หลายวันมานี้ตั้งแต่สยามแสควร์เริ่มกลับเข้าที่ บางซอยของสยามแสควร์อาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ขาช็อปประจำ หรือขาจร หายไป..
เต็นท์ขาวเรียงรายริมทางถนสยามแสควร์ คือภาพที่เห็นจนเริ่มชินกันแล้วในวันนี้ นับตั้งแต่สยามแสควร์ซอย 4 และโรงหนังสยามถูกไฟไหม้มอดเหลือแต่ซาก เป็นการปิดฉากของโรงหนังอันเก่าแก่ และร้านของผู้ค้าที่ไม่สวยนัก แต่อีกมุมเล็กๆที่ได้เห็นความสดใส คือรอยยิ้มของบรรดาผู้ค้าที่บังพร้อมจะลุกขึ้นสู้ แม้ว่าในใจจะหดหู่เต็มทน
ความแตกต่างของบรรยากาศที่เป็นเส้นขนานยากบรรจบกันอย่างชัดเจนระหว่างความเสียหายที่ผ่านพ้น กับการเริ่มต้นสู้อีกครั้งของผู้ค้ารายย่อย
ซากเศษของความแตกแยกดับมอดลงแต่ยังคงตำตาตำใจผู้ค้ารายย่อย และคนที่ผ่านไปมาอยู่ตลอดนั้น เลยยิ่งทำให้ทุกๆ วันที่สยามแสควร์เริ่มคึกคักมากขึ้น ซึ่งเหตุผลอาจเพราะด้วยความรู้สึกรัก เพราะเป็นความทรงจำของใครหลายๆ คน
...
รวมทั้งเห็นใจผู้ค้าที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินในการหารายได้ ทำให้ตลอดสองข้างทางอ้อมไปจนถึงถนนอังรีดูนังต์ เต็มไปด้วยร้านขายของชั่วคราว ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า อาหาร เครื่องดื่ม ซีดีหนังและเพลง ที่ขาช็อปยังมาเดินจับจ่ายใช้สอยกันทั่วเต็มไปหมด
ยังคงมีสินค้าหลงเหลือให้ผู้ค้าได้นำมาขายต่อทุนบ้าง มองในด้านดี นี่คงเป็นความโชคดีอยู่บ้างของพวกเขา
เสียงคนขายร้องเรียกลูกค้า เสียงเพลงเปิดพาบรรยากาศน่าชวนเดิน ยังคงเป็นเสน่ห์ที่ให้ความเพลิดเพลิน ของคนรักสยาม ที่ไม่ได้หมายถึงแค่แหล่งช็อปปิ้งอย่างที่ใครๆ เข้าใจ แต่หมายถึงประเทศไทยที่ก่อนหน้านี้เคยมีแต่ความสุข มีรอยยิ้ม และน้ำใจ เป็นของขวัญ ไม่ใช่กลิ่นเขม่าควัน และซากตึกอันพังยับเยินเช่นตอนนี้.