ผ่านช่วงเวลาสุดทรหด กว่าที่ห้องเสื้อ Kloset จะกลายเป็นเสื้อผ้าแบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียง บนเส้นทางของการเป็นนักออกแบบ อาจไม่ใช่เรื่องยากถ้ามีใจรักเป็นทุนเดิม แต่การจะสร้างความสำเร็จให้เป็นที่ยอมรับได้นั้น อาจไม่ใช่แค่ความรักที่อยากทำอย่างเดียว ต้องอาศัยความอดทน และความพยายามเพิ่มเข้าไปด้วย
แก้ม - มลลิกา เรืองกฤตยา ทุกวันนี้เธอจึงกลายเป็นดีไซเนอร์แบรนด์ Kloset ที่มีชื่อเสียง อีกทั้งล่าสุด ยังพ่วงตำแหน่งการเป็นนายกหญิง ของสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพฯอีกด้วย
จากความชอบคิด ประดิษฐ์ของมาตั้งแต่เด็ก แก้ม- มลมิกา ในวันนี้จึงกลายดีไซเนอร์ และเจ้าของแบรนด์ Kloset ห้องเสื้อไทย และเป็น 1 ในแบรนด์ที่สามารถสร้างมาตรฐานของการดีไซน์ และคุณภาพที่ทัดเทียม เป็นที่ยอมรับทั้งในไทยและต่างประเทศ
"แก้มเป็นนักประดิษฐ์มาตั้งแต่เด็ก จนทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ เวลาว่างเลยอยู่กับการทำอะไรพวกนี้ ที่บ้านแก้มมีอุปกรณ์ทุกอย่าง ทำสมุด ทำปลอกคอหมา ทำกิ๊บ ถ้าว่างปุ๊ปเปิดกรุสมบัติหยิบนั่นนี่มาทำเลย แต่จริงๆ แก้มไม่ได้จบด้านศิลปะมาโดยตรง ตอนนั้นที่เรียนไปทางด้านมาร์เก็ตติ้งมากกว่า แต่อย่างที่บอกว่าเราชอบประดิษฐ์ ชอบศิลปะ เราเป็นผู้หญิงชอบแต่งตัวด้วย ก็เลยเอามาผสมผสานกัน "
...
การเป็นคนชอบแต่งตัว และชอบประดิษฐ์ คิดอยู่ตลอดเวลาเลยเป็นที่มาของการสานฝันของตัวเอง ด้วยการเปิดห้องเสื้อแบรนด์ Kloset ขึ้น ซึ่งเมื่อ 8-9 ปีที่แล้วต้องยอมรับว่า กระแสการเติบโตของเสื้อผ้าแบรนด์ไทย อาจไม่ได้เป็นที่ยอมรับได้ง่าย และชัดเจนเท่าที่ควร ทำให้บางครั้งเจ้าตัวจะเกิดอาการท้อแท้ขึ้น
"เมื่อ 8-9 ปี ก่อนที่ Kloset เริ่ม เราแทบไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนไทยเลย เหมือนกับแบรนด์ไทยอื่น ๆ ที่เจอวิกฤตินี้ ตอนนั้นก็มีปรึกษาครอบครัว และตัวเองก็พยายามนั่งนอนคิดอยู่คนเดียวว่าจะต้องทำการตลาดอย่างไร เคยท้อมาก ร้องไห้ประจำ เงินหมุนไม่ทัน คือทุกอย่างเลยนะ แต่ไม่เคยคิดจะเลิกทำ เพราะเป็นคนที่อยากจะสู้ให้ถึงที่สุด ถึงจะยอมรับว่าเราไปไม่ได้ แต่ไม่เคยยอมแพ้ เพราะถ้ายอมแพ้เราจะหันกลับไปมองว่า ที่มัันเป็นแบบนี้เราอาจไม่เต็มที่เท่าที่ควร เลยคิดว่าถ้าหมดตูดก็หมดไปเลยให้มันรู้กันไปเลยว่าสิ่งที่ทุ่มเททุกอย่างทั้งกำลังกาย กำลังเงินมันไปไม่ได้ ถึงจะเลิก แก้มไม่เคยคิดว่าแต่ละขั้นตอนจะมายังไง แต่ถ้ามันเป็นความฝันและเราทำให้สำเร็จได้ เราก็จะมีความสุขสุดยอดของชีวิตเหมือนกัน น้อยคนนะที่จะได้เดินตามฝันของตัวเอง ชีวิตการทำงานคนเรามันกินไปแล้ว 8 ชั่วโมง/วัน ถ้าเราได้ใช้เวลาช่วงนั้นทำสิ่งที่เรารัก มันเป็นอะไรที่สุดยอดแล้ว ไม่ได้มองว่าต้องโกอินเตอร์หรืออะไรมากมาย แต่ทุกวันนี้แฮปปี้กับบริษัท กับทีมงาน ของขายได้ อยู่ได้ ไม่ต้องมากมายมหาศาล"
