เรามาถึงจุดที่ เริ่มมีความสุขกับการอยู่ใต้หน้ากากผ้าแล้วค่ะ วันแรกแสนจะอึดอัด วันนี้เริ่มจัดการความรู้สึกตัวเองได้ สิ่งที่เรียนรู้จาก Covid-19 คือ การดูแลตัวเองดีๆ เป็นอีกวิธีในการดูแลคนอื่นด้วย หน้ากากที่คาดหน้าเรา ไม่ใช่แค่ปกป้องตัวเรา แต่คือการปกป้องคนอื่นเขาที่อาจได้เชื้อจากเรา โดยที่เราไม่รู้ตัว ใช้ชีวิตกันต่อไปอย่างมีสตินะคะ ช่วงนี้ในโซเชียลฯ เดือดเหลือเกิน เรากำลังสู้กับไวรัส อย่าเพิ่งสู้กันเอง โจทย์รอบตัวยากๆ เราต้องจับมือกันให้แน่นมากๆ ยังบอกตัวเองอยู่ทุกวัน มีเวลาเหลือแค่ไหน ก็แค่นั้น ดูแลและเห็นคุณค่าของวันเวลาที่ยังมีและทำให้ดีที่สุด

เมื่อศุกร์ที่ผ่านมา จัด Club Friday มีสายหนึ่งโทรฯเข้ามาคุยกัน น้องบอกว่า “คบกับแฟนมา 8 ปี แต่ไม่เคยมีโมเมนต์ของคนที่เป็นแฟนกันเลยค่ะพี่” น้องเริ่มต้นแบบนี้ ก็เลยพูดไปว่า บางคู่ความโรแมนติกน้อย แต่เขาก็คอยดูแลกันอย่างดี บางทีไม่เคยมีดอกไม้ให้กันสักดอก บอกรักก็ไม่บ่อย แต่ก็รักกันไม่ใช่น้อยนะคะ “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะพี่ อาจเป็นเพราะเราต่างมีโลกส่วนตัวสูงด้วยกันทั้งคู่ อยู่ก็ไม่ได้ห่างกันแต่ไม่ค่อยอยากไปหากัน เขาก็ไม่มาหาเรา เราเองก็ไม่ค่อยอยากไปหาเขา โทรฯ คุยกัน ก็ไม่ค่อยอยากคุย เขาบอกว่า เขางานเยอะ ไม่เห็นต้องคุยกันทุกวัน แค่รู้ว่ารักกันก็พอแล้ว” งงขึ้นมาอีกระดับ เจอก็ไม่อยากเจอ คุยก็ไม่อยากคุย แล้วเรารักกันยังไงนะ น้องบอกว่า “เฉลี่ยเจอกันสามเดือน 1 ครั้ง คุยกัน 3-4 วัน หนหนึ่ง คบมา 8 ปี อยู่ดีๆ วันนี้เขาบอกว่าแต่งงานกันเถอะ พ่อแม่บอกว่าคบกันนานแล้ว ปัญหาคือ หนูยังไม่อยากแต่งค่ะ อยากเดินทางท่องเที่ยว อยากทำงานอีกสักพัก ไม่รู้จะบอกเขายังไง” 

...

คุยกับตัวเองดีๆ ค่ะ อยากทำงานอีกสักพัก หรือไม่ค่อยรักเท่าไหร่แล้ว คนจะมีคู่ ไม่ต้องอยู่อย่างตกงานก็ได้ เรายังสามารถทำงานไปรักไป เป็นสามีภรรยาที่ช่วยกันทำมาหากิน ไม่ใช่ทิ้งทุกสิ่งให้สามีหาเลี้ยงแต่เพียงผู้เดียว อยากเดินทางท่องเที่ยว เราเที่ยวด้วยกันก็ได้นี่นา แต่งงานไม่ใช่ติดคุก แค่แบ่งปันความสุขให้กันและกัน ถ้าวันนี้น้องจะไม่ค่อยรักเขาเท่าไหร่ ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นะ เมื่อมีเขาเหงาไม่ต่างจากโสด อยู่ก็ใกล้ๆ แต่ไม่ค่อยอยากดูแล 3 เดือนเจอกันที แล้วเอาเวลาที่มีไปใช้กับใคร ไม่อยากรู้หรือว่า คนที่เรารัก ตอนที่ไม่เจอกัน เขาเจอปัญหาอะไรหรือเปล่า สุขหรือเศร้ากับเรื่องไหน มีใครคอยเป็นกำลังใจ เราควรชื่นใจกับความใส่ใจเล็กๆ ที่มีให้กันทุกวัน ไม่ใช่ห่างเหินกัน แต่ให้หลอกตัวเองไปวันๆ ว่าที่ไม่เจอกัน ไม่ใช่ไม่รัก มันผิดปกติเกินไป

คู่ที่รักทางไกล มีหลายเงื่อนไขที่ยังอยู่ใกล้ไม่ได้ เขายังต้องพยายามตะเกียกตะกาย หาเวลาเท่าที่ได้เพื่อมาหากัน คู่น้องอยู่กันใกล้ๆ แต่ไม่มีความอยากมาหา ยังไม่ต้องคิดถึงว่าจะแต่งงานดีหรือไม่ดี เพราะเวลาที่มีอยู่นี้ จะเรียกว่า “แฟน” ยังเรียกได้ไม่เต็มปากเต็มคำเลย

คบกันมาตั้ง 8 ปี บางคู่รู้จักกันนาน ยังไม่ได้แปลว่ารู้จักกันดี นี่นานๆ เจอกันที จะเอาอะไรมาการันตีว่าชีวิตคู่ต่อจากนี้จะมั่นคง ลองเปิดใจคุยกันดีๆ อีกทีดีไหม ตอนนี้ต่างคนต่างรู้สึกยังไงกับความสัมพันธ์แบบบุฟเฟต์ คือหารับประทานเอง ไม่ต้องเจอหน้า แต่ขอให้เชื่อว่าเรารักกัน จะรักกันจากอะไรดีคะ การกระทำเสียงดังกว่าคำพูด นี่พูดก็ไม่ได้พูด การกระทำก็มองไม่เห็น แค่พยายามเชื่อว่าเราเป็นแฟนกัน เราลองใช้เวลาด้วยกันให้มากกว่านี้ดีไหม แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีเรื่องแต่งงาน อย่าแต่งงานเพราะแรงกดดันเรื่องวัย หรือแม้แต่ผู้ใหญ่ร้องขอ งานแต่งจัดไม่ยาก แต่ที่ควรคิดให้มากๆ คือชีวิตหลังแต่งงานต่างหาก