ถามหน่อย คุณเป็นกันมั้ย ? เวลาทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงเยอะหน่อยในชีวิตประจำวัน ทั้งยังการเล่นกีฬากับเพื่อนฝูงแล้วรู้สึกว่าร่างกายเคลื่อนไหวติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นธรรมชาติ จะพลิกตัวกะทันหันก็เซเกือบล้ม แถมจังหวะที่ต้องขยับแล้วแต่ขาเจ้ากรรมดันก้าวไม่ทันกับที่ใจคิด...
รู้หรือไม่ว่าสิ่งเหล่านี้ คือ สัญญาณเตือนจากร่างกายให้คุณรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่จะปฏิวัติตัวเอง และเพิ่มทักษะการใช้ร่างกาย เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตและเคลื่อนไหวออกแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ปวด ไม่เมื่อย ไม่เหนื่อยง่าย แถมยังช่วยให้เกิดความคล่องแคล่ว ว่องไว กระปรี้กระเปร่า ซึ่งแน่นอนการเพิ่มทักษะการใช้ร่างกายทำได้วิธีเดียว นั่นก็คือ การออกกำลังกาย
ไทยรัฐออนไลน์ มีโอกาสไปเปิดงาน เจอกับ ทนงศักดิ์ วงษาโสม เทรนเนอร์ชื่อดังมาแนะนำการออกกำลังกายจะช่วยเรื่องการเพิ่มทักษะในการใช้ร่างกาย (Skill-Related Fitness) ได้อย่างไร และอะไรคือทักษะการใช้ร่างรายการที่เราควรมีเพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ

“เวลาจะตัดสินว่าคนไหนฟิต ไม่ได้ดูจากแค่ว่าเขามีซิกซ์แพ็กหรือมีกล้ามเพียงอย่างเดียว เพราะบ่อยครั้งที่เราจะพบคนกล้ามโตแต่มีแรง หรือมีทักษะการใช้ร่างกายน้อยกว่าคนกล้ามเล็ก ดังนั้น จึงอยากให้ทุกคนสร้างทัศนคติใหม่ว่า ไม่ใช่ว่าต้องอยากมีซิกซ์แพ็ก อยากมีกล้ามถึงมาเริ่มออกกำลังกาย เพราะการออกกำลังกายควรจะเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ในทุกๆ วัน เพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรามีร่างกายที่ดีมีคุณภาพ และพัฒนาทักษะให้ร่างกาย เพื่อให้ทุกการเคลื่อนไหวและการใช้ชีวิตในทุกๆ กิจกรรมเป็นไปอย่างมีศักยภาพ” ทนงศักดิ์ วงษาโสม บอกกับเราแบบนั้น
...
ทักษะในการใช้ร่างกาย (Skill-Related Fitness) 6 ข้อที่ทุกๆ คนควรมี
1. ความคล่องตัว (Agility)
คือ ลักษณะการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่สามารถใช้ความเร็วในการเปลี่ยนทิศทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนนักฟุตบอลที่เลี้ยงลูกหลบทีมคู่แข่ง การหมุนตัวขณะเลี้ยงลูกไปชู้ตในเกมบาสเกตบอล หรือการกลับตัววิ่งจากหน้าเนตไปท้ายคอร์ดอีกมุมหนึ่งเพื่อตีลูกเทนนิส ซึ่งนักกีฬาเหล่านี้จะมีความคล่องตัวมากกว่านักวิ่ง 100-200 เมตรที่ใช้ความเร็ววิ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว

ความคล่องตัวมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง สังเกตได้จากตอนไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อยอดนิยม ขณะที่เรากำลังต่อแถวยาวเหยียดอยู่พนักงานก็เดินมาเปิดเคาน์เตอร์ชำระเงินเครื่องข้างๆ คุณจะสามารถพุ่งตัวเปลี่ยนแถวไปจ่ายเงินอย่างสง่างามเป็นคนแรกได้หรือไม่ แม้กระทั่งเวลาที่เดินห้างอยู่แล้วต้องเอี้ยวตัวหลบคนที่กำลังเดินก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือไม่มองทางกะทันหัน แม้ว่าจะเข้ามากระชั้นชิดแล้วก็ตาม
