ถ้ามีการเปิดทำเนียบศิลปินด้านการถ่ายภาพทรงอิทธิพลที่สุดแห่งยุค จะต้องมีชื่อของ “คริส เลวีน” ศิลปินด้านแสงและเลเซอร์ติดอันดับต้นๆอย่างแน่นอน เขาสร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกจากเอกลักษณ์การผสมผสานเทคโนโลยีแสงและเลเซอร์เข้ากับศาสตร์หลากแขนง โดยเฉพาะการทำสมาธิเพื่อถ่ายทอดถึงจิตวิญญาณ ความสงบลุ่มลึก และสติความตระหนักรู้
ชื่อเสียงของ “คริส เลวีน” ยิ่งพุ่งพรวดเมื่อได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สองแห่งอังกฤษ ให้ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ ในปี 2004 เนื่องในโอกาสครบรอบ 800 ปี ความสัมพันธ์ระหว่างอาณานิคมปกครองตนเองของสหราชอาณาจักร “เกาะเจอร์ซี่” กับราชวงศ์อังกฤษ ด้วยสไตล์โดดเด่นเปี่ยมเอกลักษณ์ ทำให้พระบรมฉายาลักษณ์ของควีนอังกฤษ “Equanimity” ได้รับคัดเลือกให้ตีพิมพ์ในธนบัตรที่ระลึก 100 ปอนด์ ของเกาะเจอร์ซี่ และต่อมายังได้รับการยกย่องเป็นพระบรมฉายาลักษณ์แห่งศตวรรษของควีนอังกฤษ ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นควีนยุคใหม่ได้อย่างน่าจดจำ นอกจากควีนอังกฤษแล้ว “คริส เลวีน” ยังมีโอกาสได้บันทึกภาพบุคคลสำคัญระดับโลก และเซเลบริตี้คนดังมากมาย รวมถึง “องค์ทาไล ลามะ ที่ 14” ผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดของทิเบต, “เคท มอส” สุดยอดนางแบบโลก, “เกรซ โจนส์” นักร้องนักแสดงดังแห่งทศวรรษ 1980 ตลอดจนมีผลงานร่วมกับศิลปิน, สถาบัน และองค์กรมีชื่อเสียงมากมายนับไม่ถ้วน

...

สำหรับแฟนๆชาวไทย ถือเป็นโอกาสดียิ่งที่ศิลปินดังระดับโลกอย่าง “คริส เลวีน” ได้ตอบรับคำเชิญของ “โนวา คอนเทมโพรารี แกลเลอรี่” บนถนนราชดำริ นำผลงานชิ้นลือลั่นมาจัดแสดงเป็นนิทรรศการศิลปะครั้งแรกในเมืองไทย ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 ก.ย.59 โดยศิลปินคนดังเปิดโอกาสให้ทีมข่าวสตรีไทยรัฐสัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังการทำงานสุดสร้างสรรค์อย่างใกล้ชิดด้วย
อะไรทำให้คุณสนใจนำเทคโนโลยีด้านแสงและเลเซอร์ผสมกับศาสตร์แขนงอื่นๆเพื่อสร้างสรรค์ ผลงานศิลปะรูปแบบใหม่
ผมร่ำเรียนมาด้านศิลปะและคอมพิวเตอร์กราฟฟิก จึงมีความหลงใหลในภาพสามมิติ และคุณสมบัติของแสงชนิดต่างๆเป็นพิเศษ ทั้งแสงธรรมชาติ, แสงเลเซอร์ และแสง LED ผมทุ่มเทศึกษาเรื่องนี้จริงจัง จนสามารถพัฒนาเป็นงานศิลปะมิติใหม่ และเป็นผู้บุกเบิกงานศิลปะร่วมสมัย สิ่งที่ผมทำคือนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เกี่ยวกับแสงมาสร้างสรรค์และปรับใช้กับการนำเสนองานศิลปะ โดยผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับแสงและเลเซอร์เข้ากับศาสตร์หลายแขนง ทั้งดนตรี, ประติมากรรม, ภาพถ่าย, แฟชั่น และการออกแบบ


