ผู้บริหารหนุ่มอนาคตไกล “ณัฐนัย อนันตรัมพร” สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นผู้บริหารที่อายุน้อยที่สุด ในการนำธุรกิจของตัวเอง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ณัฐนัย หรือ เก็ท ผู้บริหารหนุ่มวัย 29 ปี ลูกชายคนเดียวในจำนวน 4 คน ของ สมบัติ–ชลิดา อนันตรัมพร เจ้าของกลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิงค์ ที่นำเข้าและจำหน่ายสายสัญญาณการสื่อสาร เล่าว่า ที่บ้านเลี้ยงดูตนมาแบบวางเป้าหมาย ตีกรอบให้เดิน ตั้งแต่ตอนเรียน ร.ร.สตรีวิทยา 2 แล้วเข้า ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา แล้วเข้าเรียนต่อคณะวิศวะ โชคดีที่สามารถทำได้ตามนั้น เอ็นฯติดคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ ตนไม่ได้เรียนเก่งเป็นที่ 1 แต่เรียกว่าสามารถเอาตัวรอดได้ เป็นนักสู้ระดับหนึ่ง ที่พอได้โจทย์มาก็ต้องทำให้ได้ พอจบปริญญาตรีก็ได้ทำงานเป็นวิศวกรวิจัยและพัฒนา ที่บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และมาฝึกงานที่บริษัทของพ่อ (บริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)) อยู่ 2 ปี ก่อนไปเรียนปริญญาโท ด้านไฟแนนซ์ ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน สหรัฐฯ และได้กลับมาเป็นผู้จัดการที่บริษัทของพ่อ พร้อมกับตั้งบริษัทของตัวเอง (บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์เทเลคอม จำกัด (มหาชน)) โดยนั่งเก้าอี้เป็นกรรมการผู้จัดการ

“คุณพ่อเองก็วางเป้าหมายชีวิตให้ผม ตั้งแต่การเลี้ยงดู ให้ผมรู้จักค่าของเงินในการสู้ชีวิต ตั้งแต่เด็กถ้าอยากมีเงินพิเศษเพิ่มก็ต้องทำงาน ผมเริ่มทำธุรกิจเล็กๆ ขายไฟหน้ารถยนต์ แบบซื้อมาขายไป ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย พอไปเรียนที่อเมริกา ได้เงินเดือนไม่ค่อยพอใช้ ผมก็สมัครทำงานเป็นผู้จัดการโปรเจกต์ด้านไอที ของมหาวิทยาลัย เรียกว่าต้องทำงานตลอด แรกๆก็รู้สึกอึดอัดนะครับ รู้สึกเราถูกตีกรอบ ก็มีโกรธบ้าง ที่เห็นคนอื่นเขามี แต่ทำไม เราต้องเหนื่อยขนาดนี้ แต่มาถึงตอนนี้ ได้มองย้อนไป ถ้าที่บ้านให้เงินผมมากๆ ผมก็ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ การสู้ชีวิต และความอดทนแบบนี้ มาวันนี้รู้สึกดีใจมากครับ ที่พ่อแม่เลี้ยงผมมาแบบนี้”

...

ด้วยวัยและประสบการณ์ของผู้บริหารหนุ่มไฟแรงคนนี้ เมื่อเทียบกับผลงาน ต้องยอมรับว่า ก้าวกระโดด!! ซึ่งเขาก็ยอมรับว่า สิ่งที่ได้มาทั้งหมดเพราะความที่เป็นนักสู้และยึดคติของการคิดดี ทำดี

“ผมทำงานกับคุณพ่อได้ปีหนึ่ง พอมองเห็นว่าเรามีข้อด้อยอย่างไร คือเรามีรายได้ทางเดียวแบบซื้อมาขายไป เลยคิดตั้งบริษัทลูกให้การบริการ คือ อินเตอร์ลิ้งค์เทเลคอม ซึ่งผมตั้งจุดหมายบริษัทนี้คือ ต้องโตกว่าบริษัทแม่ เราไม่ได้ทำแข่ง แต่เมื่อเรามีพลัง กำลังเป็นวัยรุ่น เราต้องโตกว่าบริษัทแม่ ซึ่งผมใช้เวลา 5 ปี และสามารถทำให้บริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ เป็นของขวัญวันเกิดครบ 29 ปีของผมครับ ซึ่งการทำงาน ผมได้เรียนรู้จากพ่อแม่ คุณพ่อนี้เป็นไอดอลผมเลย ท่านเป็นเด็กต่างจังหวัด เข้ามาทำงานเป็นพนักงาน แล้วออกมาตั้งบริษัท จนเติบโต ท่านเป็นนักสู้และมีความขยันทำงานมาก นอกจากนี้ ผมเชื่อเรื่องความดี ถ้าเราคิดดี ทำดี และทำเต็มที่ ผลของการที่เราคิดดีก็จะออกมาเอง รวมไปถึงการดูแลพนักงาน ถ้าเราดูแลเขาดี เขาก็ดูแลบริษัทดีเช่นกัน”

ในฐานะคนรุ่นใหม่ ผู้บริหารคนนี้ เลยฝากข้อคิดแก่คนยุคใหม่ในรุ่นเดียวกันว่า “ผมชอบที่จะไปพูดสร้างแรงบันดาลใจให้รุ่นน้องๆนะครับว่า ยุคเรามีข้อมูล และความก้าวหน้าพร้อม ถ้าเรามีความตั้งใจเอาพลังของเรามาใช้ประโยชน์ บวกกับความขยันแบบคนรุ่นก่อน รับรองเราจะสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมมากมาย นอกจากนี้ผมยังเชื่อว่า การทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ต้องเป็นแบบ win-win โตไปด้วยกันทั้งแผง แบบกินรวบคนเดียว คงไม่ได้แล้วครับ”.