ควันหลงวันแม่ ไปฟังวิธีการเลี้ยงลูกของ 'คุณแม่เม-วินิตตา ก้องธรนินทร์' คุณแม่สุดแซ่บของ นางสาวไทยปี 2549 แถมพ่วงดีกรีคุณหมอ 'เจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์' นั่นเอง นอกจากลูกสาวอย่างหมอเจี๊ยบแล้วนั้น คุณแม่เมยังเป็นแม่ของ 'คุณวิตต์ ก้องธรนินทร์' เด็กหนุ่มผู้เคยคว้าเงินล้านจากรายการอัจฉริยะข้ามคืน รวมถึง 'คุณพราว ก้องธรนินทร์' อดีตผู้ประกาศข่าวภาษาอังกฤษรายการ Newsline อีกด้วย
พูดแบบนี้แล้วเชื่อว่าหลายๆ คนคงอยากรู้จัก 'คุณแม่เม-วินิตตา ก้องธรนินทร์' กันแล้วใช่ไหมคะ ที่สำคัญคือ เธอมีเทคนิค หรือเคล็ดลับอะไรในการเลี้ยงลูกๆ ให้ออกมามีคุณภาพขนาดนี้ ไม่ต้องรอนานเรามีคำตอบ
วิธีเลี้ยงลูกตามสไตล์แม่เม

เราเลี้ยงลูกตามธรรมชาติคือใช้ใจเลี้ยง แล้วเราจะสามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้ดีกว่า มีเวลาให้เขา ไม่เอาลูกไปเปรียบเทียบกับใคร สิ่งแรกเลยพ่อแม่ต้องเลี้ยงลูกด้วยทัศนคติที่ดีก่อน ถ้าพ่อแม่ชอบเปรียบเทียบ เด็กจะไม่มีทางมีความสุข ต้องทำเป็นตัวอย่างให้เขาเห็น ดีกว่าไปบอกสอนหรือสั่งว่าต้องทำตัวอย่างไร การเป็นพ่อเป็นแม่ไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เราต้องทำให้เขาค้นพบศักยภาพของตัวเองให้เร็วที่สุด ได้ทำสิ่งที่ชอบ แล้วให้เขาได้ใช้ชีวิตของเขาไป ก็แค่นั้น
...
ฟังดูเหมือนเป็นแนวคิดง่ายๆ แต่การเป็นแม่มืออาชีพต้องใช้พลังมหาศาลและเป็นภารกิจระยะยาวในการส่งคนถึงฝั่งให้สมบูรณ์ที่สุด
จริงๆ ไม่ได้ดีกว่าคนอื่น มีเพี้ยนบ้าง แต่ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน สิ่งดีๆ หลายอย่างที่เห็นในตัวลูกๆ คือเขาเป็นคนมีน้ำใจ รู้จักช่วยเหลือคน คิดว่าลูกเราน่าจะเป็นคนมีคุณภาพเหมือนกันนะ ไม่แก่งแย่ง คิดในสิ่งที่ดีงาม และมีตรรกะ
เด็กแสบ 'ลลนา' ลูกสาวคนกลาง

เจี๊ยบตอนเด็กไม่ชอบไปโรงเรียน ปีหนึ่งมี 365 วันลูกเราไปโรงเรียนไม่ถึง 60 วัน จบจากสาธิตประสานมิตร ย้ายไปสาธิตปทุมวัน เรียนได้เกรด 2 ตอนหลังดีขึ้น และย้ายไปเตรียมอุดมศึกษา ช่วง ม.4 อยู่ห้องบ๊วย จน ม. 5 เริ่มพัฒนาและได้เรียนห้อง King เพราะอยากเป็นหมอฟัน เขามารู้ตัวเองว่าอยากเรียนหมอตอนม.6 ซึ่งนับว่าช้ามาก เขาอยากให้คนหายเจ็บป่วย เลยต้องทุ่มเทสุดๆ แม่ก็ต้องทุ่มสุดๆ ไปหาครูมาสอน ไปจุฬาฯ หาอาจารย์มาสอนฟิสิกส์
แฝงตัวไปดู เห็นนักศึกษาคนหนึ่งคณะวิทยาศาสตร์ เก่งมาก จ้างมาสอนลูกเลย ลูกพูดถูกว่า ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ขอให้ทำซ้ำๆ จนเป็นความเคยชิน วันหนึ่งจะทำได้เอง เรามีปัญญา มีแขนขา ทุกอย่างเราทำได้หมด เขาก็ได้เรียนแพทยศาสตร์ รามาธิบดี ซึ่งเลือกเป็นอันดับหนึ่งสมใจ”
โอจีฟ และพราว ก้องธรนินทร์ ลูกชายคนโตกับลูกสาวคนเล็ก