คุณสนใจเรื่องการทำสมาธิตั้งแต่เมื่อไหร่
ผมเริ่มนั่งสมาธิเมื่อปี 2000 ได้เรียนรู้เรื่องนี้กับอาจารย์ชาวอินเดียในพม่า “ท่านโกเอ็นก้า” ช่วงนั้นชีวิตผมกำลังเจอวิกฤติใหญ่ ผมเครียดมาก ติดเหล้า และทำร้ายตัวเอง จนมีเพื่อนชักชวนไปถือศีลทำสมาธิ 10 วัน ที่กาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ผมตัดสินใจทิ้งทุกอย่างแล้วบินไปเนปาล ทำให้ได้ฝึกสมาธิครั้งแรกกับอาจารย์โกเอ็นก้า ผมนั่งสมาธิทุกวันตั้งแต่
...
ตี 4 ถึง 3 ทุ่ม ปิดมือถือไม่ติดต่อโลกภายนอก บางคนทำได้แค่ 3 วัน ก็ขอลากลับบ้าน แต่สำหรับผมอยู่จนครบ 10 วัน มันคือการค้นพบชีวิตใหม่ การทำสมาธิชุบชีวิตผมให้กลับคืนมาอีกครั้ง ทำให้ละทิ้งความทุกข์ไว้เบื้องหลัง ตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็เป็นลูกศิษย์อาจารย์โกเอ็นก้า และนั่งสมาธิเป็นประจำทุกวัน ผมค้นพบว่า การทำสมาธิทุกวัน ทำให้ชีวิตดำเนินไปในทางที่ดี ผมไม่กลับไปดื่มเหล้าและคิดสั้นอีกแล้ว
การทำสมาธิมีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานมากน้อยขนาดไหน
แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของผมยุคหลังมาจากการทำสมาธิ การทำสมาธิทำให้ผมเห็นภาพในหัวชัดเจน และอยากสร้างสรรค์มันออกมาอย่างไม่รู้จบ ผมตัดสินใจได้เฉียบขาดขึ้น มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนขึ้น งานของผมมีพลังอย่างประหลาด มันสะท้อนถึงมิติทางจิตวิญญาณ มีทั้งความสงบ, ลุ่มลึก, สติ และความตระหนักรู้ในชั่วขณะปัจจุบัน ซึ่งผมได้สะท้อนความสัมพันธ์เหล่านี้กับสิ่งต่างๆรอบตัว


...
อยากทราบเบื้องหลังการบันทึกพระบรมฉายาลักษณ์แห่งศตวรรษของควีนอังกฤษ
ผมได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากควีนอังกฤษ ให้ฉายพระ บรมฉายาลักษณ์ ในปี 2004 เนื่องในโอกาสครบ รอบ 800 ปี ความสัมพันธ์
ระหว่างเกาะเจอร์ซี่กับ ราชวงศ์อังกฤษ การฉายพระบรมฉายาลักษณ์ครั้งนั้น ต้องใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพ ชั้นสูง แต่ละช็อตจะใช้การถ่ายภาพจำนวน 200 รูป ภายใน 8 วินาที เพื่อจับพระอิริยาบถต่างๆให้ได้มากที่สุด สิ่งที่ผมภูมิใจคือ พระบรมฉายาลักษณ์ขององค์ควีนอังกฤษ “Equanimity” ได้รับคัดเลือกให้ตีพิมพ์ในธนบัตรที่ระลึก 100 ปอนด์ของเกาะเจอร์ซี่ ภาพนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นพระบรมฉายาลักษณ์แห่งศตวรรษของควีนอังกฤษ ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นควีนยุคใหม่ได้อย่างน่าจดจำ และถูกนำไปใช้ในหลายๆโอกาสสำคัญ รวมถึงในวโรกาสฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มีการนำพระบรมฉายาลักษณ์นี้ไปประกอบการจัดแสดงมงกุฎในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ภายใต้ชื่อ “The Diamond Queen” และได้รับเลือกให้ขึ้นปกนิตยสารไทม์ เพื่อเฉลิมฉลองวโรกาสสำคัญดังกล่าว ขณะที่พระบรม ฉายาลักษณ์ “Lightness of Being” ซึ่งจัดทำขึ้นในโอกาสเดียวกัน ในพระอิริยาบถหลับพระเนตร ก็ได้รับการกล่าวขานถึงความทรงพลัง และสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับโลกยุคสมัยใหม่ ถือเป็นการนำเสนอมุมมองความคิดรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

