ปัญหาการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพของผู้หญิง รวมถึงครอบครัวและสังคม ด้วยเหตุนี้โครงการเครือข่ายสุขภาพ มารดาและทารก เพื่อครอบครัวของเด็กและเยาวชน ในพระอุปถัมภ์ฯ จึงจัดประชุมวิชาการเรื่อง "วัยรุ่นตั้งครรภ์และทารกเกิดก่อนกำหนด ปัญหาที่ท้าทาย" เพื่อเผย แพร่แนวทางการป้องกันดูแลรักษาวัยรุ่นตั้งครรภ์ และปัญหาการตั้งครรภ์ในมารดาวัยรุ่น และทารกเกิดก่อนกำหนดของสถานพยาบาลระดับต่างๆ รวมทั้งในชุมชน ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อเร็วๆนี้


โอกาสนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงมีพระ ดำรัสเปิดการประชุมในตอนหนึ่งว่า สาเหตุสำคัญของภาวะคลอดก่อนกำหนดมาจากวัยรุ่นตั้งครรภ์ ซึ่งนับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป แม้ผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขจะเข้าใจปัญหานี้ และได้ดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจังมาโดยตลอด แต่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จนั้น ไม่อาจกระทำได้เพียงด้านเดียวหรือองค์กรเดียวได้ หากต้องอาศัยความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่จะระดมความรู้ทางวิชาการในศาสตร์สาขาต่างๆ เพื่อร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา พร้อมกันนี้ยังได้ประทานโล่เชิดชูเกียรติแก่ บุคลากรทางการแพทย์ดีเด่น ให้แก่ พญ.สุรัสวดี ศุภธราธาร แพทย์ชำนาญการพิเศษ ด้านเวชกรรม (สาขาสูติ-นรีเวชกรรม) โรงพยาบาลปัตตานี, นางปานเนตร ศรีสุริยะธาดา หัวหน้าหอผู้ป่วยทารกแรกเกิด โรงพยาบาลพิจิตร และนางนุสรา อาดุลยพัฒน์ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการด้านการพยาบาล โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์


จาก นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาเกียรติยศ เรื่อง "วัยรุ่นตั้งครรภ์ ปัญหาที่ท้าทายของสังคมไทย" กล่าวว่า ปัญหาในสังคมปัจจุบันนั้นมีหลากหลาย ไม่ว่าจะด้านเศรษฐกิจหรือการ เมือง แต่โดยข้อเท็จจริงปัญหาที่ประชาชนประสบมากที่สุดคือปัญหาสังคม และหนึ่งในปัญหาสังคมที่นับวันจะมีความรุนแรงมากขึ้นคือ ปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์ ด้วยเยาวชนหญิงชายคบหากันก่อนวัยอันควร และจากการศึกษาในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ปัญหานี้ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและประเทศไทยก็ประสบปัญหานี้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ส่งผลกระทบทั้งต่อปัญหาสังคมและการพัฒนาประเทศ ซึ่งการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร จะก่อให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อมารดาและทารก การคลอดก่อนกำหนด ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย รวมถึงถูกทอดทิ้ง ทั้งยังพบด้วยว่าผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ที่ตั้งครรภ์และทำแท้ง เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐบาลมีถึงร้อยละ 28.5 และเชื่อได้ว่าต่อไปในอนาคตปัญหานี้จะมีวงจรที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น เด็กที่เกิดในวงจรนี้ก็เสี่ยงที่จะกลับมาสู่วงจรนี้อีก อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ในปี 2550 ได้มี การตรากฎหมายแก้ไขปัญหาสังคมให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และถือปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเป็นปัญหา สำคัญของชาติ ที่ได้ขอให้ทุกหน่วยงานแก้ไขปัญหา นี้อย่างเป็นระบบ.

...