2. ความสมดุล (Balance)
คือ ความสามารถในการทรงตัวอย่างมั่นคง ด้วยการควบคุมและถ่ายเทน้ำหนักของร่างกายขณะอยู่นิ่งหรือเคลื่อนไหวได้เป็นอย่างดี หากขาดสมดุลร่างกายย่อมไม่สามารถควบคุมทิศทางและน้ำหนักของลูกได้ ความสมดุลขณะเคลื่อนไหวเห็นได้ชัดสำหรับนักกีฬาสเก็ตน้ำแข็ง ยิมนาสติก ขี่จักรยาน ไปจนกระทั่งนักแข่งมอเตอร์ไซค์
ความสมดุลมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก เพราะนอกจากจะทำให้เราสามารถยืนอ่านหนังสือในขบวนรถไฟฟ้าชิลๆ โดยไม่ต้องจับห่วงหรือราวเหล็กได้แล้ว ยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความบาดเจ็บจากการล้มกระแทกได้ เพราะชีวิตจริงไม่ได้มีพระเอกมาประคองรับตัวเราไว้ตอนที่รถไฟฟ้าเบรกเอี๊ยดเมื่อถึงสถานีจริงไหม และแม้คุณจะไม่ใช้ชีวิตโลดโผน เดินไต่เชือก ตีลังกา หรือเล่นกีฬามากมาย แต่ความสมดุลก็ช่วยให้คุณทรงตัวเดินบนท่อนไม้ข้ามลำธารหรือก้าวเท้าไปยังหินแต่ละก้อนเพื่อถ่ายรูปกลางน้ำตกระหว่างเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขไงล่ะ
3. การทำงานประสานกัน (Coordination)
คือ ความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อและระบบประสาทได้อย่างสอดคล้องเห็นได้จากนักกีฬาส่วนใหญ่จะใช้การทำงานประสานกันระหว่างสายตาและอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายมากกว่า 1 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งพร้อมๆ กับมองลูกเบสบอลแล้วเอื้อมสุดแขนไปรับไว้ การใช้สายตามองคู่ต่อสู้เพื่อหลบหลีกการโจมตีพร้อมๆ กับการออกหมัดเพื่อสวนกลับของนักมวย สายตาและระบบประสาทของร่างกายของนักกีฬาจึงพร้อมตื่นตัว และสั่งการอวัยวะต่างๆ ให้ทำงานอย่างแม่นยำอยู่เสมอ

...
แล้วคนทั่วไปที่ไม่ใช่นักกีฬาล่ะ ลองนึกถึงเวลาขับรถที่คุณต้องมองถนนข้างหน้า กระจกข้าง กระจกหลัง ระวังมอเตอร์ไซค์ รถคันอื่นกำลังเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวเตือน มือก็จับพวงมาลัย เท้าก็คอยเหยียบคันเร่งกับเบรกไปด้วย หากคุณเป็นคนที่การทำงานประสานกันได้ดี สภาพรถย่อมไม่มีรอยขีดข่วนอย่างแน่นอน
4. พลัง (Power)
คือ ความสามารถในการใช้แรงสูงสุดในการเคลื่อนไหวส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายแต่ละครั้ง โดยใช้ทั้งความเร็วและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในเวลาเดียวกัน ลองนึกถึงนักวอลเลย์บอลกระโดดลอยตัวสูงขึ้นไปเหนือเนต ก่อนจะง้างแขนตบลูกลงแดนฝ่ายตรงข้ามอย่างหนักหน่วง ทั้งการกระโดดและการตบต้องใช้พลังอย่างมาก นักกระโดดสูง กระโดดไกล นักยกน้ำหนักที่ยกน้ำหนักให้ขึ้นสำเร็จในครั้งเดียว นักฟุตบอลที่ยิงประตูอย่างเร็วและแรง รวมถึงนักกีฬาที่ต้องออกตัวจากจุดสตาร์ตอย่าง ว่ายน้ำ และนักวิ่งก็ต้องฝึกซ้อมการออกตัวอย่างหนัก เพื่อให้เกิดพลังที่จะนำมาใช้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
