กุลวิทย์
เรื่องการลดความอ้วนและรีดน้ำหนักเป็นอะไรที่ว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย หลายคนลุกขึ้นไดเอต เพราะอยากเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ ที่สวยปิ๊งกว่าที่เคย ขณะที่บางคนจำเป็นต้องรีดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ หลังจากถูกโรคร้ายรุมเร้า จนไม่เป็นอันทำงานทำการ ไม่ว่าอะไรคือเหตุผล ที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการบอกลาไขมัน แต่กุญแจสำคัญที่จะไขสู่ความสำเร็จก็คือความเข้มแข็งและมุ่งมั่นของจิตใจ
แรงบันดาลใจสำคัญที่จุดประกายให้ "ฟอร์ด-กุลวิทย์ เลาสุขศรี" บก.คนเก่งแห่งนิตยสารแอล ตัดสินใจรีดน้ำหนักเป็นการด่วนจี๋ เพราะไปตรวจสุขภาพประจำปี และพบว่าไตรกลีเซอไรด์ หรือไขมันในเส้นเลือด สูงผิดปกติ จนคุณหมอเตือนว่า อายุแค่ 40 เศษ ถือว่าอันตรายมาก เนื่องจากกรรมพันธุ์มีประวัติเป็นเบาหวาน คุณปู่คุณตาเป็นเบาหวาน คุณพ่อก็เป็นเบาหวาน และเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ทำให้ทนอยู่เฉยไม่ได้ คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกกำลังกายอย่างจริงจัง ถ้าไม่อยากตายเพราะเบาหวาน!!
เขาเปลี่ยนตัวเองครั้งใหญ่ โดยซื้อคอร์สออกกำลังกายที่ฟิตเนส เฟิร์สต์ และจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัว ตอนแรกๆเทรนเนอร์แนะนำให้เล่นเครื่องเล่นประเภทคาร์ดิโอเยอะๆ แต่เป็นคนไม่ชอบวิ่งอยู่กับที่นานๆ พอดีไปเจอโปรแกรมมวยไทย ทดลองต่อยดูแล้วชอบมาก ติดใจมาก แรกๆคิดว่ายาก แต่ต่อยแล้วมันส์มาก สนุกมาก!! เวลาเครียดๆได้ต่อยมวยก็สะใจดีนะ รู้สึก
หายเครียดไปเลย!! อาทิตย์หนึ่งจะต่อยมวยไทยประมาณ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ ก็ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินด้วย ต้องตัดแป้งสีขาวทุกอย่าง และตัดน้ำตาลกับของหวานหมด ซึ่งทรมานมาก เพราะเป็นคนชอบทานขนม แต่สูตรนี้ก็ได้ผลมาก เพราะน้ำหนักค่อยๆลดลงจาก 80 กิโล เหลือแค่ 73 กิโล แถมยังกระปรี้กระเปร่าขึ้น นอนหลับได้ลึกขึ้น พอไปตรวจสุขภาพ ไตรกลีเซอไรด์ก็ลดลง ทุกวันนี้แทบไม่ต้องทานยาเลย ตั้งใจว่าอยากลดให้ได้สัก 70 กิโล คงแฮปปี้มาก
