เมื่อได้ยินคำว่า “โรคอุบัติใหม่” และ “ยานวัตกรรม” หลายคนอาจมองว่าไม่น่าสนใจและเป็นเรื่องไกลตัวอย่างที่สุด แต่เมื่อได้ฟังบทสัมภาษณ์ ดร.แมรี่ เสรฐภักดี อุปนายกสมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด พูดถึงความยากลำบากในการวิจัยยานวัตกรรมสักตัวหนึ่ง ที่ต้องใช้ทั้งเงินลงทุน ระยะเวลา และความสามารถของนักวิจัย อีกทั้งโอกาสสำเร็จมีราว 10% เท่านั้น
คุณรู้ไหมว่า “ยานวัตกรรม” คือ เครื่องมือสำคัญในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ ที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้นับล้านคน เช่น โควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา
มาลองฟังบทสัมภาษณ์ที่เป็นสัญญาณให้ตื่นตัวรับมือกับโรคอุบัติใหม่อย่างถูกทาง เข้าใจประโยชน์ยานวัตกรรมอย่างถูกต้อง แล้วคุณจะรู้เลยว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัวคุณเลยสักนิด
Thairath Talk : สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (พรีม่า) เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีพันธกิจหลักและเป้าหมายต่อสังคมอย่างไร
พรีม่าเป็นองค์กรที่มีสมาชิก ณ ปัจจุบัน 30 บริษัท โดยเป็นบริษัทผู้ค้นคว้าวิจัยพัฒนายาและวัคซีนนวัตกรรม รวมถึงจัดเก็บและกระจายยาและวัคซีนในประเทศไทย พันธกิจหลักของพรีม่าเป็นองค์กรที่สนับสนุนการเข้าถึงยาและวัคซีนนวัตกรรม
โดยการจะเข้าถึงยานวัตกรรมได้อย่างทั่วถึงนั้นจะต้องมีการจัดเก็บภายในประเทศอย่างเพียงพอ
ดังนั้น พรีม่าจึงมีอีกบทบาทหนึ่งคือ การสนับสนุนให้บริษัทสมาชิกนำยาหรือวัคซีนใหม่ๆ เข้ามาในประเทศไทย โดยแบ่งเป็น
2 ส่วนคือ 1. ผลิตภัณฑ์ที่พร้อมทำการตลาด 2. ผลิตภัณฑ์ที่ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยทางด้านคลินิก (Clinical Trial)
Thairath Talk : ขยายความคำว่าการวิจัยทางคลินิก (Clinical Trial)
Clinical Trial หรือ การวิจัยทางคลินิก คือ การทดลองยาหรือวัคซีนใหม่ในมนุษย์ แต่การทดลองนี้ต้องผ่านการดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และคณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัยในคน โดยจะเฝ้าติดตามผลการวิจัยอย่างใกล้ชิดเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้เข้าร่วมการวิจัย
ยานวัตกรรม...ทำไมต้องแพง?
“ความหมายของยานวัตกรรม คือ ยาและวัคซีนใหม่ที่มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพดีกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยานวัตกรรมมีราคาแพงกว่ายาสามัญที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน
สาเหตุที่ยาและวัคซีนนวัตกรรมมีราคาสูง เนื่องจากขั้นตอนการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาใช้เวลานาน ประมาณ 8-10 ปีต่อยา
หรือวัคซีนแต่ละชนิด กว่าจะผ่านขั้นตอนการค้นคว้าตั้งต้นจนถึงขั้นตอนขึ้นทะเบียนยาเพื่อใช้กับมนุษย์ได้
และในการค้นคว้าวิจัยจะใช้เงินลงทุนโดยเฉลี่ยประมาณ 300-2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อยาหรือวัคซีนหนึ่งชนิด ยิ่งไปกว่านั้น อัตราความสำเร็จของยานวัตกรรม ถ้ามียานวัตกรรม 100 ตัวในขั้นตอนการวิจัยจะมีถึง 85-90% ที่ไม่ประสบความสำเร็จ” คุณแมรี่ เล่าถึงความยากลำบากในขั้นตอนการผลิต คิดค้นและวิจัยยานวัตกรรมอย่างละเอียด
โรคอุบัติใหม่
