สราลัญ - เฉลิมชัย - กมลสุทธิ์ - วราวุธ - อภิชาติ

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะจีบร้านดังระดับโลกอายุเก่าแก่กว่า 84 ปี อย่าง “เมซอง เดอ ลา ทรูฟ” ให้มาเปิดในเมืองไทย แต่อะเมซซิ่งยิ่งกว่าก็ตรงที่อะไรเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ 5 ทายาทตระกูลดัง เช่น ก้อง-กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี, กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ, นัท-อภิชาติ ลีนุตพงษ์, ป๊อป-วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ และ สราลัญ วัชรพล จับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งแรก ร่วมกันสานฝันปลุกปั้นร้านอาหารในตำนานของฝรั่งเศส ให้โด่งดังระดับทอล์คออฟเดอะทาวน์

ใครเป็นคนจุดประกายให้นำร้านดังระดับนี้มาเปิดในไทย

ก้อง : ถ้า “พี่นัท” ไม่แนะนำ เราก็คงไม่มีโอกาสทำร้านนี้ และไม่ได้เป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน “พี่นัท” แนะนำว่าร้านนี้อร่อยมาก มีชื่อเสียงเก่าแก่กว่า 80 ปี ก่อตั้งในปารีส เมื่อปี 1932 มีลูกค้าเป็นคนดังจากทั่วโลก คนไทยที่ชื่นชอบทรัฟเฟิลก็ต้องแวะร้านนี้ พอ “พี่นัท” พูดแบบนี้ ผมคิดว่าน่าจะมีอนาคต เลยลองบินไปกิน และเริ่มติดต่อกับเจ้าของ “มร.ฮามอน มัคคอน” เพื่อนำร้านมาเปิดในไทย โชคดีที่คุณฮามอนเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน เลยไว้ใจให้แฟรนไชส์มาเปิดเป็นครั้งแรกในเอเชีย ที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่ขยายร้านออกนอกฝรั่งเศส

...

นัท : คุณก้องไม่ได้แค่ชอบทานอย่างเดียว แต่ทานไปวิเคราะห์ไปว่าเมนูจานนี้ปรุงยังไง ส่วนผมไม่ถนัดเรื่องธุรกิจอาหาร เพราะโตมากับธุรกิจรถยนต์ แต่เนื่องจากชอบร้านนี้มาก พอเล่าให้คุณก้องฟังแล้วอยากทำ ผมดีใจมาก เพราะต่อไปจะได้ทานร้านโปรดโดยไม่ต้องบินไปฝรั่งเศส

กึ้ง : “ก้อง” ชวนให้มาทำร้านอาหารด้วยกัน พอรู้ว่าเป็นร้านนี้ตอบตกลงเลย เพราะเป็นอาหารฝรั่งเศสที่อร่อยถูกปาก และผมเป็นแฟนทรัฟเฟิลอยู่แล้ว

ต้องจ่ายค่าแฟรนไชส์แพงขนาดไหน

ก้อง : เขาคิดราคาเฟรนด์ลี่แค่ 200,000 ยูโร ประมาณ 10 ล้านบาท สำหรับค่าแฟรนไชส์ 10 ปี

คนฝรั่งเศสเข้มงวดเรื่องมาตรฐานมาก เปิดร้านแรกในไทย ส่งทีมงานมาคุมหนักไหม

ก้อง : ทุกอย่างต้องอิมพอร์ตจากฝรั่งเศสหมด เขาส่งทีมเชฟและผู้จัดการร้านบินตรงจากฝรั่งเศสมาควบคุมมาตรฐานเอง ตั้งแต่การตกแต่งร้าน, ผ้าปูโต๊ะ, โทนสี, โต๊ะเก้าอี้, โปรดักส์ และวัตถุดิบทุกอย่าง ก็ต้องนำเข้าจากฝรั่งเศส

เป็นร้านดังเรื่องทรัฟเฟิล ทรัฟเฟิลของที่นี่เด็ดกว่าที่อื่นตรงไหน

ก้อง : เรามีทรัฟเฟิลทุกระดับ ถ้าเป็นไวท์ทรัฟเฟิล ราคากิโลละเกือบ 2 แสนบาท รองมาก็แบล็คทรัฟเฟิล กิโลละ 4-5 หมื่นบาท แต่ถ้าเป็นซีซั่น ทรัฟเฟิล ก็ถูกลง ทรัฟเฟิลแพงเพราะเป็นของหายาก ขึ้นอยู่ใต้ดินลึกลงไป 30-45 เซนติเมตร ใต้ต้นโอ๊ค มีเฉพาะในฝรั่งเศส และอิตาลี ถ้าเป็นไวท์ ทรัฟเฟิลในช่วงฤดูหนาวจะแพงที่สุด แต่กลิ่นหอมละมุนมาก ลูกค้าไม่ชอบทรัฟเฟิลก็มาทานร้านเราได้ แต่ 90% ของคนไทยชอบทรัฟเฟิลครับ โดยเฉพาะแบล็คทรัฟเฟิล เพิร์ล ลักษณะเหมือนคาร์เวียร์ เป็นสูตรลับเฉพาะของร้านเลย

