ย่างเข้าปี 2011 กับกระแสแฟชั่นทั่วโลก และของไทย เทรนด์สี  การออกแบบเสื้อผ้า การแต่งหน้า เทรนด์นางแบบ รวมไปถึงดีไซเนอร์รุ่นใหม่ อะไรกำลังอินสุดๆ หรือหลุดตกขอบ ก็ต้องมาอัพเดตก่อนได้ที่นี่

ต้อนรับเข้าสู่ปีกระต่ายน้อยสุดปราดเปรียวใน ปี 2011 วงการแฟชั่นที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยหยุดนิ่งก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สาวกคนรัก แฟชั่นได้เข้ามาอัพเดตกันแล้ว ซึ่งปีที่ผ่านมาในส่วนของแฟชั่นไทย นั้นถือว่ามีภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งทำให้คนไทยรู้จักแบรนด์เสื้อผ้าไทย นางแบบรุ่นใหม่ และดีไซเนอร์ไทยมากขึ้น

ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ เทรนด์แฟชั่นSpring/Summer และ Autumn/Winter  ของไทยนั้นก็ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจต่อคนชอบการแต่งตัวอย่างมาก เห็นได้จากกระแส Fashion Week ระดับประเทศอย่าง Elle Fashion week และ Bangkok International Fashion Week  ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถยกระดับวงการแฟชั่นไทยให้ต่างชาติยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ และในปี2011 นี้การเทรนด์แฟชั่นก็จะกลับมาอีกครั้ง โดยประเดิมที่ Spring/Summer ที่กำลังจะมาถึง วันนี้ไทยรัฐออนไลน์ เลยต้องหากูรูแฟชั่นระดับประเทศ ที่คุ้นหน้าตากันดีอย่างเจ้าของห้องเสื้อ ASAVA หมู - พลพัฒน์ อัศวะประภา ดีไซเนอร์แนวหน้าของไทย ที่เพิ่งได้รับรางวัล Elite sts  สาขาแฟชั่นไปหมาดๆ มาจุดกระแสแฟชั่นในปีหน้านี้

"ปี 2011 คงต้องไปที่Spring/Summer กันก่อนครับ เทรนด์ของซีซั่นนี้ก็คงเป็นเรื่องของสีสัน ลวดลาย แต่จะเน้นที่การเอาสีสดๆ และลายกราฟฟิกมากขึ้น หรือถ้าเป็นสีโทนพาสเทล ก็จะใช้สีเทา ดำ มาเบรกเพื่อให้คอนทราสกัน จากแต่ก่อนที่พอใช้สีอ่อนมาเข้าคู่สีเพื่อให้ดูอ่อนหวาน แต่ตอนนี้อารมณ์ของแฟชั่นค่อนข้างเป็นทราฟฟิค อย่างแต่ก่อนที่ผ่านมาเทรนด์ 80's มาแรงมาก ตอนนี้ก็เริ่มเป็น 70's และ 90's ที่กลับมา มีความเป็น POP ART มากกว่าเดิม แต่จะไม่ฉูดฉาดมากครับ เพราะสีเอกของซีซั่นที่แล้วอย่างเทากับนู้ด ก็ยังเอามาใช้ในปีนี้ตัดกับสีสดๆ อยู่ ซึ่งมันได้อารมณ์ของปี 2011 มากยิ่งขึ้น

...

ในส่วนของรูปทรงการออกแบบ ในซีซั่นหน้าก็คงเป็นอะไรที่น้อยๆ ทรงสบายๆ  เบา ๆ นุ่มนวลหน่อย แต่ยังได้รับอิทธิพลในยุค70's กับ90's อยู่นะ กระแสของปีหน้ามันก็จะมีทั้ง Minimal  Sleek  หรืออะไรที่เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมก็จะเอามาใส่ในเสื้อผ้าให้เห็นเยอะขึ้น "

เรื่องเทรนด์เสื้อผ้าก็พูดกันพอสังเขปแล้ว มาที่เรื่องของเมคอัพกันบ้าง ดีไซเนอร์ชื่อดังก็บอกมาว่า ซีซั่นที่จะถึงนี้ เนื่องจากเน้นสีสด และลวดลายเยอะแล้ว การแต่งหน้าควรเป็นอะไรที่เบาๆ จะดูเข้ากับSpring/Summer มากกว่า

"การเมคอัพของสปริงซัมเมอร์จะเป็นแบบ Make up no Make up  เน้นการดูแลผิวให้สดใส ชุ่มชื่น คือโชว์ผิวที่แท้จริงมากกว่า เพราะถ้าเราแต่งด้วยสีสดเยอะ หน้าควรจะเกลี้ยง ปากก็เป็นสีออกNude ถ้าชมพูก็ต้องชมพูอ่อน หรือเอาให้แมทช์กับชุดที่ใส่ก็ได้ เพราะเวลาแต่งตัว เราต้องนึกถึงองค์ประกอบที่สมดุลกัน  แต่งสีจัด แล้วหน้าก็จัดเต็มที่ ตอนนี้มันเชยไปแล้ว"

เรื่องเทรนด์การออกแบบในปีหน้า กว่าจะได้เสื้อผ้าแต่ละชุด มาอวดโฉมในแฟชั่นโชว์แต่ละครั้ง ก็มีอีกหลายองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ ดีไซเนอร์ผู้ออกแบบ ซึ่งวงการแฟชั่นไทย ยังต้องพัฒนาฝีมือของดีไซเนอร์รุ่นใหม่อีกมาก 