ความสำเร็จที่ทำให้Kloset กลายเป็นแบรนด์เสื้อผ้าไทยระดับชั้นนำได้ นอกจากเจ้าตัวเองตั้งใจทำอย่างเต็มที่แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือทีมงานทุกๆ คน ที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งพยายามแก้ไข และหาความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
"ด้วยตัวเราเอง และทีมงาน ไม่หยุดพัฒนา เพราะทุกคนได้ทำงานที่ตัวเองรัก พอเห็นข้อบกพร่องจากซีซั่นที่แล้วเราก็เอามาปรับปรุง และพัฒนาไปเรื่อยๆไม่หยุด แต่เราก็คำนึงถึงความต้องการผู้บริโภคด้วย เราไม่ใช่ศิลปินที่ทำในสิ่งที่เราชอบ เราเป็นศิลปินที่รักเวลาที่ลูกค้าได้ใช้และชื่นชมของที่เราทำมากกว่า เวลาที่เราทุกคนทำงานกันก็จะเหมือนมาโรงเรียน มาเจอเพื่อนฝูง เพราะพนักงานส่วนใหญ่เริ่มมาจากเพื่อนสนิท และน้องๆฝึกงาน พอเห็นแววก็เอามาทำงานด้วย ความสัมพันธ์เลยสร้างมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เลยทำให้ทุกคนมีความสุขกับการทำงาน แก้มเองใจดีนะ มีดุบ้าง บางครั้ง แต่ใช่ว่าจะสำเร็จทุกครั้ง (หัวเราะ) บางทีเม้งไปปุ๊ป เขาจะรู้ แต่ถ้าเล่นบทเงียบจะคิดและรู้สึกกันมากกว่า"
...
ความสำเร็จในการทำงานของแก้ม ทุกวันนี้ Kloset นอกจากจะเป็นที่รู้จักในไทย และต่างประเทศแล้ว ตัวของแก้มเองก็มีชื่อเสียงในฐานะของการเป็นดีไซเนอร์ด้วย อย่างเมื่อต้นปี ทางสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพ ของกลุ่มแบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทย (BFS) ก็ให้ทางแก้มขึ้นเป็นนายกสมาคมฯ เพื่อสานต่อในเรื่องการผลักดันแบรนด์แฟชั่นไทย ให้คนไทยเลิกเห่อของนอกเสียที
"แก้มเริ่มมารับตำแหน่งเมื่อต้นปีนี้เองค่ะ ก็รู้สึกยินดีนะ ที่ทุกคนเชื่อใจในตัวเรา แก้มว่าเขาคงเห็นจากการทำงานของเราด้วย และสมาชิกของกลุ่มเราทุกคนก็ร่วมมือกัน แต่บางทีเวลาที่แก้มอยู่ในที่ประชุมอาจจะดูแอคทีฟด้วยมั้ง เพราะเป็นคนพูดเยอะมาก เลยได้รับการสนับสนุนในปีนี้ให้มาเป็นนายกสมาคมฯ ซึ่งเราลงมติว่าจะวนกันให้เป็นคนละ 2 ปี อย่างปีนี้แก้มมาเป็นต่อจากคุณภานุ อิงคะวัต"
บทบาทหน้าที่ใหญ่ขึ้นมากกว่าการดูแลห้องเสื้ออย่างเดียว งานแรกที่นายกหญิงคนใหม่เริ่มทำก็คือต้องสานต่อในเรื่องผลักดันมาตรฐานแฟชั่นไทย และการเปลี่ยนทัศนคติของคนไทย ให้หันมาใส่เสื้อผ้าแบรนด์ไทยมากขึ้น
...