ถ้าถามไฮโซรุ่นใหญ่ "ลี พึ่งบุญพระ" ว่าทำไมตัดสินใจลดความอ้วน ยอมทิ้งโหงวเฮ้งเถ้าแก่เนี้ย มาเป็นหุ่นนางงาม คงได้รับคำตอบอย่างอารมณ์ดีว่า อ้วนแล้วแต่งตัวไม่สวย เลยทนดูตัวเองไม่ได้ เมื่อกลางปีที่แล้วเคยอ้วนสุดๆ น้ำหนักพุ่งถึง 78 กิโล รู้สึกอึดอัดมาก เสื้อผ้าใส่ไม่ได้เลย หัวเข่าก็แย่ จะเดินขึ้นบันไดแต่ละที ต้องค่อยๆยกขาขึ้น ทีละข้าง บอกตัวเองว่าทนไม่ไหวแล้ว ต้องหักดิบแล้ว!! เลยตัดขนมหวานทุกอย่างหมด ซึ่งแต่ก่อนเห็นไม่ได้ เป็นกระโดดใส่ และเลิกดื่มโค้กเลิกดื่มน้ำอัดลมทุกชนิด เมนูที่ชอบๆ เช่น สปาเกตตี้คาร์โบนาร่ากับข้าวผัด จะไม่ทานเลย ทานแต่ปลานึ่งกับผักต้มจิ้มน้ำพริก หรือไม่ก็สุกี้ปลา ส่วนเรื่องออกกำลังกายไม่ชอบเลย จะอาศัยนวดสลายไขมันแทน ทุกอย่างอยู่ ที่ใจจริงๆนะ พยายามบังคับตัวเองและอดทนทุกอย่าง จนตอนนี้น้ำหนักลดเหลือแค่ 60 กิโล
ใครเป็นแฟนประจำคอลัมน์เหะหะพาทีของ "ซูม-สมชาย กรุสวนสมบัติ" คงจะเคยได้ยินข่าวคราวเรื่องปัญหาน้ำหนักเกินพิกัดของคอลัมนิสต์รุ่นใหญ่ "คุณซูม" ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา น้ำหนักเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ จาก 80 กิโล พุ่งพรวดเป็น 102 กิโล รู้สึกว่าอึดอัดอุ้ยอ้ายไปหมด จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วถึงขั้นอาเจียน จึงตัดสินใจไปหาหมอ และตรวจเจอว่าเป็นต้อกระจก ต้องเข้าผ่าตัด ทำให้อาการเวียนศีรษะทุกอย่างหายไป จากจุดนี้จึงเกิดแรงบันดาลใจว่า ถึงเวลาต้องดูแลตัวเองขนานใหญ่แล้ว โดยเริ่มแก้ไขจากการลดน้ำหนักเป็นอันดับแรก เพราะหมอจะเตือนตลอดว่า น้ำหนักตัวเกินพิกัดมาก ทำให้ ความดันสูง และการเต้นของหัวใจแรงผิดปกติ ก็เริ่มทำจากการปรับเรื่องอาหารการกิน โดยทุกมื้อจะทานแต่แกงจืดใส่ผัก และหมูนิดหน่อย ตัดข้าวทิ้งเลย แล้วก็ออกกำลังกายทุกวัน
เริ่มแรก "คุณซูม" ทดลองออกกำลังกายเบาๆก่อน ด้วยการถีบจักรเย็บผ้าอยู่ที่บ้านเป็นเดือน ก็ช่วยให้ตัวเบาขึ้นนิดหน่อย เพราะตอนนั้นปวดเข่าจนเดิน ไม่ไหว พอร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นบ้าง จึงออกเดินรอบสวนสาธารณะแถวบ้าน แรกๆเดินได้แค่รอบเดียว คือประมาณ 800 เมตร ก็เหนื่อยแล้ว ค่อยๆพัฒนาขึ้นจนเดินได้ 2-3 รอบ และปัจจุบันสามารถเดินได้ 7 รอบ เท่ากับ 5-6 กิโล โดยไม่เหนื่อยเลย ก็ทำต่อเนื่องมาหลายเดือน ทำให้น้ำหนักลดลงเหลือ 78 กิโล ตั้งใจว่าจะลดให้ได้ 75 กิโล เพราะรู้สึกว่าแข็งแกร่งขึ้น และเฮลตี้ขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โรคเก่าๆที่เป็นอยู่ก็ไม่กำเริบ มีกำลังวังชา และมีความคล่องตัวในการ ทำงานมากขึ้น รู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นเยอะ ทั้งๆที่ปีนี้อายุ 69 ปีแล้ว
