ผู้คนล้นหลามกว่าแสนคนที่แห่เข้าเที่ยวชมงาน “เทศกาลไทย ณ นครโอซากา ครั้งที่ 14” เมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ตอกย้ำชัดๆถึงความภูมิใจของคนไทยที่ได้นำศิลปวัฒนธรรม เอกลักษณ์แห่งสยามเมืองยิ้ม ไปโชว์ให้ชาวญี่ปุ่นประจักษ์ โดยเฉพาะอาหารไทย ได้รับคำชื่นชมจากชาวอาทิตย์อุทัยถึงความเลิศรสระบือไกล

“งานเทศกาลไทย ณ นครโอซากา” เป็นหนึ่งในเทศกาลประจำปีที่คนญี่ปุ่นตั้งตารอ จัดขึ้นที่สวนไทโยะโนะฮิโรบะ บริเวณปราสาทโอซากา โดยกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา “ดุสิต เมนะพันธุ์” เป็นแม่งาน จับมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนไทย ช่วยกันเนรมิตงานได้สมบูรณ์แบบ ได้รับเกียรติจาก “มร.อากิระ มิวะ” เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำภูมิภาคคันไซ, “มร.ฮิโระโนริ ฮาริโมโตะ” ผู้แทนผู้ว่าราชการจังหวัดโอซากา และ “มาสะยูกิ อิโนะอุเอะ” ผู้แทนนายกเทศมนตรีร่วมตัดริบบิ้นเปิดงานเป็นทางการ

...

ในฐานะแม่งานใหญ่ กงสุลใหญ่ของไทยประจำโอซากาบอกเล่าว่า เทศกาลนี้จัดเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทยและญี่ปุ่นในภูมิภาคคันไซ หรือภาคตะวันตกของญี่ปุ่น ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น ความนิยม และทัศนคติที่ดีต่อเมืองไทย โดยใช้ความเป็นไทยเป็นสื่อกลาง ได้แก่ ศิลปวัฒนธรรมไทย อาหารไทย ผลไม้ไทย ขนมไทย มวยไทย เซปักตะกร้อ สินค้าไทย การท่องเที่ยวไทย การแสดงนาฏศิลป์ไทย รวมทั้งการแสดงโดยศิลปินชื่อดังของไทย นอกจากนี้ยังจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 12 สิงหาคม 2559 ซึ่งชาวญี่ปุ่นร่วมลงนามถวายพระพรคึกคัก

แม้แสงแดดแผดจ้าตลอด 2 วันที่จัดงาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ชาวญี่ปุ่นถอดใจถอยหนี ตรงกันข้ามกลับอุ้มลูกจูงหลานตะลุยเดินทั่วงานอย่างเนืองแน่น โดยพากันต่อแถวเข้าคิวลิ้มชิมรสอาหารไทย ผลไม้ เครื่องดื่ม ชมสาธิตการแกะสลักผลไม้ สาธิตการทำขนมไทย และเลือกช็อปผลิตภัณฑ์สินค้าไทย ที่ตั้งรายล้อมมากมายถึง 80 บูธ

อาหารไทยจานโปรดที่ชาวญี่ปุ่นร้อง “สุโค่ย” ต้องยกให้ข้าวมันไก่, ข้าวกะเพราไข่ดาว, แกงเขียวหวาน, แกงมัสมั่น, ส้มตำ ไก่ย่าง และผัดไทย ยิ่งกินกับเบียร์ไทยโออิชิสุดๆ คิวยาวไม่แพ้กันคือบูธผลไม้ไทยขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร นำโดย “รองอ้อย-ธัญลักษ์ เจริญปรุ” รอง ผอ.อ.ต.ก. ขนไปร่วมงานเต็มพิกัด ทั้งทุเรียน, มะม่วงน้ำดอกไม้, มะพร้าวน้ำหอม และสับปะรด เน้นโปรโมตมะม่วงเขียวเสวยกับโชคอนันต์ ที่เพิ่งอนุญาตให้นำเข้าประเทศญี่ปุ่น

...

ส่วนการแสดงบนเวทีก็จัดคิวลงตัว ทั้งการแสดงโขนของนักเรียนประถม จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน และคณะนาฏศิลป์ ไทยเซาธ์เทิร์น บรีซ จากเชียงใหม่ โชว์ศิลปะฟ้อนรำ 4 ภาค แถมรำกลองยาว และสาธิตฟันดาบ นอกจากนี้ยังมีศิลปินชื่อดังจากค่ายอาร์เอสและอาร์สยามร่วมสร้างสีสัน รวมทั้ง “บานเย็น รากแก่น” ราชินีหมอลำ

...

อีก 2 ไฮไลต์พลาดไม่ได้คือ เวทีมวยไทย จากค่ายมวยไทยในโอซากา โชว์พิษสงศิลปะแม่ไม้มวยไทย และสนามเซปักตะกร้อ โดยสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย ส่งนักตะกร้อหญิงทีมชาติไทยมาสาธิตสดๆ ทั้งการเสิร์ฟด้วยหลังเท้า ตีลังกาฟาดลูกหน้าเน็ต รวมทั้ง กระโดดบล็อกลูกฝ่ายตรงข้าม

นี่คือเสน่ห์แห่งเอกลักษณ์ไทย ที่ตราตรึงใจชาวต่างชาติ และควรค่าแก่การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น.