การเรียนรู้ประสบการณ์ชีวิตของผู้ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาหลายฤดูกาล จนมายืนอยู่ในจุดสูงสุดของวงการ เป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในทางลัดที่จะทำให้คนรุ่นใหม่ได้ก้าวอย่างมั่นคงไปสู่ความสำเร็จได้เร็วขึ้น “ไอดอล” รุ่นเดอะ ที่ถือเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตทั้งการงานและครอบครัว อาทิ ภัทรา ศิลาอ่อน, กมลา สุโกศล และ มาลี ตั้งสิน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่สร้างธุรกิจขึ้นมาจนเติบโตอย่างมั่นคง และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองไทย โดยต่างเป็นหญิงแกร่งและหญิงเก่งที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน วันนี้แม้จะเป็น “ส.ว.” ผู้สูงวัยในบทบาทของคุณย่าคุณยายแล้ว แต่บุคลิกภายนอกยังดูสง่างาม หรือสมาร์ท เลดี้ ที่ยังไม่มีคำว่า “เกษียณ” อยู่ในหัวไอดอลรุ่นเดอะทั้ง 3 ท่าน ได้ร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นลูกหลาน ในการทำงานต่อไป

“ป้าใหญ่–ภัทรา ศิลาอ่อน” พี่สาวคนโตของน้องๆในตระกูล “ไรวา” หนึ่งในตัว P ผู้ก่อตั้งร้าน “S&P” ร้านอาหารและเบเกอรี่ชื่อดังในเมืองไทยที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศภายใต้บุคลิกที่มาดมั่นดุจนางพญาของผู้บริหารรุ่นเดอะ วัย 74 ปีผู้นี้ ได้แฝงอารมณ์ขัน และพลังบวกที่นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตของตัวเอง ป้าใหญ่บอกว่า ตอนนี้คงไม่ใช่ผู้หญิงแกร่ง ขอเอาตัว “ร และ ง” ออกเป็นผู้หญิงแก่มากกว่า “ป้าใหญ่” เป็นคุณหนูลุยงานรุ่นแรกที่มีความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตในแบบฉบับของตัวเองหลังจากจบการศึกษาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐฯ ก็กลับมาใช้ชีวิตตามกรอบความนิยม เริ่มต้นรับราชการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทนทำอยู่ 2 ปี รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง เพราะตื่นมาก็ไม่อยากไปทำงาน ชอบการค้าขายมากกว่า เลยลาออกมาเปิดร้านขายของเล็กๆ ตรงโรงแรมเพรสซิเด้นท์ กับน้าสะใภ้ สั่งรองเท้าจากฟิลิปปินส์มาขาย ขายได้กำไรอย่างดี พอมีชีวิตครอบครัว มีลูก ตอนไปส่งลูกที่โรงเรียน เห็นทำเลแถวโรงเรียนลูก จึงปิ๊งไอเดีย ชวนน้องๆ มาเปิดร้านไอศกรีมเล็กๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจ “เอส แอนด์ พี” ร้านแรกอยู่ตรงซอยประสานมิตร สมัยก่อนแม้จะมีคนมองว่าเป็นลูกคนมีสกุลที่มาเป็นแม้ค้า แต่ “ป้าใหญ่” ไม่แคร์ เพราะคิดว่าการค้าขายไม่ได้เป็นงานเสียหาย ยิ่งถ้าเราทำได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เจริญ คนเขาก็จะนับถือเราเอง....ซึ่งวันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วการได้ทำงานที่ตัวเองชอบ เวลาทำงานจะตื่นตัวมาก หัวสมองนี่แล่นปรื๊ด ในการทำงานจะมีเคล็ดลับอยู่ว่า อย่าเครียด ถ้าเครียดแล้วคนรอบข้างเราก็จะเครียดไปด้วย เวลาที่เครียดก็คิดไม่ออก ในส่วนตัวจะยึดอิทธิบาท 4 คือ ฉันทะ–การมีใจรักในสิ่งที่ทำ, วิริยะ–ความมุ่งมั่นทุ่มเท, จิตตะ–ใจที่จดจ่อและรับผิดชอบ และวิมังสา–การทบทวนในสิ่งที่ได้คิดได้ทำ

...