โอจีฟ เป็นเด็กฉลาด อ่านหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ 3 ขวบ เขาจะชอบเรียนอะไรยากๆ เคยพาเขาไปเช็กปรากฏว่าเขาอัจฉริยะ สามารถจับผิดหนังสือนิทานได้ สังคมไทยกับฝรั่งต่างกันมาก เขาต่อต้านจนต้องย้ายไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่โอจีฟก็จบโรงเรียนทหารแล้วถึงเข้ามหาวิทยาลัย

...
คนเล็ก พราวเลี้ยงง่าย ให้เรียน ESL ทั้งที่เขาเรียนภาษาอังกฤษอยู่แล้ว แต่คิดว่า ESL จะทำให้เขาได้เกณฑ์เวลาสอบ IGCSE ซึ่งเขาได้คะแนนเทียบเท่า A+ ได้เรียนนิเทศภาคอินเตอร์ ที่จุฬา และไปจบปริญญาโทด้าน Media Management ที่ Parsons The New School for Design นิวยอร์ก เรียนอยู่ปีครึ่ง แล้วมาทำงานกับฝรั่งที่โรงหนัง Central Embassy เป็น Brand Manager ซึ่งเป็นงานที่เขาอยากทำ
คุณหมอเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรนินทร์

ความภูมิใจของคุณเม คือการได้เห็นลูกๆ เดินในเส้นทางที่เลือกเองได้อย่างราบรื่นและมีความสุข เจี๊ยบนี่เหมือนม้าตีนปลาย ค่อยๆ วิ่งถึงเส้นชัย ตอนจบแพทยศาสตร์ มีโรงพยาบาลเอกชนเสนอเงินเดือนให้หกหลักปลายๆ โชคดีที่เจี๊ยบพอมีชื่อเสียงบ้าง เลยมีคนเสนองานให้ เขาฝันว่าถ้าเขาอยากเปิดฟรีคลินิก เอาเงินที่ได้นี้ไปเปิดได้สบายๆ
แต่มันคงเป็นโชคชะตานะ เพราะวันหนึ่งมีอาจารย์มาเรียกตัวไปช่วยงานที่โรงพยาบาลนพรัตน์ โรงพยาบาลรัฐบาลที่คนงานไปรักษาเยอะมาก เจี๊ยบไปช่วยห้องฉุกเฉินตอนตี 1 กลับตี 5 พอกลับมาบอกแม่ว่า ไม่ไปทำโรงพยาบาลเอกชนแล้วนะ อยากกลับไปเรียนต่อ กลัวว่ายังไม่มีความสามารถมากพอในระดับที่จะช่วยชีวิตใคร หรือรักษาคนให้หายได้จริงๆ มีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ เลยไปเรียนต่อด้านฉุกเฉินที่รามาฯ เขาอยากช่วยเหลือคน เพราะส่วนใหญ่คนไข้ที่มาฉุกเฉิน คือไม่ไหวมากันแล้ว ถ้าทำตรงนี้เหมือนได้บุญ ตามใจเขา เลยกลับมาสอบเข้าเรียนต่อฉุกเฉิน ที่รามาฯต่อ ได้เงินเดือน 20,000 บาท
...

อย่างไรก็ตาม แม่เม บอกว่า กล่าวตบท้าย ว่าลูกของเธอ เป็นตัวของตัวเองมาก ทุกคนมีแนวคิดเป็นของตัวเองหมด ไม่มีใครหัวอ่อนเลย เขาคิดว่าเขาจะทำอะไรเขาก็ทำ บางทีเป็นคนสอนแม่ด้วยซ้ำไปว่าแม่อย่าทำแบบนี้นะ อย่าทำแบบนั้นนะ แม่มันไม่ถูกนะ ซึ่งเราก็ฟังหมด คิดว่าการรับฟังไม่เสียหากหรอก เพราะบางทีเขาอาจมีมุมมองอย่างอื่นที่น่าสนใจ
อ่านเนื้อหาฉบับเต็มได้ที่ :Hello