เป็นข่าวคึกโครมไปทั่ววงการ ไม่แพ้ “ใหม่-ดาวิกา” ตอนทิ้งช่อง 7 เมื่อพิธีกรข่าวฝีปากกล้าค่ายเนชั่น “จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์” ยื่นซองขาวลาออก ทิ้งความหลัง 13 ปีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเนชั่นโผเข้า สู่อ้อมอกของไทยรัฐทีวี ถามตรงๆคนข่าวระดับแม่เหล็กอย่าง “จอมขวัญ” เล็งเห็นความท้าทายอะไรในช่องทีวีดิจิตอลน้องใหม่ ทั้งที่สวยเลือกได้มีค่ายใหญ่ๆตามจีบหัวกระไดไม่แห้ง!!

กดดันไหม? คนคาดหวังสูงว่า “จอมขวัญ” จะเป็นแม่เหล็กดึงเรตติ้งให้ไทยรัฐทีวี

หนักใจมาก เพราะตอนนี้เราทำตัวเป็นลูกเหล็กมากกว่า (หัวเราะ) แต่โดยส่วนตัวขวัญไม่ได้คิดว่าตัวเองจะเป็นแม่เหล็กอะไร เพราะจากที่เคยทำรายการทอล์ก ขวัญรู้สึกว่ารายการทอล์กไม่ใช่รายการดึงคนได้มากนัก นอกจากแฟนพันธุ์แท้ที่ชอบดูจริงๆถึงจะนั่งดูได้เป็นชั่วโมง ส่วนตัวขวัญไม่อยากจะคาดหวังขนาดนั้น มันไม่เหมือนนั่งดูละคร

ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ได้รับฟีดแบ็กตอบรับดีไหม

ก็มีเสียงตอบรับหลายกระแส ตั้งแต่เริ่มออกหน้าจอไทยรัฐทีวีครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ฟีดแบ็กดีนะคะ มีคนตามมาดูเยอะ มีการเปรียบเทียบกับช่องเก่าหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องแต่งหน้าทำผม หลายคนบอกว่าลีลาดูเข้มแข็งกว่าเนชั่น บางคนก็บอกว่าดูเบากว่าเนชั่นนะ คือได้คอมเมนต์หลายรูปแบบ

...

มองเห็นโอกาสอะไรในไทยรัฐทีวี ถึงตัดสินใจทิ้งเนชั่น

ความสนใจของขวัญที่มีต่อไทยรัฐทีวีเกิดขึ้นตั้งแต่ประมูลช่อง HD แล้วเอาข่าวนำ เอ่อกล้าเนอะ!! ประมูลมาซะสูง แต่เอาข่าวนำ ข่าวไม่ใช่ของที่จะโกยเงินเร็ว พอได้มาคุยก็รู้สึกว่าสิ่งที่ไทยรัฐทีวีอยากให้เราทำกับสิ่งที่เราอยากทำมันตรงกัน สมัยก่อนขวัญอาจจะทำอะไรมาเยอะ รวมถึงการเล่าข่าว แต่สิ่งที่ขวัญสนใจจริงจังคือการสัมภาษณ์คน

กลัวไหมจะถูกมองเป็นคนทรยศ เหมือน “ใหม่-ดาวิกา” ที่ทิ้งช่อง 7

ตอนนั้นรู้สึกสวยนิดหนึ่ง เพราะมีข่าวคู่มากับใหม่-ดาวิกา (หัวเราะ) เอาจริงๆขวัญไม่รู้สึกว่าตัวเองทรยศเนชั่น เพราะการจะไปคุยกับใครในวงการ ขวัญไม่ได้แอบย่องไปคุย ผู้ใหญ่ชินด้วยซ้ำเวลามีคนเรียกไปคุย ซึ่งก็เรียกไปคุยทุกช่องจริงๆ ขวัญตรงไปตรงมาว่าถ้าขวัญตัดสินใจแล้วก็จะบอก ไม่ใช่บอกเพื่อชี้ว่าทางโน้นมีอะไรหยิบยื่นให้มากกว่า หรือมาบอกไทยรัฐทีวีว่าเนชั่นยื่นข้อเสนออะไรดึงขวัญไว้ คือขวัญก็พยายามทำอย่างสุภาพที่สุด แต่ถ้าใครจะว่าเนชั่นสร้างคุณมา คุณไม่ควรทิ้งเนชั่น อันนี้ขวัญน้อมรับคำติ