ชีวิตวัยเกษียณของ “ป้าใหญ่” ในทุกวันนี้ไม่ต่างไปจากเดิม ยังคอยมาดูแลร้านด้วยตัวเอง “เป็นคนไม่ชอบเดินช็อปปิ้ง ชอบที่จะออกมาดูร้าน ออกมาเจอลูกค้า ทุกวันก็ต้องตื่นมาดูร้าน ถ้ามาไม่ไหวก็จะนั่งรถเข็นมา (หัวเราะ) ความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับตัวป้าใหญ่จะประสบความสำเร็จอยู่ที่ได้ทำงานแล้วมีความสุข ทุกคนต้องมีความสุขในชีวิต ทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องมีความสุข”

อีกหนึ่งไอดอล ที่หลายคนยกนิ้วโป้งให้เธอ ในความสามารถอันหลากหลาย มีพลังล้นเหลือชนิดที่สาวๆยังอาย “กมลา สุโกศล” เจ้าของโรงแรมเดอะ สุโกศล และกลุ่มโรงแรมสุโกศล เจ้าของเสียงร้องอันทรงพลังในเพลง “Live and Learn” อันโด่งดัง ในวัย 80 ปีของเธอวันนี้ ยังคงดูเนี้ยบ แคล่วคล่องว่องไวไม่ต่างไปจากอดีต

คุณกมลา หรือ “คุณต้อย” ของคนรู้จัก เล่าว่าวันนี้ยังคงทำงานปกติ แต่คงไม่ใช่งานโอเปอเรชั่นวันต่อวัน เพราะมีคนทำ ทั้งลูกเต้าและทีมงานที่ดี ถือเป็นคนมีบุญอย่าง คือ เป็นคนที่มีลูกน้องดี การทำงานของเธอจึงดูภาพรวมมากกว่า ชีวิตการทำงานได้พิสูจน์ความสามารถที่มีหลากหลายของเธอเป็นอย่างดี เริ่มจากเป็นอาจารย์สอนหนังสือด้านความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศในฐานทัพอเมริกัน ที่ญี่ปุ่น แล้วได้มาเป็นอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐฯ เมื่อกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย นายห้างกมล สุโกศล ผู้เป็นพ่อ นักธุรกิจชื่อดังในอดีต ก็มาให้จับงานขายรถยนต์ จากนั้นก็โยนโฉนดที่ดินเปล่าที่พัทยา ไปทำให้มีค่า จึงเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจโรงแรม ซึ่ง “คุณต้อย” บอกว่า ไม่มีความรู้เลยการทำงานจึงต้องศึกษาด้วยตนเอง และเรียนงานจากผู้มีประสบการณ์ ทั้งเพื่อนและลูกน้อง ชีวิตการทำงานจึงผ่านมาหมดทุกรสชาติ เจอทั้งคลื่นใหญ่คลื่นเล็ก ปัญหาเล็กระดับมด หรือใหญ่ระดับช้าง แต่สิ่งที่จะทำให้เราและทีมงานผ่านไปได้คือ “เราต้องเป็นตัวอย่างเป็นผู้นำให้แก่ทุกคน” ถ้าถามว่า เหนื่อย คืออะไร เมื่อย คืออะไร ฉันไม่รู้จัก การได้ทำงาน ได้ทำอะไรใหม่ ฉันถือเป็นกำไรชีวิต!

“การทำงานมีปัญหาทั้งนั้น ชีวิตมันไม่ราบรื่นแบบ “ลา วีอง โรส” โลกเป็นสีชมพู โรยด้วยกลีบกุหลาบทุกวันนั้น ไม่มีหรอกในโลกนี้ ชีวิตเราก็ต้องมีสีเทา สีดำบ้าง ว่ากันไป คุณต้องรับปัญหา อย่าง ดิฉันเคยเจอตอนต้มยำกุ้ง แขกที่โรงแรมไม่มีสักคน เข็ดเลยต้มยำกุ้ง มันทั้งเค็ม ทั้งเปรี้ยว ทั้งเผ็ด เจอมาหมด แต่ถ้าคุณรับปัญหาไม่ได้ ก็อย่าไปมีกิจการเป็นของตัวเองเลย ไปเป็นลูกจ้าง จะได้ไม่ต้องคิดมาก” คุณกมลายังแนะต่ออีกว่า “การใช้ชีวิต เราต้อง live แล้วก็ learn ถ้าคุณนั่งทับปัญหา ก็จะสติแตก ถ้าแก้ปัญหาไม่ไหว ก็ต้อง learn เรียนรู้ที่จะไม่ทำมันอีก การทำงานเราต้องมีความมุ่งมั่น อย่าคิดว่าทำสนุก แต่ถ้าพ่อแม่เป็นเศรษฐีก็ go ahead เชิญเลย และจำไว้อีกอย่าง คือ การทำงานต้องทำเป็นทีม ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งที่เก่ง ทุกคนช่วยกันถึงจะประสบความสำเร็จ” สำหรับในวัย 80 ปีของคุณต้อยวันนี้ พร้อมที่จะปล่อยมือให้ลูกๆดูแลกิจการแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำตัวตกเทรนด์ของโลก ด้วยการหาความรู้ใส่ตัวอยู่เสมอ เพราะ “ไม่ต้องการโง่”