"แก้มอยากทำให้สมาคมแข็งแกร่งขึ้น ตอกย้ำยกระดับมาตรฐานแฟชั่นไทย และที่สำคัญที่สุดคืออยากเปลี่ยนทัศนคติของกลุ่มผู้บริโภคในเมืองไทย ให้หันมาสนใจแบรนด์ไทย เพราะอย่างต่างประเทศเวลาที่พวกเราไป เขายอมรับเรามาก ในขณะที่คนไทยเองที่ผ่านมายังติดแบรนด์นอก มองเห็นว่าสมควรแก่การจับจ่ายมากกว่า แต่ในขณะเดียวกันพวกเรากลับได้รับการยอมรับจากต่างประเทศมาก ตอนนี้ก็เริ่มทำกิจกรรมกันอยู่ อย่างเพรส พรีวิวนี่ก็เป็นอีก 1 กิจกรรมที่เราทำ ปีละ 2 ครั้งมาตลอด มีสื่อมวลชน คนในวงการ ห้างสรรพสินค้าให้การสนับสนุน เราพยายามทำพร้อมกับสื่อก็ให้การสนับสนุน ซึ่งมันเห็นผลอย่างน้อยก็เรื่องพัฒนาการของแบรนด์แฟชั่นไทยที่ดูชัดเจนมากขึ้น"
สิ่งหนึ่งที่แก้มบอกนอกจากเรื่องการเปลี่ยนทัศนคติของคนไทย สำหรับตัวของดีไซเนอร์เอง แก้มก็บอกว่า ยังคงต้องมีการพัฒนาด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังแนะนำสำหรับเด็กรุ่นใหม่ ที่อยากเข้ามาสู่วงการนี้ และอยากประสบความสำเร็จกับอาชีพนี้ด้วย
"จริงๆ ตัวแก้มเองไม่เคยมองว่าตัวเองไม่ได้เป็นดีไซเนอร์เลยนะ แก้มว่าตัวเองเป็นผู้ประกอบการที่รักศิลปะในด้านแฟชั่น เพราะเราไม่ได้เป็นดีไซเนอร์จ๋าเลยนะ โอเคมันมีเหมือนกันคนที่มีหัวศิลปะจริงๆ เป็นดีไซเนอร์จริงๆ แต่แก้มคือผู้บริโภคคนปกติ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ Kloset ครองใจลูกค้าได้เยอะคงเพราะตรงนี้ด้วย ว่าตัวเองอยากได้อะไรที่ไม่มีใส่ แก้มก็คิดว่าคนอื่นเขาก็คิดเหมือนเราแหละ แก้มยังฟังเพลงไทย ไม่ได้ต้องฟังเพลงเก๋ไก๋อะไรอย่างนั้น พอมามองถึงน้องๆ ที่อยากเข้ามาตรงนี้ แก้มว่าต้องศึกษาตัวเองให้เต็มที่ว่าทางที่เราเลือกเดินเป็นสิ่งที่รักจริงๆ ถ้ามั่นใจแล้ว แก้มเชื่อว่าเราจะสู้มันจนยิบตาเลยแหละ อย่าไปยอมแพ้อะไรง่ายๆ ต้องขยัน เพราะมันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ หรอก พยายามหาความรู้ตลอด เพราะอย่างแก้มตอนแรกมีพนักงาน 5 คน แก้มทำทุกอย่างเลยนะ บัญชี เดินไปแบงก์วันละ 3-4 รอบ มีคอร์สสอนเรียนการส่งออกที่ไหนเปิดก็เข้าเรียน พยายามอย่ามองว่าเราเป็นดีไซเนอร์ที่เริดหรู เราก็แค่คนดีไซน์เสื้อผ้าออกมาเฉยๆ ยังต้องเรียนรู้อะไรให้มากกว่านี้ค่ะ เพราะมันเป็นธุรกิจด้วย มันไม่ใช่แค่ศิลปะ ถ้าเราเลือกว่าอาชีพนี้จะเป็นอาชีพที่เลี้ยงเรา ไปนานๆ มันคือธุรกิจแล้ว ก็อยากให้ขยัน และขวนขวายหาความรู้ให้มากๆ".
...