คนธรรมดาอย่างเราๆ จะมีโอกาสใช้พลังอะไรนักหนาเล่า ในวันที่ฝนตกหนักแล้วคุณกำลังยืนเรียกรถอยู่ริมฟุตปาท แล้วแมลงสาบกรูกันขึ้นมาจากท่อ ข้างๆ มีม้านั่งของพี่วินตั้งอยู่ เหตุการณ์น่าขนลุกนี้เกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที แล้วคุณมีพลังพอที่จะกระโดดขึ้นไปยืนบนม้านั่งก่อนที่แมลงสาบเหล่านั้นจะหนีน้ำไต่ขึ้นมาบนขาคุณหรือไม่ เราไม่รู้หรอกว่าจะต้องกระโดดข้ามหรือกระโดดขึ้นเพื่อเอาตัวรอดในสถานการณ์ไหนบ้าง ดังนั้นออกกำลังเพื่อสะสมพลังไว้บ้างก็ดีเหมือนกันจริงไหม
5. ความเร็ว (Speed)
คือ ความสามารถในการเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง หรือการเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญต่อกีฬาทุกประเภท และดูเหมือนจะท้าทายขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆ เช่น ยูเซน โบลท์ ที่ทำสถิติโลกวิ่งทางตรง 100 เมตรในเวลาเพียง 9.58 วินาทีเท่านั้น จากตัวอย่างจะเห็นได้ชัดว่าความเร็วเป็นความสามารถในการเคลื่อนที่ในทางตรง ซึ่งแตกต่างกับความคล่องตัวที่เน้นการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนทิศทางไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น นักวิ่งทางตรงเมื่อต้องมาแข่งวิ่งซิกแซกผ่านสิ่งกีดขวางจึงแพ้นักบอล หรือแม้แต่นักเต้นที่มีความคล่องตัวสูงซะอย่างนั้น แต่ขณะเดียวกันนักกีฬาฟุตบอลก็ต้องการความเร็วเพื่อวิ่งกลับไปป้องกันแดนของตัวเองทันทีที่ทีมตรงข้ามพลิกกลับมาบุกเหมือนกัน
...
ช่วงนี้ใครๆ ก็อยากจะใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์นะ นอกจากความเร็วอินเทอร์เน็ตก็ไม่อยากได้ความเร็วอะไรแล้วแหละ เรามาจำลองเหตุการณ์ในกรณีที่การจราจรติดขัด และคุณไปถึงสนามบินช้ากว่ากำหนด ถ้าคุณมีทักษะความเร็วเป็นทุนก็สามารถลงจากรถและวิ่งตรงไปขึ้นเครื่องได้ทัน หลังจากนั้นค่อยใช้เวลาพักร้อนไปเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ก็ยังไม่สายใช่ไหมล่ะ

6. ปฏิกิริยาตอบสนอง (Reaction Time)
คือ ความสามารถในการกระทำหรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อสิ่งเร้า ไม่ว่าจะเป็นการได้ยิน การมองเห็น หรือความรู้สึกสัมผัส ปฏิกิริยาตอบสนองนี้มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ผู้รักษาประตูที่ต้องจับทิศทางเพื่อป้องกันลูกฟุตบอลเข้าประตู การออกตัวของนักวิ่งและนักว่ายน้ำทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณ นักกีฬาที่ใช้ศิลปะการป้องกันตัวอย่างเทควันโด หรือนักมวยก็ใช้ทักษะนี้เป็นตัวส่งเสริมให้ร่างกายสามารถใช้การทำงานประสานกันของอวัยวะ และพลังในการเล่นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย
ทักษะนี้ช่วยป้องกันความเสียหายและการบาดเจ็บในชีวิตประจำวันได้มาก เช่น ถ้าแขนเราปัดโทรศัพท์มือถือออกจากโต๊ะแล้วแขนและมือมีปฏิกิริยาคว้าเอาไว้ได้ทันก่อนตกพื้น ที่น่าทึ่งคือมีการรวมคลิปของคุณพ่อที่มีการตอบสนองไวป้องกันลูกจากอันตรายได้หลายเหตุการณ์ ดังนั้นมีคุณสมบัตินี้ติดตัวไว้มีประโยชน์มากมายแน่นอน
...
สถานที่ Fitness First