โอ๊ยยยย...หล่ออะไรเบอร์นั้น นี่คนหรือเทพบุตร พี่แคมปัส จะเป็นลม ก็นะ...แคมปัสรับเชิญสัปดาห์นี้ช่างน่ารัก ขี้เล่น แถมออดอ้อนซะขนาดนั้น จะให้นิ่งๆ พี่คงทำไม่ได้ แหม่…ไปรู้จักกันเลยดีกว่า อย่าพูดพล่ามให้เสียเวลา
พระเอกช่อง 3 มีนามว่า "โบ๊ท" หรือ "ธารา ทิพา" เด็กหนุ่มต่างจังหวัด กับเส้นทางมาสู่วงการบันเทิง และเมื่อรับบทพระเอก
ชื่อ-นามสกุล : ธารา ทิพา
นิกเนม : โบ๊ท
วันเกิด : 9 ม.ค. 2539
อายุ : 20 ปี
พี่น้อง : เป็นลูกคนกลาง มีพี่ชาย 1 คน และน้องสาว 1 คน
น้ำหนัก : 77 กิโลกรัม
ส่วนสูง : 183 เซนติเมตร
บ้านเกิด : สระแก้ว
ศึกษา : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
อาหารที่ชอบ : ก๋วยเตี๋ยว
ดาราคนโปรด : ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี
สิ่งที่เกลียด/กลัว : ความจน
กีฬา : ว่ายน้ำ บาสเกตบอล วอลเลย์บอล
สไตล์การแต่งตัว : สปอร์ตๆ สบายๆ
ของสะสม : ตั๋วหนัง
เฟซบุ๊ก : Boat Tara Tipa
...
เราไปพูดคุยกับโบ๊ทพร้อมๆ กัน
โบ๊ท เริ่มเล่าว่า ตัวเองเป็นคนต่างจังหวัด เกิดและเติบโตที่จังหวัดสระแก้ว เรียนที่นั่นตั้งแต่เด็กจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนที่ครอบครัวจะย้ายเข้ามาอาศัยอยู่กรุงเทพมหานคร
"ผมเกิดที่สระแก้ว และเรียนอยู่ที่นั่นจนจบ ม.3 จากโรงเรียนสำเร็จวิทยา จากนั้นที่บ้านย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ผมและน้องก็เลยมาเรียนที่โรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ ตอนนั้นผมเข้า ม.4 น้องสาวเข้า ม.1 ตอนนี้ผมเรียนสายวิทย์คณิต เลือกเรียนสายนี้เพราะกลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ เมื่อตอนเรียนปริญญาตรี แต่สุดท้าย ผมก็มาเรียนด้านบันเทิง ผมก็ไม่รู้จะเรียนยากมาทำไม"
การศึกษา
ตอนนี้ผมเรียนอยู่ปี 2 สาขา คณะดิจิทัลมีเดียและศิลปภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เหตุผลที่เลือกเรียน เพราะจริงๆ ผมชอบดูหนัง ชอบภาพยนตร์มาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการ ผมอยากมีหนังเป็นของตัวเอง อยากผลิตภาพยนตร์เอง
...
เรียนสนุก
ถามว่าเรียนยากมั้ย ไม่ยาก แต่ว่าไม่ง่าย แต่ผมสนุกมากกว่า ที่ได้เรียนรู้ ปี 1 ต้องเรียนทฤษฎี อาจจะน่าเบื่อ แต่พอปี 2 เริ่มได้ทำโน่นนี่ ได้ปฏิบัติ ผมว่ามันสนุก ส่วนเกรดผมว่าก็โอเคนะ 3.7 (จ๊ะ…โอเคทีเดียวเลย)
แบ่งเวลา
ผมถ่ายละครวันพฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ดังนั้นจันทร์ อังคาร พุธ ผมลงเรียนทุกวัน เทอมละ 7 ตัว นี่ถ้าลงได้มากกว่านี้ ผมก็จะลงอีก ผมอยากเรียนจบไวๆ ผมจะได้มีเวลามาทำงานเต็มที่ เรียนเช้าให้ถึงเย็นเลย ไม่เสียเวลาเดินทางไปเรียนด้วย ไม่ใช่ไปเรียน 1 ชม.กลับ เสียเวลานั่งรถไปแล้วครับ ต้องคุ้ม
อาชีพในฝัน
ผมอยากทำหนัง ทำภาพยนตร์ อยากเป็นผู้กำกับ อยากทำหนังไซไฟ ผมอยากให้วงการหนังไทยบ้านเรามีหนังไซไฟ มีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ แต่จริงๆ อยากทำทุกอย่าง อยากกำกับเอง เล่นเอง เพราะอยากให้มันเป็นแบบนั้นแบบนี้ดังใจผมต้องการ
...
