คาเรน - เดวิด
สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยลำแข้งตัวเองจนประสบความสำเร็จได้ขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเอเชีย สำหรับ “เดวิด เฉิง” เจ้าพ่อธุรกิจร้านอาหารยุคใหม่ของฮ่องกง ที่มีเครือข่ายมากที่สุดถึง 16 แบรนด์ 40 ร้าน แม้เขาจะเติบโตมาในธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้า แต่เดวิดก็มุ่งมั่นอยากจะยกระดับคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์การกินอยู่ของชาวฮ่องกงให้ทันสมัยทัดเทียมโลกตะวันตก
ย้อนกลับไปเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ฮ่องกงยังไม่คึกคักไปด้วยศูนย์การค้าทันสมัยอย่างเช่นทุกวันนี้ ร้านค้าต่างๆยังซุกตัวอยู่ตามถนนหนทางและตรอกซอกซอยเล็กๆ “เดวิด” ถือเป็นนักธุรกิจคนแรกๆของฮ่องกงที่สร้างเทรนด์ใหม่เปิดร้านอาหารหรูแนวร่วมสมัยในศูนย์การค้า เพื่อให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับประสบการณ์ความเป็นเลิศอย่างแท้จริง โดยข้างกายของเขามี “มาดามคาเรน โก” เป็นภรรยาคู่คิดทุกการตัดสินใจ
จากเจ้าของโรงงานเสื้อผ้า ผันตัว มาเป็นเจ้าพ่อธุรกิจร้านอาหารของฮ่องกงได้อย่างไร
ผมไม่ได้ตั้งใจทำธุรกิจร้านอาหารเลย ตอนแรกทำแบรนด์ธุรกิจเสื้อผ้าของตัวเองชื่อว่า “David David” อยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพราะไปร่ำเรียนที่นั่นตั้งแต่เล็กๆ และเป็นคนรักงานดีไซน์ออกแบบ ตอนหลังเมื่อธุรกิจเติบโตรวดเร็วขึ้น จึงมาเปิดโรงงานรับจ้างผลิตเสื้อผ้าที่ฮ่องกง โดยทำเสื้อผ้าให้แบรนด์ดังๆระดับโลก อย่างเช่น ZARA ส่วนธุรกิจร้านอาหารมาจากความช่างกิน และอยากเปิดร้านอาหารไว้สังสรรค์กับเพื่อนฝูง จากร้านเดียวเลยขยายไปเยอะแยะอย่างที่เห็น
...
ร้านอาหารร้านแรกของ “เสี่ยเดวิด” หรูหราทันสมัยขนาดไหน
ผมเริ่มก่อตั้งกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร “Gaia Group” เมื่อปี 2000 และไปซื้อกิจการร้านอาหารอิตาเลียนในตำนานของย่านลานไควฟง ชื่อว่า “Va Bene” มาปลุกปั้นใหม่ จากนั้นก็ได้เป็นเจ้าของเครือติ่มซำเก่าแก่ที่สุดของเซี่ยงไฮ้ “หวัง เจีย ชา” โดยผมนำมาปรับโฉมใหม่ให้มีความร่วมสมัยยิ่งขึ้น จนกลายเป็นขวัญใจนักชิมทุกเพศทุกวัยทั่วเกาะฮ่องกง และล่าสุดเพิ่งนำร้าน “หวัง เจีย ชา” มาเปิดเป็นสาขาแรกในประเทศไทย อยู่ที่ชั้น G ศูนย์การค้าสยามพารากอน ตาม คำชวนของ “คุณแป๋ม” (ชฎาทิพ จูตระกูล)
หลงเสน่ห์อะไรในเมืองไทยเป็นพิเศษ
ผมกับภรรยาชอบเดินทาง และจะเดินทางมาเที่ยวกรุงเทพฯบ่อยมาก เรียกว่ามาแทบทุกเดือน เพราะชอบบรรยากาศและอาหาร ไทย กระทั่งเมื่อปี 2011 มีคนมาเสนอให้เปิดร้านอาหารในศูนย์การค้า IFC Mall ผมเป็นแฟนร้านอาหาร Greyhound Café อยู่แล้ว เลยไปติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์เกรย์ฮาวด์จาก “คุณภาณุ อิงคะวัต” เพื่อมาเปิดเป็นสาขาแรกในเมืองไทย ปรากฏว่าประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะคนฮ่องกงชอบอาหารไทย สองเดือนต่อมาเราลุยเปิดร้านสาขาสองที่ MOKO Mall ในเขตเกาลูน โดยทำเป็นคอนเซปต์ใหม่ และยังนำเกรย์ฮาวด์ไปเปิดในปักกิ่งกับเซี่ยงไฮ้ด้วย ซึ่งก็ไปได้ดีมากๆ
...
