ดูแลตัวเองจาก โควิด-19 ด้วยวิธีมากมาย กลับมาเกือบตายจากอุบัติเหตุค่ะ ขับรถยางระเบิดไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนกลับจากพัทยาก่อนจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ พอรถสิ้นฤทธิ์เข้าข้างทาง มีรถกระบะพุ่งมาชนท้ายอีกที ไม่มีใครบาดเจ็บนะคะ หนักที่สุดคงเป็นรถที่ห่อหุ้มตัวเรา เอาเรื่องราวมาเล่าไว้ในโซเชียลฯ หลายสื่อเอาไปลงข่าว พาดหัวเอาซะตกใจ คล้ายๆ ตายไปแล้ว เหลือแค่ RIP อย่างเดียว ไม่เป็นไรเลยค่ะ ประเด็นนั้นไม่สำคัญเท่า สิ่งที่เล่าไป
พี่ตำรวจเดินมาถามว่า ห้อยพระอะไร? ยังตอบไปว่า “พระสติ” และ “พระคุณ” ค่ะ “พระสติ” คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ขับรถเร็วให้มโนถามตัวเองไปเลยว่า ถ้ามีใครโยนของใหญ่ๆ ลงมาบนถนน เราหลบทันไหม ถ้าคำตอบคือ “ไม่ไหว” ให้ค่อยๆ ถอนคันเร่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไร ขอให้เราใช้ความเร็วแบบที่เอารถอยู่ และเมื่อรถจำเป็นต้องจอดในจุดเสี่ยง อย่างรถที่ยางระเบิดแล้วไปสิ้นฤทธิ์ริมมอเตอร์เวย์ วินาทีนั้นคิดแค่ว่ากลับเข้าไปนั่งในรถก่อน คาดเข็มขัดไว้แม้ว่ารถจะจอดนิ่งสนิท สิ้นเสียง “กริ๊ก” คาดเข็มขัด มีเสียงเบรกยาวมากด้านหลัง แล้วรถที่ตามมาก็พุ่งชนจริงๆ ล้อหลังเพลาหัก สิ้นสภาพทันที แต่ในรถสะเทือนน้อยมาก เพราะเข็มขัดช่วยรั้งไว้เยอะ
นอกจาก “พระสติ” คือ “พระคุณ” ของใครๆ ก็ตามที่เคยเจอประสบการณ์นี้แล้วบอกวิธีรับมือเอาไว้ ออกมานอกรถเมื่อไหร่ รถที่พุ่งมาชนอาจชนเราตกขอบทางก็มีให้เห็นบ่อยๆ เลยต้องค่อยๆ เตือนกัน วันที่รอดมาได้เลยอยากโพสต์ต่อไว้เผื่อเป็นทางรอดให้ใครๆ เช่นกันค่ะ อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดทั้งนั้น แต่เหตุสุดวิสัยมันมีอยู่จริงๆ ของขวัญเดือนเกิดปีนี้คือยังมีลมหายใจอยู่ต่อรอฟังเรื่องอ่อนแอของใครๆ ต่อไปนะคะ
...