Thairath Talk : โรคโควิด-19 โรคซาร์ส ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู โรคเหล่านี้ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ใช่ไหมครับ
ถูกต้องค่ะ โรคอุบัติใหม่ก็คือ โรคติดเชื้อประเภทใหม่ๆ ที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อน ซึ่งมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอุบัติใหม่ เช่น
การใช้ยาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เชื้อโรคเกิดการดื้อยา ส่งผลให้เกิดเชื้อโรคใหม่ๆ ขึ้น พฤติกรรมของมนุษย์เปลี่ยนไป การเดินทางไปต่างประเทศเป็นเรื่องง่าย คนจึงกลายเป็นพาหะนำเชื้อโรคที่ไม่เคยพบในประเทศนี้เข้ามาแพร่กระจายได้ และการทำลายสิ่งแวดล้อมและป่าไม้ ยกตัวอย่างโรคไข้หวัดนก ซึ่งคือการแพร่เชื้อจากสัตว์มาสู่คน โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการทำลายป่าเข้าไปรุกล้ำที่อยู่อาศัยของสัตว์ เกิดการสัมผัสเชื้อโรคจากสัตว์ จึงมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น
แต่ความรุนแรงของโรคอุบัติใหม่ก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมพร้อมในการรับมือ ซึ่งมีปัจจัยที่สำคัญ 6 ด้าน ดังนี้
1. Prevention การป้องกันโรคที่เกิดขึ้น หรือการรั่วไหลของเชื้อโรค
2. Monitoring and Reporting การตรวจคัดกรองและรายงานสถานการณ์ของโรคระบาดในระยะเริ่มแรก
3. Rapid Response การตอบสนองอย่างเร่งด่วนและการบรรเทาผลกระทบของการแพร่กระจายของโรคระบาด
4. Health System ระบบสุขภาพของประเทศที่มีศักยภาพเพียงพอในการดูแลรักษาผู้ป่วย และปกป้องบุคลากรทางการแพทย์
5. Compliance with International Norms ทรัพยากรด้านบุคลากร หรืองบประมาณที่มีความพร้อมอยู่ในเกณฑ์สากล
6. Risk Environment ความเสี่ยงทางด้านสภาพแวดล้อมของประเทศที่มีผลต่อการแพร่ระบาดของโรค
ถ้าเรามีการเตรียมพร้อมใน 6 ด้านข้างต้น ก็จะทำให้ความรุนแรงและความน่ากลัวของโรคอุบัติใหม่ลดลงได้
ยานวัตกรรม...ทางรอดโรคอุบัติใหม่
Thairath Talk : ยานวัตกรรมคิดค้นและผลิตได้ทันกับโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นหรือไม่
ถ้าใช้โควิด-19 เป็นตัวอย่าง เราจะเห็นว่าวัคซีนและยารักษาก็มาทัน ประเทศไทยเองก็ควรภาคภูมิใจ โดยเฉพาะในส่วนการวิจัยทางด้านคลินิก นักวิจัยของไทยถือว่าเก่งในระดับสากล เราไม่น้อยหน้าประเทศอื่นเลย แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า ค่าใช้จ่ายในการวิจัยสูงมาก เราจำเป็นต้องมีกองทุนสำหรับงานวิจัย ซึ่งต้องมีเงินทุนเพียงพอและเดินหน้าได้อย่างยั่งยืน
Health is Wealth ถ้าประชากรมีสุขภาพที่ดี เราจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี เพราะฉะนั้นไม่อยากให้มองค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพเป็นภาระ ให้มองเป็นการลงทุนในประชาชนไทย เพื่อเพิ่มความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งระบุว่า การลงทุนทุกบาทในการทำวิจัยทางด้านคลินิก สร้างผลตอบแทนทางเศรษฐกิจได้ 3 เท่า หรือเทียบให้เห็นภาพคือ ทุกการลงทุน 1 บาท จะได้ผลตอบแทนกลับคืนมา 3 บาท ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่อยากให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงที่มีบทบาททางด้านเศรษฐกิจ เพราะการสนับสนุนการวิจัยและยานวัตกรรม ได้ก่อให้เกิดผลประโยชน์กับตัวเลขเศรษฐกิจได้ถึง 3 เท่า