คิดว่าร้านติ่มซำสไตล์เซี่ยงไฮ้อย่าง “หวัง เจีย ชา” จะถูกใจนักชิมชาวไทยไหม
ผมเชื่อมั่นว่าคนไทยน่าจะชอบ “หวัง เจีย ชา” เพราะเป็น ร้านดังระดับตำนานของเซี่ยงไฮ้ เปิดให้บริการตั้งแต่ปี 1945 แม้รูปแบบของร้านจะปรับโฉมให้มีความร่วมสมัยขึ้นเพื่อดึงดูดนักชิมรุ่นใหม่ๆ แต่ขณะเดียวกัน เมนูอาหารทุกจานของ “หวัง เจีย ชา” ก็ยังคงรสชาติดั้งเดิมในแบบออริจินัลไว้ เพื่อรักษาชื่อเสียงของแบรนด์ในฐานะเจ้าแห่งติ่มซำระดับโลก ถ้าเป็นในตลาดติ่มซำ ผมมั่นใจว่าไม่มีใครสู้เราได้
...
คร่ำหวอดอยู่ในวงการมาเกือบ 20 ปี อะไรคือกุญแจแห่งความสำเร็จในการทำ ธุรกิจร้านอาหาร
ความพิถี พิถันใส่ใจในทุกรายละเอียด ขณะ เดียวกันก็ต้องมีความริเริ่มสร้าง สรรค์ใหม่ๆ ความ ที่ผมเติบโตมาใน ธุรกิจแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ทำให้มีเอกลักษณ์ในการ ทำธุรกิจที่แตกต่างจากคนอื่น ที่สำคัญไม่ว่าทำธุรกิจอะไรก็ต้องพัฒนา ตัวเองอย่างไม่หยุดนิ่ง ต้องมีแพสชั่น ทุ่มเททำงานหนัก คิดและทำเร็ว กว่าคนอื่น และต้องทำงานเป็นทีมภายใต้ยุคแดกด่วนที่อะไรๆก็เร่งรีบไปหมด เทรนด์ธุรกิจร้านอาหารจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหนผมเชื่อว่าภายใน 5 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคจะมีความแคชชวลมากขึ้น คือชอบอะไรที่สบายๆไม่มีพิธีรีตรอง แต่ก็ต้องการความแตกต่างและความหลากหลายมากขึ้น สิ่งที่เราต้องปรับตัวอยู่เสมอคือ การพัฒนาร้านอาหารให้มีบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์และล้ำเทรนด์ ขณะเดียวกัน ก็ต้องค้นหาเทคนิคการปรุงอาหารใหม่ๆ เพื่อ สร้างสรรค์เมนูใหม่ๆมานำเสนออย่างต่อเนื่อง สำหรับผมถ้าหยุดนิ่ง เมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น เพราะเราทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริการ
...
นอกจากจะเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจร้านอาหารยุคใหม่ของฮ่องกง “เสี่ยเดวิด” ยังสร้างเทรนด์ อะไรใหม่ๆอีก
เมื่อปี 2015 ผมสร้างแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนในฮ่องกง เป็นร้านอาหารตระกูล House ประกอบด้วย Townhouse, Glasshouse และ Greenhouse แต่ละแบรนด์ก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นของตัวเอง ซึ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่จริงๆ เรายังได้รับเชิญไปเปิดธุรกิจในต่างประเทศมากมาย ทั้งญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และลอนดอน แต่ผมคิดว่าก่อนจะเข้าไปลงทุนต้องศึกษาไลฟ์สไตล์ของคนในประเทศนั้นๆให้เข้าใจลึกซึ้ง เหมือนประเทศไทย ที่เรามาลงทุนเปิดร้านอาหาร เพราะคุ้นเคยกับเมืองไทยเป็นอย่างดี
ยังมีแผนขยายธุรกิจไปที่ไหนอีกไหม ตลาดไหนคืออนาคต
ตลาดจีนจะใหญ่มากในอนาคต เพราะเศรษฐกิจเติบโตรวดเร็วมาก ผมไปเปิดร้านอาหารในเมืองใหญ่ๆของจีนหลายแห่ง และก็ต้องเซอร์ไพรส์ที่ได้รับการตอบรับดีมาก อย่างเช่น ร้าน Glasshouse คอนเซปต์เป็นร้านอาหารเอเชียสไตล์ตะวันตก เราเพิ่งไปเปิดใกล้ๆ เมืองหางโจว ปรากฏว่าลูกค้าเข้าแถวรอครึ่งค่อนวัน คนจีนรุ่นใหม่ต้องการประสบการณ์แปลกใหม่ด้านอาหาร และยังมีโอกาสให้ขยายธุรกิจอีกมหาศาล
อีก 10 ปีข้างหน้า มองเห็นตัวเองยืนอยู่ตรงไหน
ตอนนี้ผมอายุ 63 ปี รู้สึกมีความสุขกับชีวิตที่ได้เดินทางไปในสถานที่ที่อยากไป ได้ทำงานที่อยากทำ ในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมก็คงยังเป็นเดวิดคนเดิมเหมือนวันนี้ เพิ่มเติมแค่ลูกชายทั้ง 3 คน คงโตขึ้น และได้เข้ามาช่วยกิจการของครอบครัว กระนั้น ผมให้อิสระพวกเขาทุกอย่าง ไม่อยากกดดันให้ต้องสานต่อธุรกิจของพ่อแม่ อยากให้พวกเขาได้เลือกทางเดินของตัวเอง และทำอะไรด้วยแพสชั่น ถ้าอยากประสบความสำเร็จต้องทำในสิ่งที่รัก และรักในสิ่งที่ทำ.
ทีมข่าวหน้าสตรี