอ็ดมอนด์ โกยาร์ (Edmond Goyard) เขาผู้นี้ คือ ผู้วางรากฐานความ Luxurious ด้วยการปรับโฉมบูทิคขยายไลน์สินค้าและส่งออกแบรนด์สู่นานาประเทศ เขายังเป็นผู้สร้างแบรนดิ้งสำคัญให้กับ Goyard ด้วยลวดลาย ‘Goyardine’ บนผ้าใบลินินเคลือบผสมผ้าฝ้ายที่ได้กลายเป็นซิกเนเจอร์ของ Goyard ในทุกวันนี้
อย่างไรก็ตามช่วงหลังสงครามโลกราวปี 1980 กิจการ Goyard ขาดทุนหนักจนต้องขายต่อให้กับ ฌอง มิเชล ซิกญอล (Jean-Michel Signoles) เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าเด็กในฝรั่งเศสในปี 1998 เขาคือหนึ่งในแฟนคลับตัวยงของ Goyard ที่ได้คืนชีพมรดกระดับตำนานที่กำลังไม่สู้ดีจากทั่วโลกให้กลับมารุ่งโรจน์และปังกว่าเดิมจนถึงปัจจุบัน
ในอดีต Goyard นับเป็นงาน Marquage หรือ ‘Art of the hand’ ที่ได้เปลี่ยนภาพจำของหีบเก็บของในอดีต ด้วยกลวิธีเฉพาะเพื่อเพิ่มความทนทาน การออกแบบผ้าใบที่ห่อหุ้มหีบและกระเป๋าด้วยผ้าใบลินินและผ้าฝ้ายผสมเคลือบพิเศษ น้ำหนักเบา กันน้ำ สัมผัสประหนึ่งหนังแท้
เอกลักษณ์ลายบนผืนผ้าใบที่เรียกว่า ‘Goyardine’ ถูกวาดด้วยมือทีละจุด เรียงต่อกันเป็นรูปตัว Y ซึ่งเป็นตัวอักษรตรงกลางของชื่อตระกูล Goyard ที่มีลักษณะคล้ายรูปทรงท่อนซุงเรียงต่อกัน เพื่อระลึกถึงอาชีพเดิมของตระกูลโกยาร์ดที่เคยค้าขายไม้ ซึ่งภายหลังก็ได้เพิ่มลวดลายแบบคัสตอมพิเศษตามสั่งอย่างบรรจงด้วยมือ ที่ได้ยกลายเป็นแนวปฏิบัติของ Goyard ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา
ทุกวันนี้ลวดลายอันเป็นซิกเนเจอร์ของ Goyard ไม่ใช่การลงสีด้วยมืออีกต่อไป แต่เป็นการสลักและย้อมสีด้วยเทคนิคการพิมพ์แบบพิเศษ แต่ถ้าหากมีออเดอร์พิเศษจากทางแบรนด์ก็ยังสามารถที่จะวาดลายนั้นด้วยมือให้เป็นสินค้าชิ้นพิเศษโดยช่างฝีมือโดยเฉพาะ เพื่อรักษารากฐานที่มุ่งเน้นงานฝีมือแบบดั้งเดิม ปัจจุบัน Goyard จำกัดให้ลูกค้า 1 คน สามารถซื้อสินค้าค้าได้ไม่เกิน 3 ชิ้นต่อปีเท่านั้นอีกด้วย การจำกัดปริมาณสินค้า ยิ่งเพิ่มความแรร์ให้กับ Goyard มากยิ่งขึ้น
Goyard เคยถูกเรียกว่า กระเป๋าของขุนนาง และกลายเป็นสัญลักษณ์แสดงถึง ‘สถานะสูงสุด’ ในหมู่เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก นอกเหนือจากความเอ็กซ์คลูซีฟของลวดลายที่ไม่ใช่ใครจะสะสมและเป็นเจ้าของได้ อีกสิ่งที่ทำให้ Goyard น่าหลงใหล เกิดจาก กลยุทธ์ ‘Silence Marketing’ ที่ต่างจากแบรนด์เนมเจ้าอื่น สามารถพูดได้ว่า Goyard ยังคงความ Old-Fashioned ในด้านการตลาดและการขาย โดยพวกเขาไม่ขายหรือโปรโมตสินค้าทางออนไลน์เลย ไม่ว่าจ้างสื่อและดาราดัง เพราะเชื่อว่าความหรูหราที่แท้จริงจะบ่งบอกในตัวของมันเอง แน่นอนว่าจะรู้ว่าคอลเลกชันใหม่ออกก็ต่อเมื่อเดินเข้าบูทิคเท่านั้น
