น้ำตานองทั้งแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และความโศกเศร้าครั้งนี้ ยังให้ปวงชนชาวไทยร่ำไห้พร้อมกันทั่วประเทศ ความเสียใจครั้งนี้ไม่เพียงเกิดขึ้นกับคนไทยเท่านั้น บรรดาผู้นำคนสำคัญของโลก ต่างแสดงความเสียใจมายังเราด้วย ไทยรัฐออนไลน์ รวบรวมเรื่องราว สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน พระมหากษัตริย์ผู้ใกล้ชิดกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ มานำเสนอ
1. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุก ทรงได้รับการยกย่องจากชาวภูฏานรวมถึงชาวไทยส่วนใหญ่ ว่ามีพระราชจริยวัตรที่งดงาม และเป็นที่รักยิ่งของประชาชนชาวภูฏาน ราชวงศ์แห่งภูฏานและไทยมีสายสัมพันธ์อันอบอุ่นต่อกันมานานหลายปี โดยฉายให้เห็นจากมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศครั้งนี้ นำมาซึ่งความโศกเศร้าของปวงชนชาวภูฏานด้วย
2. เมื่อได้รับข่าวแห่งความสูญเสีย สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ได้โพสต์พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก “His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck” ในทันที
3. กษัตริย์ภูฏาน รับสั่งให้มีการไว้ทุกข์ พร้อมทั้งลดธงครึ่งเสา เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึงความทรงจำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศในวันที่ 14 ตุลาคม พร้อมทั้งสั่งหยุดงานและหยุดโรงเรียนทั่วทั้งประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้เดินทางไปวัด เพื่อจุดเทียนและสวดมนต์ ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศด้วย
4. สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เป็นผู้นำในการสวดมนต์ ณ อนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน ขณะที่พระบรมราชชนนีจะเป็นผู้นำสวดมนต์ ณ วิหารเกนราแห่งทาชิโชซอง พร้อมสั่งจุดเทียนยังสถานที่สำคัญต่างๆ ในประเทศเป็นระยะเวลา 7 วัน ทั้งนี้มีประชาชนชาวภูฏานหลายพันคนทั่วประเทศ ได้เดินทางไปพระราชวังและวัดต่างๆ ด้วย
...
5. พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรภูฏาน และสมเด็จพระราชินี เจตซุน เพมา วังชุก เสด็จพระราชดำเนินถึงประเทศไทยในเวลา 16.49 น. ของวันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม เป็นการส่วนพระองค์ โดยเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 16 ตุลาคม จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระบรมมหาราชวังเพื่อสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ โดยมีหมายกำหนดการเข้าร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ
6. ตลอด 7 วันข้างหน้าที่ภูฏาน จะมีการจุดดวงประทีปและสวดบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย ณ วิหารทิมพูทาชิโชซอง, สถูปอนุสรณ์สถานแห่งชาติชอร์เตน, วิหารสำคัญๆ ทั่วประเทศ ประกอบด้วย ชานกังคาลาคัง, ศาลาไทย, สวนสาธารณะ 100 ปี, พูนาคาซอง, ตรองซาซอง, ตราชิกังซอง, พาโรทักซาง, พาโรกีชู ลากัง, ทาลี ดราซาง, ซัมเซชีพมันดีร์ และพูเอ็นโชลิง ซางโตเปลรี
7. กษัตริย์ภูฏาน เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 พระองค์เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก และสมเด็จพระราชินี อาชิ เชอริง ยางดน วังชุก สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มีพระขนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระมารดา ซึ่งมีพระนามว่า เจ้าหญิงอาชิ เดเชน ยังซัม และพระอนุชามีพระนามว่า เจ้าชายดาโช จิกมี ดอร์จิ วังชุก
8. สมเด็จพระราชาธิบดีเคเซอร์ เป็นหนึ่งในพระราชอาคันตุกะ ที่เสด็จทรงร่วมพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ระหว่างวันที่ 12-13 มิถุนายน พ.ศ. 2549 ที่กรุงเทพมหานคร ในขณะที่พระองค์ยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร และเป็นพระราชอาคันตุกะที่มีพระชนมายุน้อยที่สุดในหมู่ราชวงศ์ที่มาร่วมงาน
9. เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2549 กษัตริย์ภูฏานเสด็จเยือนประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อเสด็จเยี่ยมชมสวนดอกไม้ของภูฏาน ในงานพืชสวนโลกที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และทางมหาวิทยาลัยรังสิตได้ทูลเกล้าถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในช่วงเวลาต่อมา.