หลังจากให้การบริการทางการแพทย์แก่ผู้ที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เป็นเวลาครบ 109 วัน ตามที่ตั้งเป้าหมาย โครงการแพทย์อาสาร่วมใจ ถวายเป็นพระราชกุศล ที่ดำเนินการโดยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน นำโดยมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์, แพทยสภา, นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) รุ่น 1-5 จึงได้จัดพิธีปิดโครงการระยะที่ 1 โดยมี ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ มาเป็นประธานในพิธี เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา

ภายในเต็นท์ได้มีการจัดนิทรรศการที่มาของโครงการฯ, นิทรรศการภาพ 109 วันของการทำงาน รวมทั้งฉาย ภาพวีดิทัศน์การทำงานของทั้งบรรดาแพทย์ พยาบาล เภสัชกร รวมทั้งจิตอาสาต่างๆ ที่รวมพลังกันมาทำงาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมกันนี้ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา และพล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา และเลขาธิการมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ได้ร่วมมอบใบโพธิ์แห่งความดีของประชาชน ที่เข้ามารับการรักษาในโครงการฯตั้งจิตอธิษฐานทำถวายพ่อหลวงแก่ประธานในพิธี เพื่อนำไปจัดทำเป็นหนังสือความดีถวายพ่อหลวงต่อไปด้วย
...


โอกาสนี้ ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ในหลวง รัชกาลที่ 9 กับแพทย์อาสา” ว่า พระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 1-9 ทุกพระองค์มีส่วนช่วยพัฒนาแพทย์ไทย ทั้งแพทย์แผนไทย และแผนปัจจุบัน ทุกพระองค์ทรงดูแลราษฎรใน 3 หัวข้อหลักคือ การศึกษา มีการตั้งโรงเรียน, สุขภาพ ตั้งคณะแพทย์ โรงพยาบาล และด้านการศาสนา ศีลธรรม ในช่วงเวลา 70 ปีที่ผ่านมา พวกเราคนไทยคุ้นชินที่ได้เห็นพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯไปที่โน่นที่นี่ เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรนั้น มีมาตั้งแต่วันแรกที่ทรงครองราชย์ ในช่วง 10 ปีแรก ทรงสนพระทัยในเรื่องการควบคุมโรคระบาดให้หมดไป ไม่ว่าจะเป็นโปลิโอ หรือโรคเรื้อน รวมทั้งพระองค์เคยทรงดนตรีการกุศลเพื่อหาเงินซื้อปอดเทียม จากนั้นในช่วงอีก 10 ปีต่อมา ทรงสนพระทัยการดูแลสุขภาพ อนามัย โภชนาการ และในช่วงหลังจึงมีการพัฒนาบุคลากร รวมทั้งการสร้างอาคาร โรงพยาบาล การมารวมพลังทำความดีในครั้งนี้คงเหมือนการมีเสียงเรียกจากหัวใจที่เรียกให้พวกเราได้ออกมาทำงาน จนเกิดสิ่งดีๆมีความสุขที่ได้ทำมีความสุขที่ได้ให้บริการ เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เหมือนอย่างที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 รับสั่งกับผู้ที่ทำงานใกล้ชิดว่า ทำงานกับ พระองค์ พระองค์ไม่มีอะไรตอบแทน ขอให้เรามีความสุข ร่วมกัน ที่ได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น ดังนั้นจึงนับเป็นความปลาบปลื้มจริงๆ ที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำประโยชน์ให้แก่สังคม


จากนั้นได้มีพิธีปิดอย่างประทับใจด้วยการกล่าวอาเศียรวาท และจุดเทียนแสดงความอาลัย พร้อมกับร่วมกันร้องเพลงต้นไม้ของพ่อ ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง โดยหันหน้าไปทางพระบรมมหาราชวัง ก่อนที่จะเดินแถวพร้อมกันไปต่อคิวร่วมกับประชาชนเพื่อเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท.

...