ปอย-ใบหม่อน
กะเทยไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ!! นอกจากจะชนะเลิศเรื่องความสวยความแซ่บแล้ว ยังผลัดกันสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยได้อย่างน่าทึ่ง ไล่ตั้งแต่ “ปอย-ตรีชฎา เพชรรัตน์” เจ้าของมงกุฎ มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีนปี 2004 ที่ได้รับฉายา “สวยยันเงา” เนื่องจากสวยทะลุเงาฆ่านางเอกดังๆระดับโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน เพราะ เจิดสุดๆทุกครั้งที่ปรากฏโฉมบนพรมแดงนานาชาติ มาจนถึงความสำเร็จของ “แอม ไอศวรรยา” สาวข้ามเพศสัญชาติไทยแท้ๆ โกอินเตอร์ไปคว้ารางวัลดารานำหญิงยอดเยี่ยมที่ประเทศเยอรมนี จากการรับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง “Patong Girl” สร้างชื่อเสียงน่าภูมิใจ เพราะเป็นผู้หญิงข้ามเพศคนแรกของโลกที่คว้ารางวัลนี้จากเวทีประกวดใหญ่ระดับอินเตอร์ อีกหนึ่งกะเทยไทยที่ดังไกลทั่วโลก ยังรวมถึง “เจเน็ต ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ ซีซั่น 2” ได้โกอินเตอร์ไปเล่นหนังถึงฝรั่งเศสโน่นเลยทีเดียว
...
“ใบหม่อน-โสภิดา ศิริวัฒนานุกูล” เป็นสาวประเภทสองสัญชาติไทยคนล่าสุด ที่แจ้งเกิดจากเวทีประกวดทิฟฟานี่ โดยคว้ามงกุฎมิสทิฟฟานี่ยูนิเวิร์ส 2015 มาครอง ได้เป็นตัวแทนสาวไทยเข้าร่วมประชันขาอ่อนบนเวทีประกวดมิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นที่หนึ่งในหมู่ชาวสีม่วง แต่เอาเข้าจริงๆแล้วสังคมไทยเปิดใจกว้างยอมรับสาวเทียมอย่างพวกเธอจริงๆหรือยัง ต้องไปค้นหาคำตอบกัน
“สังคมไทยให้การยอมรับพวกหนู 50 : 50 คือแล้วแต่ว่าเราไปอยู่ตรงจุดไหน บางคนเขาก็ไม่มอง ว่าหนูเป็นผู้ชาย ขณะที่บางคนก็อาจจะแอนตี้ แต่สุดท้ายหนูว่าอยู่ที่เราวาง ตัวมากกว่า คนส่วนใหญ่ชอบมองว่าสาวประเภทสอง ต้องเป็นคนที่แรง ปากจัด มีวาจาเชือดเฉือนแรง นิดหนึ่ง แต่ถ้าเราวางตัวดี ถูกกาลเทศะซะอย่าง ทำให้ เขารู้สึกดีกับเรา หนูเชื่อว่าสังคมก็เปิดโอกาสให้พวกเราอยู่แล้ว เพียงแต่การยอมรับบางเรื่องต้องใช้เวลา”
ที่ผ่านมา “ใบหม่อน” ยอมรับว่าเคยโดนกระแสสังคมต่อต้านให้ช้ำใจหลายหน “เคยรู้สึกน้อยใจนะที่เกิดเป็นกะเทย!! เพราะถูกมองว่าถึงจะทำดีอย่างไร เราก็เป็นกะเทยอยู่ดี ตรงนี้สะเทือนใจมาก สิ่งที่พวกเราอยากให้สังคมยอมรับคือ อยากให้มองว่าเราไม่ได้ เป็นตัวตลก หรือตัวประหลาด ความรู้สึกแบบนั้นทำให้เรารู้สึกแย่มากๆ ทั้งที่สาวประเภทสองไม่ได้ไปทำร้ายอะไรใคร ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายกับใครในสังคม อยากให้สังคมดูกันให้ละเอียด ทั้งเพศชาย เพศหญิง ก็มีทั้งดีและไม่ดี สาวประเภทสองก็เช่นกัน ไม่ใช่เหมารวมหมดว่าพวกสาวประเภทสองต้องไม่น่ารัก ต้องรุนแรงอย่างเดียว”
...
...