กึ้ง : ทรัฟเฟิลช่วยให้อาหารที่มีรสชาติดีอยู่แล้วยิ่งอร่อยขึ้น เหมือนเติมเสน่ห์เติมความกลมกล่อมให้อาหาร ผมชอบคอนเซปต์ของร้านนี้ ที่เน้นชูทรัฟเฟิลเป็นจุดขาย

ความท้าทายของการทำธุรกิจอาหารให้โดนใจอยู่ตรงไหน

ก้อง : ผมทำธุรกิจร้านอาหารเข้าปีที่ 7 เริ่มจากการเปิดร้านมูเกนได สาขาแรก ที่โครงการเดอะกลาส ทองหล่อ ลงทุนไป 15 ล้านบาท ตอนนี้รวมทั้งเครือขยายเป็น 8 สาขาแล้ว มียอดขายปีละ 300 กว่าล้านบาท ใครว่าเศรษฐกิจไม่ดี คนไทยยังชอบทานข้าวนอกบ้าน ถ้ามีจุดขายชัดเจนก็ทำสำเร็จไม่ยาก เราต้องมีเมนูประเภทมีที่นี่เท่านั้น ต้องมีบรรยากาศแบบที่ต้องมาทานที่นี่เท่านั้น สิ่งเหล่านี้คือจุดขาย ครอบครัวผมมีพื้นฐานด้านการเมือง ไม่เคยทำธุรกิจร้านอาหาร แต่อาศัยไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่เป็นคนชอบชิม

...

แต่ละคนมาสนิทสนมกันได้อย่างไร

ก้อง : สมัยเรียนไฟแนนซ์ ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐอเมริกา ผมเป็นเพื่อนกับ “พี่นัท” และ “กึ้ง” ผมกับ “พี่นัท” อยู่คนละมหาวิทยาลัย แต่ชอบเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน

นัท : คุณก้องเป็นคนป๊อปปูล่าร์ตั้งแต่สมัยเรียน มักมีเพื่อนๆมาขลุกอยู่ที่ห้องเขาตลอดเวลา แล้วคุณก้องก็ชอบทำอาหารเลี้ยงเพื่อนๆ ถือเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กๆ และเจอกันมาตลอด แค่ไม่เคยทำธุรกิจร่วมกัน

ป๊อป : ผมรู้จัก “ก้อง” ตั้งแต่สมัยทำงานกระทรวงต่างประเทศ ประจำอยู่ที่สิงคโปร์ ได้รับรอง “คุณกร ทัพพะรังสี” พ่อของก้อง และครอบครัวคุณอาของป๊อป คือ คุณปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ก็เคยทำงานการเมืองกับพรรคชาติพัฒนาของคุณกร ครอบครัวเราเลยสนิทกันตั้งแต่เด็กๆ 20-30 ปีมาแล้ว

ประกาศว่าไม่นิยมร่วมหุ้นกับใคร เพราะกลัวเสียเพื่อน ทำไม “ป๊อป” ใจอ่อนล่ะคะ

ป๊อป : ผมเป็นลูกค้ามูเกนไดตั้งแต่สาขาแรกที่ทองหล่อ พอไปเปิดที่เอ็มควอเทียร์ ก็ตามไปกินอีก กินบ่อยจนอยากมีหุ้น หลังวางมือจากดิออร์ “ก้อง” ก็ชวนมาร่วมหุ้นเปิดมูเกนได สำนักงานใหญ่ บอกแค่ว่า หน้าที่ของพี่ป๊อปมีอย่างเดียวคือ ชวนคนมากินที่ร้านก็พอ ไม่ต้องทำพีอาร์ ชีวิตนี้ไม่นึกว่าจะมีงานง่ายขนาดนี้ เลยตอบตกลง ส่วนร้านเมซอง เดอ ลา ทรูฟ “ก้อง” โทร.มาชวนผมร่วมหุ้นตอนอยู่อังกฤษ ไปออกกองถ่ายละครมายากับ “พี่นิด” (อรพรรณ วัชรพล) ตอนนั้น “น้องสรา” ก็อยู่ด้วย ผมเลยเรียนปรึกษาพี่นิดว่า จะเป็นอะไรไหมครับถ้าชวน “น้องสรา” ร่วมหุ้นด้วย เพราะรู้ว่าน้องชอบทานทรัฟเฟิล และเป็นแฟนร้านนี้

...

ก้อง : ร้านนี้ได้ “พี่ป๊อป” มาเป็นหุ้นส่วนด้วย ก็ดีใจมาก เพราะเขาคือกุญแจบู๊ลิ้มตัวจริง แต่ได้ “น้องสรา” ซึ่งเป็นทายาทตระกูลสื่อสิ่งพิมพ์อันดับหนึ่ง ผมคิดว่าจะเอาอะไรไปมากกว่านี้อีก!!