"เท่าที่ผ่านมา เราพยายามผลักดันให้มีกิจกรรมการประกวดดีไซเนอร์อยู่ตลอด ซึ่งก็ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการส่งออกด้วย แต่ที่เห็น ณวันนี้ ยังไม่เห็นแววดีไซเนอร์รุ่นใหม่มากพอเลยนะ ยังเด็กกันอยู่เลย พี่เองยังคุยกับเพื่อนๆ ดีไซเนอร์ด้วยกันว่าอยากสร้างเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมา แต่ตอนนี้ยังมองไม่เห็นจริงๆ  เพราะความสามารถในการสร้างแบรนด์ กับความสามารถในการออกแบบเสื้อมันคนละส่วนกัน ซึ่งมันจะสำเร็จได้คนคนนั้นต้องมี 2 สิ่งนี้ควบคู่กันด้วย พี่คิดว่าจุดอ่อนของเราคือเรื่อง Branding  และการบริหารจัดการตัวเอง ถามว่าพวกเขามีความสามารถไหม มีนะ แต่อย่างที่บอกว่ามันยังไม่ชัดเจน  เพราะ 2 สิ่งที่พี่บอกเขายังทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าไหร่"

...

อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้วงการแฟชั่นไทยนั้นเป็นที่รู้จักต่อสายตาทั่วโลกก็คือ บรรดานางแบบ นายแบบ ซึ่งทำหน้าที่โชว์ผลงาน ณ  เทรนด์ของนางแบบในปีหน้า หรือปีไหนๆ ก็ตาม ดีไซเนอร์คนดังนั้นบอกได้คำเดียวว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดกว่าเรื่องเทรนด์ ก็คือ นางแบบ นายแบบที่ดี ต้องมีคาแร็กเตอร์

" ตอนนี้เทรนด์นางแบบฟังห่างมาก็จริง แต่มันไม่ใช่ประเด็นว่าเราจะต้องตามหรือไม่ตาม เพราะถ้าฟันห่างแต่พรีเซ้นต์เสื้อไม่สวย ก็ไม่รู้จะเอามาทำไม เวลานางแบบอยู่บนรันเวย์ เขาจะต้องสื่อสารให้ได้มากกว่า  มันขึ้นอยู่ว่านางแบบคนไหนเป็นลูกรักEditor คนไหนมากกว่านะ เรื่องของกระแสเดี๋ยวมันก็ผ่านไป หาข้อจำกัดไม่ได้หรอก แต่ที่เห็นชัดๆในวงกว้างตอนนี้ พี่ว่าเป็นนองแบบเอเชียนะที่มาแรง และมีอิทธิพลในวงการแฟชั่นยุโรปมาก"

กระแสนางแบบเอเชียกำลังบูมขนาดนี้  นางแบบไทยก็เลยมีโอกาสไปโกอินเตอร์มากขึ้น  แต่ก็ยังน้อยอยู่มาก เพราะตอนนี้ที่สามารถไปแจ้งเกิดในแฟชั่นที่ปารีสได้ก็มีอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง

"ตอนนี้มีสิ (พิชญ์สินี  ตันวิบูลย์)  คนเดียวเองที่ไปเกิดที่ปารีสแล้ว เห็นว่าปีหน้างานเยอะขึ้น ก็น่าสนับสนุนน้องเขานะ เพราะเป็นนางแบบที่มีความรับผิดชอบสูง ส่วนตัวพี่เองก็ชอบเขาเหมือนกัน   พี่ชอบนางแบบที่มีคาแรกเตอร์ ไม่ใช่หวานจ๋อย เพราะนางแบบไม่ใช่นางเอก ขอเป็นแนวเท่ๆ ดีกว่า เพราะสามารถเปลี่ยนลุคได้หลายแบบดี ซึ่งถ้านอกจากสิ ก็มีบี - น้ำทิพย์ , เอเลี่ยน  ที่พี่มองว่าเขาใส่เสื้อผ้าแล้วสามารถสื่อสารเสื้อผ้าของพี่ได้"

วงการแฟชั่นไทยแม้ว่าดีไซเนอร์จะพัฒนาตัวเองมากแค่ไหน หรือจะมีนางแบบ นายแบบเกิดใหม่ขึ้นมากเท่าไหร่ แต่ถ้าขาดการสนับสนุนจากคนไทยด้วยกัน ก็ไม่ทำให้แฟชั่นไทยพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

"ทิศทางของแฟชั่นไทยคิดว่าน่าจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นนะ  ถึงจะยังขาดการสนับสนุนจากหลายฝ่ายอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ก็พยายามผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่น ส่วนตัวดีไซเนอร์เองก็รวมกลุ่มเป็นสมาคมเพื่อมาช่วยเหลือกัน  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออยากให้คนไทยหันมาใส่เสื้อผ้าไทยให้มากขึ้น ดีไซเนอร์ไทยไม่ได้ด้อยกว่าต่างชาติเลย  ซึ่งถ้าเราไม่สนับสนุนกันเอง อีกหน่อยจะโดนเจ้าใหญ่เขากลืนไปหมด แล้วมันจะน่าเสียดายมากที่ไม่มีตลาดให้กับคนที่มีความสามารถในประเทศให้ แสดงออกความคิดสร้างสรรค์  ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นเราจะอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ  ปีหน้านี้ก็เป็น Spring/Summer แล้ว อากาศก็เหมาะกับบ้านเรามาก มาสนุกกับการใส่เสื้อผ้าดีกว่า แต่คนไทยก็อุดหนุนเสื้อผ้าไทยด้วยนะครับ".

...