ย้อนกลับไปในวัยใสๆ “ใบหม่อน” บอกเล่าถึงความ รู้สึกครั้งแรกที่อยากเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติโหยหาเรียกร้อง แต่ก็ต้องฝืนข่มใจไว้ เพราะกลัวคนในครอบครัว รับไม่ได้...“หนูรู้สึกตั้งแต่เด็กๆแล้วว่า อยากเป็นผู้หญิง ตั้งแต่จำความได้ และด้วยความที่ถูกเลี้ยงมาให้เป็นผู้ชายเรียบร้อย บวกกับที่บ้านมีแต่ผู้หญิง ดังนั้นหนูเลยมีบุคลิกนิสัยคล้ายคลึงกับผู้หญิง ความรู้สึกนี้ก็เป็นมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งหนูบอกกับตัวเองว่า “เราไม่ใช่ผู้ชายไปแล้ว” เรารู้สึกว่ากายภาพของเราเป็นผู้ชาย แต่ข้างในเราภายในจิตใจของเราเป็นผู้หญิงไปหมดแล้ว หนูเลยเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนเรื่องแปลงเพศ หนูคิดมาตั้งแต่ช่วงมัธยมแล้ว พอเข้ามหาวิทยาลัย โอกาสเริ่มเปิดมากขึ้น ก็เลยเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่นั้นมา โชคดีที่คุณแม่ยอมรับได้ แม่บอกว่า เราจะเป็นอะไรก็ได้ ขอให้เป็นคนดี หนูก็ใช้ประโยคนี้บอกตัวเองเสมอ เวลาที่หนูจะทำตัวแย่ๆ จะนึกถึงคำแม่เสมอว่า แม่คอยดูเราอยู่นะ ก็เลย ทำให้ไม่อยากทำอะไรที่มันเสื่อมเสีย ส่วนคุณพ่อเป็นผู้ชาย ก็จะชอบลูกผู้ชายแน่นอน พอเรามาเป็นแบบนี้ พ่อต้องทำใจนิดหนึ่ง แล้วคงต้องปรับทัศนคติ ซึ่งสิ่งที่หนูทำ แล้วทำให้พ่อยอมรับในตัวตนของหนูได้ ชนะใจพ่อได้คือ หนูเป็นเด็กเรียนดี จะตั้งใจเรียนมากๆ กลัวพ่อจะรับไม่ได้ว่าเราเป็นแบบนี้แล้วยังเรียนไม่เก่งยังเกเรอีก ก็เลยทำทุกทางจนได้เป็นเด็กเรียนดีของโรงเรียน หนูทำกิจกรรมทุกอย่าง จนชาวบ้านทุกคนชื่นชมว่าหนูเป็นคนขยันตั้งใจเรียนมาก พ่อเลยหน้าบานขึ้นนิดหนึ่ง ไปไหนก็มีคนชมลูก แต่ถามว่า เขายอมรับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ไหม หนูคิดว่าก็ยังไม่เต็มร้อยหรอก พ่อคงอยากให้ลูกชายบวชเรียน หรืออยากให้เป็นทหาร ซึ่งหนูไม่สามารถตอบแทนตรงนั้นได้ หนูเลยมาตอบแทนส่วนอื่น คือการเป็นคนดี เรียนดี รวมทั้งทำงานเลี้ยงดูครอบครัว ตอบแทนพระคุณท่าน ให้ท่านเห็นว่า เราไม่ได้ทำตัวเป็นภาระของสังคม แล้วเรายังดูแลตัวเองและครอบครัวได้ด้วย”
...
กว่าจะฝ่าฟันอุปสรรคจนมาถึงจุดนี้ “ใบหม่อน” ยอมรับว่า การเป็นสาวประเภทสองต้องพิสูจน์ตัวเองเป็นสองเท่าของชายแท้และหญิงแท้...“หนูอาจจะโชคดีที่ทางบ้านเข้าใจในตัวเรา รวมทั้งหนูก็พยายามที่จะไม่ทำตัวให้เป็นปัญหา อยากจะฝากบอกพ่อแม่ทุกคนว่า การมีลูกเป็นสาวประเภทสอง ไม่ได้ผิดนะคะ แต่อยู่ที่การปลูกฝังเลี้ยงดูลูกมากกว่า ลูกจะเป็นอะไรก็ได้ ขอให้เขาเป็นคนดี ที่จริง สังคมในปัจจุบันเปิดโอกาสให้สาวประเภทสองมากอยู่แล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวของแต่ละคน ถ้าเราอยู่ในสังคม แล้วเราเป็นตัวเอง หนูว่าสังคมก็ยอมที่จะเปิดรับเรา เราอย่าพยายามทำตัวเป็นคนอื่น อย่าทำให้สังคมรู้สึกว่า สาวประเภทสองทำไมต้องใส่หน้ากาก อย่าทำให้คนรอบข้างอึดอัดอยู่ใกล้แล้วไม่สบายใจ เกิดเป็นสาวประเภทสองบอกเลยว่าต้องอดทนร้อยเท่า ใครจะจิกกัดดุว่าเรา ก็อย่า ไปสนใจอย่าไปตอบโต้ หนูเป็นคนหนึ่งที่ผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะมาก วันนี้หนูทดสอบแล้วว่า สิ่งที่หนูคิดมันใช้ได้จริง ถ้าวันนี้เราอยู่ในสังคม เราบอกตัวเองว่าเราอยากเป็น ผู้หญิง เราก็ต้องวางตัวให้เป็นผู้หญิง ทิ้งหน้ากากของสาวประเภทสองไปซะ หนูชอบพี่ปอยมาก โดยเฉพาะสิ่งที่พี่ปอยสอนพวกเรามาตลอดว่า อยากให้ทุกคนเข้มแข็งในความเชื่อของตัวเอง เชื่อมั่นในความฝันของตัวเอง ถ้าความฝันนั้นเป็นสิ่งดีงาม และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หรือทำลายวัฒนธรรมไทย”
ไม่ว่าจะเป็นชายเป็นหญิง หรือเป็นสาวประเภทสอง สังคมไทยก็พร้อมให้โอกาสทุกคนจริงไหมคะ ขอแค่ไม่ทำตัวเลอะเทอะเป็นภาระของประเทศชาติ!!
ทีมข่าวหน้าสตรี