“น้องสรา” อายุแค่ 17 รู้สึกยังไงที่ได้เป็นเจ้าของร้านอาหารระดับโลก

สราลัญ : ผมเป็นคนชอบชิมชอบทานอาหาร ไปอเมริกาตอนเด็กๆก็ไปยืนชิมฟรีตามซุปเปอร์มาร์เก็ตประจำ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมไปทานร้าน “เมซอง เดอ ลา ทรูฟ” กับพ่อหยีที่ฝรั่งเศสเป็นครั้งแรก ต้องจองล่วงหน้าหลายวัน แต่คุ้มเพราะอร่อยมาก ติดใจเมนูหลายจาน ทั้งลอบสเตอร์ รีซ็อตโต้, พาสต้า ทากลิอาเทล ฟัวกราส์กับทรัฟเฟิล ยิ่งไอศกรีมโฮมเมดวานิลลากับไวท์ ทรัฟเฟิลนี่ที่สุด ผมคลั่งทรัฟเฟิลไปเลย พอ “อาป๊อป” บอกแม่นิดว่าจะร่วมหุ้นทำธุรกิจร้านเมซอง เดอ ลา ทรูฟ ที่เมืองไทย กับ “พี่ก้อง” แม่นิดรู้ว่าผมชอบทานร้านนี้มาก เลยนึกถึงผม และถามว่าไหนๆชอบมากอยู่แล้ว ก็ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบไปเลยไหม แม่จะลองพูดให้ แต่แม่ให้ผมรับปากว่าจะตั้งใจเรียนเลข ไม่งั้นเดี๋ยวคิดสตางค์ผิด (หัวเราะ) ผมตอบโอเคทันที เพราะหนึ่งชอบร้านนี้ สองคือชอบพี่ก้อง อยากเรียนรู้การทำธุรกิจร้านอาหารจากพี่ก้อง แม่บอกว่าพี่ก้องเป็นตัวจริง ยิ่งมี “อาป๊อป” หุ้นด้วยยิ่งดีมาก

...

นอกจากเป็นหุ้นส่วนแล้ว ได้ข่าวว่าช่วยคิดเมนูใหม่ๆด้วย

สราลัญ : ผมเห็นว่ากระแสอาหารเฮลตี้มาแรง ก็เลยนำเสนอไปว่าน่าเอาข้าวไรซ์เบอร์รี่ของไทยมาทำรีซ็อตโต้ การได้ทำร้านนี้ทำให้ผมขยันเรียนมากขึ้น และจุดประกายให้ผมอยากเรียนรู้เรื่องการบริหารธุรกิจ นี่ก็ว่าจะขอคุณแม่เรียนคอร์สทำอาหารที่กอร์ดอง เบลอ เพราะ อยากรู้จริงทำเองได้จริง ถ้าถามผมตอนนี้ ผมอายุแค่ 17 ก็จริง แต่ผมอยากทำอะไรหลายอย่างมาก ตรงนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ผมอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้เยอะที่สุด เพื่อสุดท้ายจะได้ใช้ความรู้ความสามารถของเรากลับมาช่วยกิจการของครอบครัวเต็มที่ ไม่ว่าผมจะไปทำอะไรที่ไหน แต่ยังไงสุดท้ายก็ต้องกลับมาช่วยธุรกิจของไทยรัฐและโพลีพลัส ตั้งแต่เล็กจนโต ผมเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำงานหนักมาก พ่อหยีจะสอนเสมอว่าอยากทำอะไรให้ลองทำ แล้วลงมือทำทุกอย่างเต็มที่ ส่วนแม่นิดจะเน้นเรื่องความอดทน และขอให้ลูกตั้งใจทำในสิ่งที่ชอบ ทำไม่ถูกไม่เป็นไร แต่ให้พยายามเต็มที่ก่อน ไม่ใช่ถอดใจยอมแพ้ง่ายๆ

คาดหวังความสำเร็จแค่ไหน จะดังเปรี้ยงระดับทอล์คออฟเดอะทาวน์ไหม

ก้อง : ถ้าทำแล้วไม่มั่นใจก็คงไม่ทำ ร้านนี้มีจุดขายชัดเจน ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ อีกอย่างในปารีส ที่นี่ถือเป็นร้านศูนย์รวมคนดังจากทั่วโลก เป็นธรรมเนียมไปแล้ว ที่หลังจบปารีส แฟชั่น วีค คนดังทุกคนจะต้องมารวมตัวกันอยู่ร้านนี้ ผมหวังจะสร้างวัฒนธรรมแบบนี้ในเมืองไทยบ้าง อยากให้ที่นี่เป็นแฮปเพนนิ่งเพลสที่คนดังๆคนฮิปๆมารวมตัวกัน

กึ้ง : ธุรกิจร้านอาหารไฮเอนด์ยังไปได้ดี ยิ่งถ้าร้านของเรามีคอนเซปต์ ชัดเจน ก็จะดึงดูดคนชอบอาหารฝรั่งเศสไม่ยาก ตอบโจทย์ทั้งเรื่องบรรยากาศ, โลเกชั่น ทองหล่อ ซอย 9, คอนเซปต์ร้าน และรสชาติอาหาร.

ทีมข่าวหน้าสตรี