กูรูด้านไลฟ์สไตล์ชื่อดังของเมืองไทย "พลอย จริยะเวช" ดูอ่อนเยาว์ขึ้นผิดหูผิดตา เพราะถูกโรครุมเร้า จนต้องปฏิวัติตัวเองใหม่หมด เธอเล่าว่าเป็นสาวตุ้ยนุ้ยมาแต่ไหนแต่ไร และชื่นชอบในความตุ้ยนุ้ยน่ารัก ของตัวเอง จนอายุเกิน 35 ปี เริ่มมีโรคมาเยือนสารพัด ทั้งไทรอยด์, ฮอร์โมนผิดปกติ, โรคไมเกรน รวมถึงโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง ซึ่งเคยเป็นหนักถึงขนาดนอนไม่หลับติดต่อกัน 4 คืนเต็มๆ พอส่องกระจกก็รู้สึกว่าตัวเอง อ้วนไม่น่ารักแล้ว เคยพีคสุดๆคือน้ำหนักพุ่งขึ้นไปถึง 64 กิโล ดูอ้วนๆฉุๆเหมือนคนบวมน้ำ ยิ่งกินฮอร์โมนก็ยิ่งฉุ เลยลุกขึ้นค้นตำราทุกอย่างเพื่อปรับสมดุลชีวิตใหม่หมด ทำให้ค้นพบว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการดูแลตัวเองแบบองค์รวม และสิ่งที่เด็ดที่สุดคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ที่ชอบ แต่ต้องทำอาทิตย์ละ 3-4 วัน
"พลอย" ลงทุนซื้อเครื่องครอสเทรนเนอร์มาไว้ที่บ้านเพื่อจะได้สะดวกออกกำลังกายทุกครั้งที่ว่าง หลังจากเล่นเครื่องนี้อยู่ประมาณปีครึ่ง ถึงเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน น้ำหนักลดไปกว่า 15 กิโล เหลือแค่ 48 กิโล และจากที่เคยทานยาวันละเป็นกำ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ต้องทานยาแล้ว นอกจากการออกกำลังกาย เธอยังปรับนิสัยการกินใหม่หมด โดยเน้นกินมื้อเช้าอย่างราชา ส่วนมื้อค่ำกินแบบยาจก คือตอนเช้าจะทานทุกอย่างที่อยากทาน ไม่ตัดแป้งและเนื้อสัตว์ แต่พอมื้อเย็นทานเฉพาะเนื้อกับผัก ไม่แตะแป้งเลย อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญคือ การเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ เธออ่านเจอตำราว่า ควรให้ร่างกายได้พักผ่อนในช่วงระหว่าง 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายดึงโปรตีนมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเผาผลาญพลังงาน ถ้านอนดึกจนเป็นนิสัย จะทำให้อ้วน
รายนี้ก็ดูสวยเพรียวขึ้นอย่างผิดหูผิดตา สำหรับ "หญิง-ปรียามล ธนวิสุทธิ์" บก.