อันดับ 8 นักกีฬาว่ายน้ำไทย
ผมเริ่มต้นเรียนว่ายน้ำด้วยเหตุผลที่ว่า ข่าวจมน้ำเยอะในช่วงนั้น ผมอยู่ ป.3 ได้ แม่เลยจับพวกเรา 3 คนพี่น้อง ไปเรียนว่ายน้ำกันหมด ซึ่งโค้ชบอกผมมีแวว ก็ฝึกว่ายเรื่อยๆ ได้ไปแข่งตรงนั้นตรงนี้ จนกลายเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เป็นตัวแทนโรงเรียน เป็นตัวแทนภาค ที่สุดผมอยู่ในอันดับ 8 ของประเทศไทย
ฝึกซ้อม และก็ ฝึกซ้อม
ตอนนั้นผมอยู่ ม.3 ก็ต้องหยุดไป ผมว่ายมา 5 ปี มันอิ่มตัว และเพราะต้องมาเป็นประธานนักเรียน และต้องหาที่เรียนต่อ ม.4 ด้วย จึงหยุดไป ว่ายน้ำเป็นกีฬาที่เหนื่อยมากโดยเฉพาะเวลาซ้อม ตารางซ้อม คือต้องว่ายไปว่ายมา เล่นอะไรไม่ได้ เราต้องมีวินัย ผมต้องตื่นตี 4 ตี 4 ครึ่งลงสระ ซ้อมจนถึง 7 โมง ไปเรียน 7 โมงครึ่ง เลิกเรียน 4 โมงเย็น ลงสระ 5 โมง เลิกซ้อม 3 ทุ่ม หยุดวันอาทิตย์เพียงวันเดียว ผมทำแบบนี้มาตลอด
ว่ายน้ำ ได้อะไร??
ผมได้ ความอดทน เป็นอย่างแรก หลายๆ อย่างในชีวิต ผมมองว่ามันง่าย เพราะผมผ่านการฝึกฝนกีฬาว่ายน้ำมาแล้ว อย่างในหน้าหนาว ผมเกลียดมากๆ สระว่ายน้ำบ้านเราไม่มีฮีทเตอร์ แต่ผมต้องซ้อมว่ายน้ำในสระที่น้ำเย็นๆ สระตามต่างจังหวัด ขึ้นมาก็ต้องโดนลม และตอนเด็กผมผอมแห้งมาก ผมร้องไห้ทุกวัน แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ อีกเรื่องนึง คือ เรื่องสมาธิสั้น ภูมิแพ้ ผมหายเพราะว่ายน้ำ รวมถึงความสูงด้วย ผมสูงเพราะว่ายน้ำ
...
หนทางเข้าวงการ
ตอน ม.3 คุณอาตุ้ม ญาติห่างๆ ของผมซึ่งอยู่ในแวดวงบันเทิง เจอผมที่ร้านข้าวมันไก่ที่สระแก้ว เค้าเห็นก็เลยพยายามติดต่อผม ตอนนั้นผมไม่รู้ด้วย ว่าเราเป็นญาติกัน แล้วก็เลยได้เข้ามาทำงานชิ้นแรกที่กรุงเทพฯ เป็นการถ่ายแบบลงหนังสือ ซึ่งตอนนั้นผมก็ว่ายากนะ แต่ก็ทำเต็มที่ ครั้งแรกได้เงินมา 3,000 บาท ดีใจมากๆ และก็มีงานเดินแบบเข้ามาเรื่อยๆ
โชคชะตา หรือความฟลุก
จน ม.4 ผมขึ้นมาเรียนและอยู่กรุงเทพฯ งานเดินแบบมารัวๆ เลย แต่ผมเริ่มอยากเป็นนักแสดง จึงไปหาเรียนแอ็กติ้ง ก็เริ่มมองหาว่า ที่ไหนมีแอ็กติ้งฟรี เพราะช่วงนั้นมีค่าใช้จ่ายเยอะ ย้ายบ้านมาด้วย แต่อยากเรียน ผมเลยไปถามพี่ๆ ที่รู้จัก เขาแนะนำว่า ว่าอยู่ที่หนึ่ง คือของพี่ชุ ชุดาภา เค้าเปิดคลาส ผมก็ไปเรียน เรียนไปเรียนมา เพิ่งมารู้หลังว่า คลาสนี้เขาเปิดเพื่อหานักแสดง แล้วผมก็เข้าตา ถูกจับไปเล่นละครเรื่องแรก
ผลงาน
