หนิง ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา จีระแพทย์ พิธีกรที่มากด้วยประสบการณ์ เพราะเต็มที่กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแบบเต็มร้อย นอกจากในวันนี้เป็นผู้สอนการพัฒนาบุคลิกภาพ ที่หลายคนวางใจแล้ว ในฐานะบทบาทของความเป็นแม่ ก็เริ่มรับหน้าที่ให้คำปรึกษากับคนรอบข้าง เพราะประสบการณ์ตรงในการดูแลลูกสาววัย 15 ปี เบลล่า กุญช์จารี จีระแพทย์ ที่วันนี้เดินอยู่บนเส้นทางที่วัดได้ด้วยความสุขของลูกเป็นสิ่งสำคัญ
ย้อนไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว แม้หนิงและ โบ๊ท จามร จีระแพทย์ ได้เตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ เมื่อรู้ว่ากำลังมีสมาชิกใหม่ในครอบครัว แต่เมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริงๆ หนิงบอกว่า แทบจะร้องไห้ เพราะสิ่งที่เจอ 2 เดือนแรกนั้น หนักมากถึงขนาดที่ หนิงเปิดใจกับไทยรัฐออนไลน์ว่า ช่วงนั้นมีอาการเป็น เบบี้บลู (Baby Blue) คือ มีภาวะอารมณ์เศร้าและเครียดหลังคลอดเลยทีเดียว
“เพราะเราอยู่กับลูก 24 ชั่วโมง ไม่ได้ทำอะไรเลย ให้นม นอน ตื่นมาให้นม ร้องไห้ ร้องทั้งวันทั้งคืนไม่หลับไม่นอน เราก็คิดว่าการมีลูกเป็นแบบนี้เลยเหรอ แต่พอผ่านไป 3 เดือนทุกอย่างก็ดีขึ้น เราต้องเข้าใจว่าเขาเกิดใหม่ เราก็เกิดใหม่ คือเราเกิดใหม่ในฐานะแม่ ปรึกษาหมอ หมอบอกว่า เราต้องเรียนรู้กันและกัน เขาเป็นแบบนี้เราต้องเป็นอย่างไร ต้องปรับตัวให้ได้
ตอนนั้นสรุปได้ว่าลูกไม่ชอบนอนคนเดียว ตอนหลังหมอบอกว่าให้นอนใกล้ๆ ตัวเข้าเต้าเลย เพราะก่อนหน้านี้เรากางตำราว่าอย่าทำ เพราะลูกจะติด พอทำอย่างที่หมอบอก โอ้โหมีความสุขมาก รู้เลยว่านี่คือธรรมชาติของเขา เขาชอบอยู่กับคน อยากอยู่ใกล้ชิดคน และก็นอนอยู่ตรงกลางพ่อกับแม่มา 10 กว่าปี เพิ่งแยกห้องนอนไม่กี่ปีนี่เอง”
...
นี่คือบทเรียนแรกของการเป็นแม่ ที่หนิงเรียนรู้ และนำมาสู่หลักการคิดในการเลี้ยงลูกให้มีความสุข โดยไม่บังคับ และคุยกันด้วยเหตุด้วยผลตั้งแต่เด็ก บวกกับอีกวิธีสำคัญคือ เรื่องความเด็ดขาด ซึ่งเป็นบุคลิกลักษณะนิสัยของหนิงอยู่แล้ว ที่เด็ดขาดทั้งในเรื่องส่วนตัว และการทำงาน จึงส่งต่อมาถึงการเลี้ยงลูกที่ต้องเด็ดขาดในบางเรื่อง หากดุคือ ดุอย่างจริงจัง เพื่อให้เขารู้ว่าไม่ถูกต้อง และจะไม่เกิดขึ้นอีก
“ตอนนี้มีเพื่อนมาถามว่า ทำอย่างไรดี ลูกเอาแต่ใจตัวเองมากถึงมากที่สุด เราถามเลยว่า เคยดุไหมล่ะ ก็ตอบว่าดุ เมื่อถามว่า ดุแบบไหน ถ้าบางทีไม่หนักแน่นพอ เด็กเขาก็ไม่เชื่อ จะมาแก้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว วิธีการสอนของหนิง คือต้องเด็ดขาดในบางเรื่อง ตามใจในบางเรื่อง ถ้าถึงเวลาเด็ดขาดเขาต้องเชื่อฟังเรา หนิงเป็นแม่ที่ดุพอสมควร แต่ลูกเป็นเด็กที่สุขภาพจิตดี มีความสุข เพราะเราเองไม่ได้เป็นคนที่ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห และเราก็เอาลูกไปทำงานตั้งแต่เล็ก เราติดลูก ลูกก็ติดแม่ เป็นเรื่องความใกล้ชิด ถ้าเราใกล้ชิดกับเขาตั้งแต่แรกให้เขาแน่นๆ มันก็ไม่มีอะไรขาดในใจเขา”
ความใกล้ชิดผูกพันกับลูกที่หนิงทำมาตั้งแต่แรก คืออ่านหนังสือ อ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอนตั้งแต่อยู่ในท้องทุกวัน เป็นช่วงเวลานาทีทองที่สามารถสะสมไว้ จนเมื่อโตขึ้นลูกก็สนใจอ่านหนังสือโดยอัตโนมัติ
...