สาวไฮโซ แห่งนิตยสาร HiSoParty เพราะค้นพบสูตรการไดเอตแนวใหม่ "Atkins diet" ที่เน้นการทานแต่โปรตีนเพียงอย่างเดียวเป็นเวลาต่อเนื่อง 1 เดือนเต็มๆ โดยไม่แตะแป้ง, ผัก, ไขมัน และของหวานทุกชนิด โดยเธอเข้าโปรแกรมภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของคุณหมอ สูตรนี้ยิ่งกินโปรตีนยิ่งผอม เพราะโปรตีนจะทำหน้าที่ดึงไขมันที่มีอยู่ในร่างกายมาเบิร์นแคลอรี ระหว่างที่ลดความอ้วน เธอไม่ได้ ออกกำลังกายแม้แต่น้อย แต่จะทานเนื้อสัตว์เยอะมาก ทานได้หมดทั้งสเต๊ก, ปลานึ่ง, ชาบู, ปลาทูนึ่งกับน้ำพริก, ลูกชิ้นปลานึ่ง อะไรก็ได้ที่เป็น โปรตีน และให้นำไปนึ่งหรือย่าง ห้ามทอดเด็ดขาด โดยคุณหมอจะมีวิตามิน และโปรตีนเสริมให้ทานควบคู่กันไป ใช้เวลาแค่ 4 เดือน สามารถลดน้ำหนักได้ 11 กิโล!! รู้สึกภูมิใจมาก ถือเป็นการให้รางวัลตัวเอง จากคนที่อ้วนฉุ แล้วใส่อะไรไม่สวย ตอนนี้กลายเป็นสาวเพรียวลม น้ำหนัก
ลดเหลือแค่ 55 กิโล เหมือนสมัยสาวๆทุกวันนี้ ก็กลับมาทานอาหารตามปกติแล้ว แต่จะคอยระวังเรื่องแป้ง และพยายามงดมื้อเย็น เพื่อไม่ให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ กลับมาอ้วนอีกครั้ง อุตส่าห์ลงทุนลงแรงมา ตั้งเยอะ
สำหรับนางแบบดังระดับตำนานของเมืองไทย "ม้า-อรนภา กฤษฎี" แม้ปีนี้อายุ 56 ปีแล้ว แต่สามารถรักษารูปร่างให้ดูผอมเพรียวสเลนเดอร์ ได้อย่างอะเมซซิ่ง ไม่ผิดเพี้ยนจากสมัยสาวๆ เพราะถือคติว่า ชีวิตนี้เกลียดมาก จะไม่ยอมเป็นคนอ้วนเด็ดขาด จึงทุ่มเทเวลาให้กับการดูแลรูปร่างอย่างเอ็กซ์ตรีมสุดๆ เริ่มจากการออกกำลังกายอย่างหนักวันละ 4 ชั่วโมง โดยเธอจะเล่นโยคะร้อน 1 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นเดินบนสายพาน 1 ชั่วโมง แล้วต่อด้วยการปั่นจักรยาน 1 ชั่วโมง และซิตอัพอีก 600 ครั้ง เอ็กซ์เซอไซส์ หนักขนาดนี้ ถ้าไม่ผอมสวยก็ให้มันรู้ไป!! ส่วนเรื่องอาหารการกิน คนใกล้ชิดจะทราบดีว่า "ม้า-อรนภา" พกปิ่นโตอาหารส่วนตัวไปไหนมาไหนตลอด แม้แต่งานกาลาดินเนอร์ที่โรงแรมหรูระดับห้าดาว บริกรก็รับอาสาจัดอาหารสูตรพิเศษขึ้นโต๊ะซิตดาวน์ดินเนอร์สำหรับอรนภาโดยเฉพาะ ในปิ่นโตประกอบด้วยผักต้มสารพัดชนิดกับปลาย่าง หรือปลาทูน่า พร้อมซุปสุขภาพ ซึ่งปรุงจากเซลารี่, หอมหัวใหญ่, มะเขือเทศ, พริกเขียว และกะหล่ำปลี ต้มในน้ำเดือดจัด แล้วปรุงรสนิดหน่อยด้วยผงกะหรี่ เธอบอกว่า ซุปไดเอต สูตรนี้สามารถทำเตรียมไว้หม้อใหญ่ๆ และแช่ในช่องฟรีซ เพื่อเก็บไว้ ทานเป็นอาทิตย์ๆ ถ้ารู้สึกหิวขึ้นมาเมื่อไหร่สามารถทานแอปเปิ้ลกับกุ้งแห้งสดแทนขนมคบเคี้ยว แต่ของที่ห้ามแตะอย่างเด็ดขาดคือแป้ง, น้ำตาล และของทอด
...
ชีวิตนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่ถ้าทุ่มเต็มร้อยซะอย่าง ถึงจะยากแค่ไหน ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น?!
ทีมข่าวหน้าสตรี