อิทธิพลของ Goyard ในสาธารณะเริ่มมีชื่อเสียงหลังจากกลุ่มลูกค้าที่มีอิทธิพล โดยเฉพาะชนชั้นสูงที่หยิบจับกระเป๋ามาใช้และบอกต่อแบบปากต่อปาก ปัจจุบัน Goyard เป็นที่นิยมในราชวงศ์ ผู้นำประเทศจากทั่วทุกมุมโลกตั้งแต่อดีต อาทิ ราชวงศ์โรมานอฟ ราชวงศ์วินเซอร์ บุคคลสำคัญระดับโลก Sir Arthur Conan Doyle และ Jacques Cartier ที่เดินทางรอบโลกไปพร้อมกับ Trunk หีบที่สามารถเปลี่ยนเป็นโต๊ะหนังสือและพับเก็บได้ของ Goyard ที่สั่งทำขึ้นเอง Goyard ยังได้รับการยอมรับจากเหล่าดีไซน์เนอร์ ทั้ง Coco Chanel และ Karl Lagerfeld รวมถึงบรรดาแร็ปเปอร์ A$AP Rocky, Kanye West, Rihanna และเหล่าดาราเซเลบมากมาย
ปัจจุบันยักษ์ใหญ่วงการลักชูฝรั่งเศสอย่าง Kering และ LVMH ต่างแสดงความสนใจในกิจการแบรนด์ Goyard ซึ่งหากเทียบแล้วนั้นมีขนาดกิจการที่เล็กกว่าหลายเท่า แต่ว่ากันว่ายังไม่สามารถตกลงดีลได้สำเร็จ
จะเห็นว่า ความสงบเงียบไม่สร้างกระแส กลายเป็นการสร้างกระแสอีกรูปแบบหนึ่ง และเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความต้องการในสินค้านั้นๆ ของทั้งชายและหญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขามีตัวเลือกมากมายในตลาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ Goyard เป็นที่รักไม่เพียงเพราะความลึกลับสง่างามเหนือกาลเวลาเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความพิเศษเฉพาะตัวของงานฝีมือ การคงมาตรฐานการผลิต และคุณภาพที่ทนทาน ล้วนเป็น แกนสำคัญของการก่อร่างสร้างแบรนด์ Goyard ให้แข็งแกร่งเป็นตำนานกว่า 2 ศตรวรรษ
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย Goyard และ Louis Vuitton สองแบรนด์หรูระดับโลกประลองฝีมือกันตั้งแต่อดีต Louis Vuitton ก่อตั้งหลังให้หลัง 1 ปี ในปี 1908 เอ็ดมอนด์ โกยาร์ เคยแข่งขันประกวดงานฝีมือแบบตัวต่อตัวกับ หลุยส์ วิตตอง และชนะรางวัลเหรียญทองในงาน Franco -British ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ชัยชนะของเอ็ดมอนด์ ได้สร้างชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ทำให้แบรนด์ Goyard เป็นที่รู้จัก สร้างความนิยมในกลุ่มดารา คนชั้นสูง และรางวงศ์หลังจากนั้น
ปัจจุบัน Goyard มักจะถูกเทียบกับ Louis Vuitton เพราะ กระเป๋าสองรุ่นฮิตตลอดกาลอย่าง Tote Bag รุ่น Saint Louis ราคาเริ่มต้น 1,600-2400 ดอลลาร์ (55,000-80,000 บาท) และ Louis Vuitton Neverfull ราคาเริ่มต้น 1,500-2000 ดอลลาร์ (50,000-70,000 บาท) ทั้งสองขึ้นชื่อเรื่องเครื่องหนังและความหรูหรา และมีหน้าตาคล้ายคลึงกันอย่างกับแกะ เพียงแค่แตกต่างกันแต่ลวดลายเอกลักษณ์ของแบรนด์
อ้างอิง Goyard Paris , VOX , Hypebeast , Business Insider , Purseblog