การเต้นเบลลี่แดนซ์ คือ การเต้นระบำหน้าท้องซึ่งมีประวัติมายาวนาน แต่ยังไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่ากำเนิดจากที่ใดกันแน่ แต่ก่อนไม่ได้เรียกว่าเบลลี่แดนซ์ คำว่าเบลลี่แดนซ์เพิ่งถูกนำมาใช้ในช่วงศตวรรษที่ 19 เนื่องจากคนอเมริกันไปเห็นนักเต้นใส่ชุดแบบเปิดหน้าท้อง ตั้งชื่อการเต้นชนิดนี้ว่า เบลลี่แดนซ์ 

ระบำหน้าท้องมีจุดเด่นคือเป็นศิลปะที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิง มีทั้งความอ่อนโยน อ่อนไหว สวยงาม แต่ขณะเดียวกันก็แฝงด้วยความแข็งแรงอยู่ด้วย ลักษณะการเต้นดั้งเดิมของระบำชนิดนี้จะแยกประสาทสัมผัสเพื่อควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ ต่างๆ ให้ทำงานแยกส่วนกัน (สะโพก, ไหล่, หน้าท้อง ฯลฯ) โดยบางท่าอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกับการเต้นแจ๊ส หรือบัลเลต์ ส่วน ‘ระบำหน้าท้อง บำบัด’ เกิดจากการเอาวิธีเต้นแบบดั้งเดิมมาผสมกับการทำกายภาพบำบัดของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

ประโยชน์ของการเต้นระบำหน้าท้อง แม้จะเป็นการเคลื่อนไหวเฉพาะส่วนทีละส่วน แต่ร่างกายจะได้ออกกำลังกายทุกส่วน จึงทำให้ต้นแขน หน้าท้อง สะโพก ต้นขา ฯลฯ กระชับและแข็งแรงขึ้น เรียกได้ว่าช่วยให้สัดส่วนของผู้หญิงมีส่วนเว้าส่วนโค้งมากขึ้น

นอกจากกล้ามเนื้อภายนอกจะแข็งแรงขึ้นแล้ว ระบำหน้าท้องยังช่วยบริหารระบบภายในต่างๆ เช่น ระบบขับถ่าย ระบบการย่อยอาหาร ระบบหายใจ กระเพาะปัสสาวะ มดลูก อุ้งเชิงกราน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นหัวใจให้ทำงานเร็วขึ้น (คาร์ดิโอ) ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ (ข้อควรระวังคือ ควรรับประทานอาหารก่อนเริ่มเต้น 1-2 ชม.)

การเต้นระบำหน้าท้องเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย สามารถเต้นได้ตั้งแต่เด็กอายุ 4 ปี จนถึงผู้สูงอายุที่มีใจรักในการออกกำลังกายและเสียงเพลง ผู้ที่มีปัญหาปวดหลังและข้อต่อต่างๆ ก็สามารถเต้นได้เช่นกัน เพราะพื้นฐานและท่าเต้นส่วนใหญ่ของการเต้นระบำหน้าท้อง เป็นการขยับบริหารกล้ามเนื้อมัดเล็กๆ และรองรับน้ำหนักของร่างกายได้ดี โดยไม่ส่งผลข้างเคียงให้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น

...

ด้วยประโยชน์มากล้นดังที่กล่าวมา ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในโครงการวิจัยโรคมะเร็งเต้านมจึงร่วมกับรพ.บีเอ็นเอชจัดกิจกรรม ‘ระบำหน้าท้องบำบัด’ เริ่มแรกทาง รพ.ได้เปิดสอนให้แก่ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งเต้านม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายมาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งท่าเต้นของระบำหน้าท้องบำบัดนั้นมีหลากหลาย บางท่าก็สอดแทรกนาฏศิลป์ไทย และการทำกายภาพบำบัดเข้าไปด้วย แต่หลักๆ จะเน้นท่าวอร์มอัพร่างกาย โดยเริ่มจากการขยับคอ โยกหัวไหล่ ส่ายเอวส่ายสะโพก ไล่มาจนถึงช่วงขา เพื่อให้เข้าจังหวะกับเสียงเพลงหลากหลายสไตล์ ทั้งฮิพฮอพ เร็ว ช้า สลับกันภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ครูอลิซาเบธ ลิซ วิลเลี่ยมส์ ผู้สอนและนักเต้นระบำหน้าท้องบำบัดชาวอังกฤษวัย 52 ปี จากโรงพยาบาลบีเอ็นเอชเล่าว่า “ระบำหน้าท้องบำบัดนั้นเน้นบรรเทาโรคเป็นหลัก โดยท่าเต้นจะปรับให้ง่ายขึ้น เพื่อให้สะดวกกับผู้เรียนที่ไม่มีพื้นฐานการเต้นมาก่อนสามารถออกท่าทางได้ง่าย และก่อนเข้าคอร์ส ครูผู้สอนก็ต้องซักถามถึงอาการของผู้ป่วยก่อน เพราะส่วนใหญ่นักเรียนมักเป็นผู้ป่วย

“เราเชื่อกันว่าโรคเรื้อรังต่างๆ เกิดขึ้นจากภูมิต้านทานต่ำ ดังนั้นการขยับร่างกายผ่านการเต้นเข้าจังหวะช้า-เร็ว-ช้า-สลับกัน ช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลืองในร่างกายให้ไหลเวียนดี ปรับระบบกลไกในร่างกายให้ขจัดสารพิษหรือของเสียได้ดี อีกทั้งลดการขังของน้ำที่อยู่ภายใต้อาการบวมอักเสบ อีกทั้งระหว่างที่เราสนุกกับการเต้นระบำพร้อมเสียงเพลงนั้น สมองจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และสารเซโรโทนิน จึงทำให้ระดับความเจ็บปวดลดระดับลง ซึ่งถือว่าเป็นการผสานจิตใจกับออกกำลังกายไปพร้อมๆ กัน”

คราวนี้มาฟังนักเรียนในคลาสการันตีถึงความแปลกใหม่เร้าใจว่า “ตั้งแต่มาเต้นระบำหน้าท้องบำบัด รู้สึกเลยว่าตัวเองกระฉับกระเฉง เดินเร็วขึ้น อาจารย์ที่สอนน่ารักมาก เขาทำให้เรามีวินัยเรื่องสุขภาพ ซึ่งแต่ก่อนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ออกกำลังกายเลย มันทำให้เราเมื่อยล้าง่าย พอมาเต้นที่นี่มีความสุขสนุกสนาน เต้นเป็นจังหวะ มีการส่ายเอวส่ายสะโพก เราจึงได้ออกกำลังกายทุกส่วนในร่างกาย สำหรับท่านที่ต้องการความแปลกใหม่ในการออกกำลังกายแนะนำให้มาที่นี่เลยค่ะ”

ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถ สภากาชาดไทย
ชั้น 9 อาคารว่องวานิช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
 โทร. 0-2256-4991-2 (ติดต่อไปคุยกับพยาบาลก่อนเพื่อคัดกรองผู้เข้าคลาสเรียน)
คลาสเรียนมีวันพุธและวันศุกร์ เวลา 10.30-12.00 น.

ที่มา – Women’s Health Thailand
www.womenshealththailand.com
www.instagram.com/womenshealththai