ในการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ความสัมพันธ์มาเลเซีย-ไทยในบริบทอาเซียน" ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้น โดยมี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และ ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ และ รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล นั้น มีเรื่องน่าสนใจในหลายด้าน พร้อมกับเคล็ดลับอายุยืนของ "มหาเธร์ โมฮัมหมัด" ด้วย เราไปฟังเรื่องราวน่าสนใจพร้อมๆ กัน
ศ.ดร.บัณฑิต กล่าวว่า ประเทศไทย และ ประเทศมาเลเซีย มีความสัมพันธ์กันมายาวนานตั้งแต่ปี 2500 และในปี 2510 ได้ร่วมลงนามข้อตกลงเป็นสมาชิกอาเซียน Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) เพื่อความร่วมมือด้านสภาพสังคมและเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมาทางมาเลเซียมีการกำหนดทิศทางและมุ่งความสนใจในด้านสาธารณะเพื่อแก้ปัญหา ที่ไม่ใช่แค่ประโยชน์ต่อคนในชาติ แต่ยังส่งผลต่อภูมิภาคในประเทศนี้อีกด้วย ซึ่งประเทศไทยก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีถัดไป ในฐานะที่ไทยจะเป็นประธานของอาเซียนในปีหน้า ส่วน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังคงให้การสนับสนุนทางด้านวิชาการและการวิจัย ระหว่างมหาวิทยาลัยมาเลเซียกับเราอย่างต่อเนื่อง พร้อมยังเชื่อมต่อการศึกษาในระดับภูมิภาค ผ่านเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน เพื่อนำไปสู่อนาคตของคนรุ่นใหม่ ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ในประชาคมอาเซียนอีกด้วย
...
ด้านผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ประเทศไทยคือศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์ฮาลาลของโลก ประเภทนวัตกรรมการบริการที่เป็นเลิศ ระดับดีเด่น จากโครงการ "HAL-Q นวัตกรรมระบบบริหารจัดการคุณภาพความปลอดภัยผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาลครบวงจร" ซึ่งทุกนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้น ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์และคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภคทั้งสิ้น ทั้งนี้ถือว่าเราประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาสนับสนุน ซึ่งหลายประเทศมองไทยเป็นแบบอย่าง ด้วยมุ่งมั่นดำเนินงานเพื่อความปลอดภัยด้านกายภาพและจิตวิญญาณของผู้บริโภคมุสลิมทั้งในประเทศและทั่วโลก ดังนั้นวิทยาศาสตร์ฮาลาล จึงเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สาขาต่างๆ นำไปสู่การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ ตลอดจนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศด้วย
ขณะที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า อาเซียนมีศักยภาพสูง จากการมีประชากรมากกว่า 660 ล้านคน นับเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่อาเซียนควรทำคือ การหันมาผลิตสินค้าต่างๆ ด้วยตัวเอง เพราะถ้าผลิตเอง จะทำให้มีผลผลิตมากมาย และเติบโตได้รวดเร็วขึ้น และจากการที่อาเซียนมีความหลากหลาย แต่ละชาติจึงควรใช้ความแตกต่างให้เกิดประโยชน์ สำหรับการแก้ปัญหาต่างๆ ได้พิสูจน์แล้วว่า อาเซียนประสบความสำเร็จในการรักษาเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค โดยใช้วิธีที่ดีที่สุด เป็นสิ่งที่เราให้คุณค่าว่า เราแก้ไขได้โดยผ่านการเจรจา
อย่างไรก็ตาม ดร.มหาเธร์ ผู้นำที่อาวุโสที่สุดในโลกด้วยอายุ 93 ปี ยังเปิดเผยเคล็ดลับอายุยืน แข็งแรง สง่า และการที่ยังมีปฏิภาณไหวพริบที่ดีเยี่ยม ว่า
1. ไม่สูบบุหรี่
2. ไม่ดื่มเหล้า
3. ไม่กินอาหารเยอะเกินไปจนปล่อยให้อ้วน เพราะเราจะอายุสั้นถ้ากินมากเกินไป
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
5. ตอบคำถามบ่อยๆ ทำให้ได้ใช้สมองอย่างสม่ำเสมอ
6. เป็นคนที่ตื่นตัวอยู่เสมอ
7. ไม่เครียดเกินไป ด้วยการยอมรับ และรู้จักปรับตัวอยู่กับปัญหาให้ได้
ในวัยขนาดนี้ 93 ปี แต่นายกรัฐมนตรียังคงแข็งแรง และทำงานได้อย่างดีเยี่ยม หากใครจะนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูแลตัวเอง ก็คงจะได้ผลดีไม่น้อย.