“หนิงว่าการเลี้ยงลูก สำคัญคือต้องให้เวลา ตอนที่หนิงยังไม่แต่งงานเจอแม่ ณเดชน์ (ณเดชน์ คูกิมิยะ) บอกว่าเลี้ยงลูกอย่าให้ห่าง ประโยคนี้ไม่เคยลืม และจำมาตลอด ก็เข้าใจแล้วการเลี้ยงลูกไม่ใช่การคอนโทรลลูก แต่เป็นเรื่องของความใกล้ชิดสนิทสนม แล้ววันหนึ่งเขาจะกล้าพูดกับเรา เพราะเราเลี้ยงเขาแบบใกล้ชิด หากห่างออกไป เขาไม่คุยกับเรา แล้วเขาจะไปคุยกับคนอื่นแทน”
วิธีการสอนลูกคือการไม่บังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่มีความสุข อย่างที่เห็นคือ น้องเบลล่าชอบเต้นมาตั้งแต่เล็ก เต้นบัลเลต์บ้าง เต้นแจ๊สบ้าง เป็นสายประกวดสายแข่งขัน ได้รางวัลบ้าง ไม่ได้รางวัลบ้าง ก็ได้เรียนรู้ว่า ชีวิตไม่ได้สมหวังเสมอไป และการเต้นมีทีมเวิร์กที่ต้องมีความรับผิดชอบ ต้องรู้จักสามัคคี มีคนผิดหวัง มีคนดีใจ ถ้าเราชนะเราอย่าไปแสดงออกมาก เพราะในขณะเดียวกันมีเพื่อนผิดหวังอยู่
...
“หนิงว่าการที่เขาเรียนเต้น มีการแข่งขันทำให้เขามีความรับผิดชอบ จัดระเบียบชีวิตได้ เรียนหนังสือเสร็จต้องไปซ้อมเต้น ซ้อมเต้นเสร็จกลับมาเก็บของต้องไปแข่ง เหมือนกิจกรรมนี้อยู่ในขบวนการจัดระเบียบชีวิตตัวเอง ไปเรียนหนังสือเขาก็บริหารจัดการเวลาของเขาเองได้ ไม่ต้องเป็นห่วง”
ตอนนี้น้องเบลล่าเป็นวัยรุ่น ที่ต้องปล่อยให้เรียนรู้ ให้ลอง ได้ลองผิดลองถูก และให้ได้ตัดสินใจเอง เลี้ยงแบบมีทั้งเวอร์ชันแม่ และเวอร์ชันเพื่อนด้วย ในสไตล์ที่แบบไหนลูกว่าดี แม่ก็ว่าดี แต่เรื่องสำคัญคือขอให้เรียนหนังสือก่อน เพราะยุคนี้ เด็กรุ่นใหม่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ
ผลของความชอบในศิลปะการเต้น ทำให้น้องเบลล่ามีความตั้งใจเรียนรู้ เพื่อไปสู่เป้าหมายใหม่ๆ ทั้งการแข่งขันในประเทศต่างๆ ตั้งแต่ ออสเตรเลีย จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย หรือเวทีระดับเอเชีย ที่ฮ่องกง รวมไปถึงในช่วงโควิด-19 ระบาด ที่ผ่านมา ได้เข้าเรียนที่สถาบันสอนเต้น Joffrey Ballet นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ทุนเรียน Musical Theatre ไปเรียน 3 เดือน ที่หนิงไปอยู่ด้วย ไปรับส่งทุกวัน ยิ่งทำให้ลูกรู้สึกดี เพราะรู้ว่าแม่ทุ่มเทเวลาให้ สนับสนุนในสิ่งที่เขาชอบ แบบนี้เป็นกิจกรรมที่เราทำกันมาต่อเนื่องในการไปไหนมาไหนด้วยกัน รวมไปถึงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา น้องเบลล่าได้ประสบการณ์ในการเป็นผู้นำเต้นในขบวนที่ดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกง ด้วย
...
ปัจจุบันน้องเบลล่าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติไอเอสบี ที่แม้จะเริ่มอิ่มตัวกับการแข่งเต้นบ้างแล้ว แต่ก็กำลังทดสอบบทบาทใหม่ในการเป็นครูผู้ช่วยสอนเต้นให้รุ่นน้อง คิดท่าแข่งเต้น ซึ่งหนิงบอกว่า เป็นกิจกรรมที่ทำให้ลูกได้เรียนรู้การทำงาน โดยยังเป็นสิ่งที่ลงตัวกับกิจกรรมที่ลูกชอบด้วย เรียกได้ว่าตรงตามโจทย์ในฐานะแม่ ในสไตล์ของ หนิง ศรัยฉัตร กุญชร ณ อยุธยา จีระแพทย์ ที่เลี้ยงลูกโดยต้องคิดถึงความสุขของลูกเป็นสิ่งสำคัญ