สมาร์ทเลดี้คนสุดท้ายซึ่งอาวุโวสุด “คุณมาลี ตั้งสิน” เจ้าของโรงแรมแม่น้ำ รามาดา พลาซา ซึ่งปีนี้อายุครบ 89 ปี แต่ยังคงมีสุขภาพแข็งแรง ความจำแม่นยำ เป็นไอดอลรุ่นเดอะ ที่ชีวิตไม่เคยรู้จักคำว่า “ท้อ” เช่นกัน คุณมาลี ได้เล่าเส้นทางการทำงานของเธอกว่าจะเป็นเถ้าแก่เนี้ยว่า ชีวิตลำบากมาตั้งแต่เด็ก นั่งเรือจากเมืองจีนมากับแม่ ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ มาหาพ่อที่มาอยู่เมืองไทย ชีวิตจึงต้องขยัน ช่วยพ่อขายก๋วยเตี๋ยว ช่วยแม่ขายผัก, ไปนับเม็ดลำไยขายที่ปากคลองตลาด ทุกอย่างของการค้าขายชอบหมด พอแต่งงานก็มาเปิดร้านขายท่อแป๊บที่สะพานดำ ด้วยความขยันและเก็บเงินเก่งจากร้านที่มีห้องเดียวก็ขยับขยายกลายเป็น 2 ห้อง ชีวิตพอลืมตาอ้าปาก สามีสบโอกาสได้ไปต่างประเทศ จึงรู้สึกว่า โรงแรมนี้เป็นธุรกิจที่ดี ส่งกุญแจให้ลูกค้า เดี๋ยวเงินมา สามีจึงหันมาจับธุรกิจโรงแรม โดยแห่งแรกคือ “โรงแรมมิตรพันธ์” ที่วงเวียน 22 กรกฎา ในขณะที่คุณมาลียังคงคุมกิจการร้านขายท่อแป๊บ เพราะชอบค้าขายที่ได้เงินสด เลยได้กลายเป็นแบ็กหลังที่ดีของสามี เมื่อครั้งที่ธุรกิจมีปัญหา

...

“ตอนที่ทำโรงแรม สามีเขาดูหน้าร้าน ไม่ดูหลังร้าน จึงทำให้เกิดการรั่วไหล พอโรงแรมหมุนเงินไม่ทัน เขาก็ให้ฉันมาเคลียร์ ฉันก็ให้เจ้าหนี้ยืนเข้าแถวรับเงิน ติดเท่าไหร่ให้เขียนมา การทำธุรกิจไม่ว่าจะทำอะไร เราต้องมีสายตาดูทั้งหน้าร้าน หลังร้าน โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ต้องมีสายตาดูแลในครัวด้วย นอกจากธุรกิจโรงแรมแล้ว ฉันยังซื้อที่ ขายที่ ชีวิตฉันค้าขายมาเยอะ โชคดีที่หยิบจับอะไรก็ดี ไม่เคยล้ม ถ้าล้มก็จะเข็ด เราเรียนน้อยก็จริง แต่เรามีประสบการณ์ ที่ช่วยเรา อีกอย่างหลักการทำงานของฉันมีการอะลุ่มอล่วย ไปไหนใครเขาก็ชอบ มีบุญอย่างหนึ่ง ไปไหนคนก็รักเรา เวลาทำงานไม่เคยท้อ หากเป็นหนี้ก็จะพยายามคืนเงินเจ้าหนี้ให้เร็วที่สุด เพราะเราหลับ ดอกเบี้ยไม่หลับ นอกจากนี้ฉันยังมีหลักการค้าคือ ไม่ว่าทำอะไร เราต้องมีเงิน 30–40% ถ้ามีสัก 10–20% ไปไม่รอด กำไรตามดอกเบี้ยไม่ทัน และพยายามกู้ให้น้อยที่สุด”

แม้จะอยู่ในวัย 1 ศตวรรษ หย่อนเพียง 1 ทศวรรษ คุณมาลีก็ยังคงเป็น ส.ว.ที่ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ยังคงช่วยลูกชายคนที่ 6 ทำรีสอร์ตที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พร้อมๆกับการทำบุญผ่านมูลนิธิ “ตั้งสินอุปถัมภ์” ให้ทุนการศึกษาให้อนาคตแก่เยาวชน มานานกว่า 35 ปี โดยได้เล่าในตอนท้ายว่า ตอนที่ทำงานหนักคิดว่าอายุ 35 คงไปแล้ว พอเดี๋ยวนี้จะ 90 จะขออยู่หน่อย เราหาเงินยังไม่ได้ใช้เลย ต้องอยู่ยาว แต่ชีวิตฉันไม่ชอบซื้อเพชร เอาตังค์ไปให้เด็กๆ เรียนหนังสือดีกว่า...ทั้ง 3 ท่านล้วนเป็นไอดอลคุณภาพ รุ่นเดอะ เหมาะที่จะเป็นต้นแบบให้คนรุ่นใหม่ได้เดินตามเป็นอย่างยิ่ง.

...