...
เท่าที่มีโอกาสทำงานกับบุคคลระดับโลกมากมาย ประทับใจใครเป็นพิเศษ
ผมได้ฉายพระรูปขององค์ทาไล ลามะ ที่ 14 ผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดของทิเบต ในพระอิริยาบถประทับสวดมนต์ พระรูปนี้ฉายเมื่อวันที่ 5 ก.ค.2015 เนื่องในโอกาสเสด็จเยือนประเทศอังกฤษ และฉลองพระชนมายุ 80 ชันษา โดยรายได้ทั้งหมดจากการประมูล พระรูปดังกล่าว ได้บริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดิน ไหวประเทศเนปาล อีกหนึ่งคนดังที่ผมร่วมงานด้วยคือ “เคท มอส” ผมนำเสนอภาพนางแบบระดับโลกในรูปแบบและมุมมองใหม่ ผ่านเทคนิคและการจัดแสงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อสะท้อนความสงบนิ่งของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง มากกว่าจะนำเสนอภาพความเจิดจ้าของสุดยอดนางแบบที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป
ถ้าเลือกได้อยากลั่นชัตเตอร์บันทึกภาพใครอีก
ผมเคยพูดไว้ว่าอยากถ่ายภาพองค์ทาไล ลามะ ซึ่ง ก็ได้ทำจริงๆ อีกคนที่ผมอยาก ถ่ายภาพคือ “เดวิด โบวี่” เสียดายที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว
นอกจากงานถ่ายภาพ คนมีชื่อเสียง คุณสร้าง สรรค์ผลงานศิลปะรูปแบบอื่นไหม
งานของผมส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเสียงและภาพ ผมได้รับเชิญไปร่วมงานรำลึกถึง “เดวิด โบวี่” เมื่อเร็วๆนี้ เป็นงานที่ผมใช้เลเซอร์เยอะมาก และใช้เสียงกับภาพนำไปสู่ภาวะอันสงบนิ่ง เพื่อให้ทุกคนในงานตระหนักว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติไม่สามารถแยกจากกันได้ เราต้องเคารพกันและกันเพื่อการอยู่ร่วมกัน


อะไรคือสาระสำคัญที่อยากสื่อผ่านผลงาน สร้างสรรค์ของ “คริส เลวีน”
สำหรับผมแล้ว ชีวิตคือปาฏิหาริย์ที่มีคุณค่า ผมเชื่อในงานแสงและเสียง โดยเฉพาะเลเซอร์และแสง เป็นส่วนประกอบของทุกๆสิ่ง “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” เคยกล่าวไว้ว่า เราบีบอัดแสงไว้ ทุกอย่างมีพลังงาน ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ณ ปัจจุบัน งานของผมจะพยายามบอกทุกคนให้รู้และตระหนักถึงภาวการณ์ปัจจุบัน
ยิ่งปัจจุบันมีข้อมูลไหลบ่าเข้ามาหาเราเยอะมาก เราต้องหาโอกาสนั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ เพื่อจัดเรียงความคิดใหม่ คุณสามารถทำสมาธิวันละเล็กละน้อย แต่ทำทุกๆวัน เพื่อจะได้ดึงตัวเองกลับมาสู่ความสงบ ผมเชื่อว่ามันไม่ยากเกินความพยายาม.

ทีมข่าวหน้าสตรี