“พี่อ้อยครับ คู่ของพ่อแม่ผมแต่งงานกันมา 44 ปี ผ่านช่วงที่ดีและไม่ดีมาเยอะแยะ แต่หลังๆ คุณพ่อเองเริ่มกลับไปติดต่อกับคนรักเก่า และก็เริ่มคุยกันมากขึ้นทางไลน์และมีโทรฯหากันบ้าง จนครั้งหนึ่งคุณพ่อเองอยากจะไปทางใต้เพื่อเจอกับทางผู้หญิงคนนี้ ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มของความระหองระแหงกับคุณแม่ แม้ว่าท้ายสุดแล้วคุณพ่อจะไม่ได้ไป ปกติคุณพ่อจะไม่ค่อยตอบไลน์หรือมีส่วนร่วมมากในไลน์กลุ่มของครอบครัว แต่กลับไม่ใช่เมื่อเกิดการคุยกับคนรักเก่าคนนี้ ซึ่งจะเป็นคำที่แสดงออกถึงความเป็นห่วงที่มากกว่าแสดงออกกับคนภายในบ้าน รวมถึงแสดงออกกับคุณแม่ด้วย ซึ่งคุณแม่ก็ได้เห็นข้อความนั้นด้วยความบังเอิญ มีวันหนึ่งลองเปิดอกคุยกับคุณพ่อ ท่านรับปากว่าจะแก้ปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กลับมาเป็นแบบเดิมอีก คุณแม่ยิ่งรู้สึกเสียใจ ตอนนี้ไม่พูดคุยกับคุณพ่อ และแยกห้องนอนกัน เหมือนต่างคนต่างอยู่เรียบร้อย ในฐานะลูกและคนในครอบครัว ผมควรทำอะไรได้บ้างครับ”
ใช้ทั้งโหมดเสียใจ และโหมดใช้สติไปพร้อมๆ กันค่ะ เสียใจใครก็เป็นค่ะ พ่อไม่ใช่แค่ทำร้ายหัวใจแม่ แต่ทำร้ายหัวใจทุกคนในครอบครัว ผิดถูกพ่อรู้หมดเหลือแค่อดไม่ได้ พ่อทำลายความศรัทธาในหัวใจลูกทั้งหมดที่เชื่อว่าพ่อคือฮีโร่ที่ทำให้บ้านเราอบอุ่นและมีความสุข แต่พ่อก็มนุษย์คนหนึ่ง มีรักโลภโกรธหลง ปลงได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เคยดีๆ มาตลอด กลับมาจอดตอนสูงวัย เป็นไปได้หมด ในเมื่อน้องเคยคุยกับคุณพ่อแล้ว ท่านทำได้แค่นี้ เป็นพี่ พี่จะเขียนไว้ให้ท่านอ่าน “ขอบคุณทุกอย่างที่พ่อเคยทำให้ครอบครัวอบอุ่นมาตลอด จนวันนี้ ผมโชคร้ายที่ต้องมาเจอปัญหาบ้านแตกตอนโตแล้ว ถ้าพอจะมีโชคดีอยู่บ้าง ผมก็แค่ขอคืนคุณพ่อที่น่ารักของผมกลับมา แต่ถ้าไม่ได้ ผมจะประคองหัวใจแม่ให้ดีที่สุดแทนพ่อครับ...” เราทำในมุมของเราให้เต็มที่ สุดแท้ต่อจากนี้จะเป็นยังไง ก็ยอมรับให้ได้ในทุกเงื่อนไข
กอดคุณแม่ให้แน่นๆ คุยกัน ถามกัน เป็นกำลังใจให้ท่าน “ไม่ว่ายังไง ผมอยู่ตรงนี้เสมอนะครับแม่” ตอนเป็นเด็กตัวเล็กๆ เราเป็นฝ่ายร้องขอ อยากให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา แต่พอโตขึ้นมา เราต้องบอกตัวเองให้ได้ว่า ไม่ว่าครอบครัวจะขาดตกบกพร่องยังไง เราต้องพาคนในครอบครัวไปต่อให้ได้ภายใต้เงื่อนไขที่มี วันนี้หัวใจคนที่เจ็บกว่าเราคือคุณแม่ ดูแลท่านดีๆ สามีนอกใจ แต่ยังมีลูกที่ใส่ใจ อาจจะแทนกันไม่ได้ แต่อย่างน้อยคงไม่ทำให้ท่านเคว้งคว้างจนเกินไป อย่ามองว่าเรื่องนอกใจ ใครๆ ก็ทำ คนที่ช้ำ ไม่ใช่แค่คนที่ถูกนอกใจ แต่คือทุกคนในครอบครัวที่เชื่อมาเสมอว่า ครอบครัวเรารักกันมาก ความซื่อสัตย์ให้กันมันยากตรงไหน และต่อให้บ้านแตก อย่ายอมให้ชีวิตแหลก ไปเพราะคนไม่รู้จักพอ