ผมเล่นละครเรื่องแรก ชื่อ ไฟรักเพลิงแค้น พี่เชื่อมั้ย ตอนอยู่ในคลาส ผมเล่นได้หมด ง่ายทุกสิ่งอย่าง แต่พอมาเล่นจริงเล่นเป็นลูกคนหนูใจแตก งานยากเลยครับ เพราะสภาพแวดล้อมที่มันเปลี่ยนไปจากห้องเรียน แต่สักพักก็มีเรื่องที่ 2 บุรำปรัมปรา เล่นเป็นตัวร้าย ก็สนุกไปอีกแบบ และก็มาเรื่องที่ 3 แสงเทียน เป็นพระเอกเต็มตัว เล่นเป็นพี่ยักษ์ เรื่องนี้จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการรำโขนพระราชทาน เรื่องนี้จึงยากมากเพราะต้องรำ รองจากการว่ายน้ำเลย แต่ก็โอเคครับ พอเล่นไป ทุกอย่างผมเต็มที่ แต่อยากให้ลองดูกันครับละครชุดแม่ของแผ่นดิน เรื่องแสงเทียนครับ ฉายช่วงเย็นของทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ทางช่อง 3
เรื่องนี้...พี่อยากดู
ที่กำลังถ่ายทำอยู่ คือ ละครเรื่อง มิสเตอร์เมอร์แมน แฟนฉันเป็นเงือก เรื่องนี้ผมรับบทเป็นพระเอก และเป็นเงือกด้วยครับ ซึ่งแปลกใหม่มากๆ ที่รับบทนี้ เพราะผมต้องเล่นเป็นเงือกอายุ 200 กว่าปี (หัวเราะลั่น) และถ้าพระเอกไปจูบกับใคร คนนั้นจะกลายเป็นเงือก แล้วนางเอกก็ดันจมน้ำ ผมก็ต้องไปช่วย ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็คงต้องไปติดตามดูครับ (ขายของเก่ง)
นักร้อง
เรื่องแสงเทียนครับ ทำให้ผมได้มีโอกาสร้องเพลงประกอบละคร สนุกมากๆ ตอนแรกผมร้องเต็มที่เลย เหมือนร้องแบบสไตล์ผม สุดท้ายต้องอัดใหม่ เค้าอยากได้แบบธรรมชาติพอ ไอ้ผมก็เต็มที่มากไปหน่อย 5555 แต่ก็สนุกดีครับ เพราะผมร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ ชอบมากๆ นี่ก็อีกอาชีพนึงที่ผมสนใจ
ฝากถึงเยาวชน
การเรียนมีความสำคัญมาก อย่างผมทำงานแบบนี้ มันไม่มีความมั่นคง มันอยู่จังหวะชีวิต ดวงด้วย ดังนั้นเราต้องเรียนหนังสือ เรียนในสิ่งที่เราชอบ เรียนในสิ่งที่เราอยากจะทำ อนาคตมันจะมีความแน่นอนและมั่นคง เพราะการศึกษามันจะช่วยพัฒนาเรา พัฒนาสังคม ทุกคนควรต้องเรียนหนังสือ แม้หลายๆ คน จะคิดว่าทำไมเราต้องเรียนมากมายขนาดนี้ แต่ผมว่ามันเป็นการฝึกสมอง ทำให้เรารู้จักคิด สำคัญอย่างทำดี คิดดี และรักพ่อแม่ให้มากๆ ดูแลพ่อแม่เราด้วย
รักเลย ชนะเลิศ เด็กอะไร คิดดีจริง พี่แคมปัส ส่งเสริมมากๆ เรื่องราวดีๆ ของโบ๊ท อาจไม่ใช่เรื่องราวที่หลายคนสนใจ แต่พี่แคมปัสหวังว่า ใครก็ตามที่ได้อ่าน จะเกิดมุมมองดีๆ เกิดแรงบันดาลใจ แล้วเราไปคิดดี ทำดี ให้สังคมเราน่าอยู่ยิ่งขึ้นไปพร้อมๆ กัน
เจอกันใหม่สัปดาห์หน้า บรัยส์…