จะกินสลัดทั้งทีผักสีเขียวอย่างเดียวคงไม่พอ ขอแจมสีอื่นเข้าไปเพิ่มด้วยละกัน ว่าแล้วก็หยิบกะหล่ำปลีม่วงใส่ชามแบบไม่ลังเล กินเต็มปากเต็มคำไม่ใช่แค่ผักแต่งจานเพราะมันมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร มีใยอาหารสูง ประกอบด้วยสารอาหารหลายชนิด ต่อไปนี้คุณจะมองข้ามกะหล่ำปลีม่วงในจานอาหารไม่ได้แล้วนะ
แม้จะเป็นผักประเภทเดียวกับกะหล่ำปลีเขียว แต่สีม่วงที่ต่างออกไปนั้นก็ให้คุณประโยชน์ต่างกันไปด้วย เพราะกะหล่ำปีม่วงมีวิตามินซีสูงกว่ากะหล่ำปลีเขียวถึงสองเท่า ขณะเดียวกันใบของมันก็มีสารอินไทบินัวที่ทำให้รสชาติขมกว่ากะหล่ำปลีสีเขียวสักหน่อย แต่สารอินไทบินนี้ก็มีประโยชน์กับกระบวนการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย และการหมุนเวียนของเลือดในอวัยวะต่างๆ อีกด้วย
รักษาแผลในกระเพาะ
กะหล่ำปลีม่วงมีสาร เอส-เมทิลเมไธโอนีล (S-methylmethionine) หรือเรียกอีกอย่างว่าวิตามินยู ซึ่งทางการแพทย์ใช้เพื่อสมานแผลในกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการปวดท้องที่เกิดจากแผลในกระเพาะและช่วยให้น้ำย่อยหลั่งเป็นปกติ กะหล่ำปลีม่วงยังมีสารอินไทบินคอยกระตุ้นให้เลือดหมุนเวียนไปหล่อเลี้ยงระบบย่อยอาหาร อวัยวะต่างๆ จึงทำหน้าที่ย่อยดีขึ้น
...
สาวรักปาร์ตี้ต้องลอง
นอกจากใช้เป็นผักที่เพิ่มรสชาติในจานสลัดแล้ว กะหล่ำปลีม่วงยังแก้แฮงก์หลังดริงก์อย่างหนักได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะผักชนิดนี้มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก เมื่อรับประทานแล้วน้ำภายในผักจะไปเจือจางแอลกอฮอล์ในร่างกาย อาการมึนตึ้บเลยหายง่าย เช้าหลังปาร์ตี้ลองเพิ่มกะหล่ำปลีม่วงในเมนูดูสิ แก้แฮงก์แล้วยังไม่อ้วนอีก ประโยชน์สองต่อเลยนะ
บำรุงสมองเจ้าตัวน้อยในครรภ์
กะหล่ำปลีม่วงมีกรดโฟลิกช่วยเสริมสร้างสมองของทารกในช่วงสร้างอวัยวะของลูกน้อยในครรภ์ ป้องกันความผิดปกติของ DNA รวมถึงเซลล์ต่างๆ ลูกน้อยจึงเติบโตแข็งแรง อาหารสำคัญแบบนี้คุณแม่ห้ามพลาดเด็ดขาดและยังสามารถเอามาประคบเต้านมเพื่อบรรเทาอาการปวดตึงคัดเต้านมได้อีกต่างหาก
วิตามินซีสูงกว่า
เรื่องวิตามินซีกะหล่ำปลีม่วงชนะเลิศเลยค่ะ เพราะมีเยอะกว่ากะหล่ำปลีสีเขียวถึงสองเท่า และมีสารซัลเฟอร์ช่วยบำรุงระบบประสาทให้นอนหลับง่าย แต่ขอเตือนก่อนว่าอย่ากินกะหล่ำปลีดิบครั้งละมากๆ เพราะสาร Goitrogen ในตัวผักจะเข้าไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ อาจเกิดอันตรายได้ สาวๆ ควรกินแต่พอดีสลับกับผักอื่นๆ บ้างเพื่อให้ได้ประโยชน์ครบ
ที่มา – Women’s Health Thailand
www.womenshealththailand.com
www.instagram.com/womenshealththai