ตอนเดินเข้าไปยื่นใบลาออก หนักใจที่สุดในชีวิตเลยไหม

ขวัญเข้าไปพบคุณอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ และคุณสุทธิชัย หยุ่น บอกพี่อดิศักดิ์ว่า ข่าวจริงนะคะ แต่หนูกลัวพี่โกรธ พี่อดิศักดิ์ก็บอกว่าผมจะโกรธทำไม ทุกคนมีเส้นทางของตัวเอง เมื่อคุณเลือกแล้วก็เดินไปตามนั้น ไม่มีน้ำตาใดๆแต่รู้สึกโหวงๆเหมือนกันที่ต้องเข้าไปบอก เพราะมีทั้งความรักความเคารพความผูกพันความเกรงใจ ที่เนชั่นสร้างขวัญมา คุณอดิศักดิ์ให้โอกาสผลักดันสนับสนุนขวัญทุกอย่าง ส่วนคุณสุทธิชัยคือคนที่ฝึกขวัญมาเลย สอนงานทุกอย่าง การจะไปบอกลามันลำบากใจ

รู้สึกจี๊ดไหมเวลาคนบอกว่า ขวัญมาไทยรัฐทีวีเพราะเงิน

ขวัญไม่ได้เงินเดือนสูงขนาดที่คนคิด แต่มันมากกว่าที่เดิมแน่ คนจะเปลี่ยนงานเนอะ (ยิ้ม) เงินไม่ใช่ปัจจัยแรก ถ้าจะมาตั้งแต่ไทยรัฐทีวีเปิดตัวคงโก่งค่าตัวได้มากกว่า แต่ขวัญมาในวันนี้ วันที่ไทยรัฐทีวีแข็งแรง ก็เพราะมองเห็นความท้าทายใหม่ๆ ขวัญไม่ใช่ตัวแม่แต่เป็นตัวแก่มากกว่า (หัวเราะ)

ถามจริงช่วงประมูลทีวีดิจิตอล “จอมขวัญ” เนื้อหอมขนาดไหน

...

ขวัญอยู่เนชั่น 13 ปีกว่า ตลอดเวลาก็มีคนทาบทามเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อนมีการประมูลทีวีดิจิตอลด้วยซ้ำ มีการคุยกับหลายค่าย คุยโดยที่ผู้ใหญ่รับทราบ ถ้าถามว่าเนื้อหอมไหมก็คงไม่ที่สุด แต่อาจเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้ไปคุยหลายที่หน่อย มีคนเรียกตัวเยอะ ขวัญเข้ามาคุยกับไทยรัฐทีวีเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ตอนคุยรอบแรกยังไม่ได้ตัดสินใจมาค่ะ เพราะเกรงใจและผูกพันกับผู้ใหญ่ทางเนชั่น ซึ่งทางนี้ก็ให้เกียรติว่าไม่เป็นไรพร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาคุย พอรอบหลังนี้ได้คุยลงรายละเอียดขึ้น ก็รู้สึกว่าจูนกันได้ตรง ขวัญตัดสินใจยื่นใบลาออกจากเนชั่นช่วงเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว

เท่าที่ได้สัมผัส สไตล์การทำงานของไทยรัฐทีวีกับเนชั่นต่างกันคนละขั้วเลยไหม

วิธีการตีโจทย์อาจแตกต่างกัน อย่างเนชั่นจะมีความเฉพาะ ส่วนไทยรัฐทีวีมีความเป็นแมสมากกว่า ฉะนั้นวิธีการตีโจทย์ในช่วงสัมภาษณ์อาจต่างกัน รูปแบบกระบวนการทำงานที่โน่นจะคิดประเด็นที่มีความซับซ้อนกว่า ในเรื่องเดียวกันเนชั่นอาจเลือกคุยในมิติโครงสร้าง ปัญหา และวิธีการแก้ไขลึกเข้าไปในความซับซ้อนของเรื่อง แต่ไทยรัฐทีวีไม่ได้ต้องการตรงนั้นมากเท่าการนำเสนอสีสันสิ่งที่ใกล้ตัวคน เพราะจะเน้นให้นึกถึงคนดูว่าอยากรู้อะไร และควรจะได้รู้อะไร ก็มีคนดูติงมาว่า รายการถามตรงๆมีเวลาน้อยไปแค่ 20 นาที ทำให้ไม่สามารถสาวได้ลึกเท่าตอนทำรายการคมชัดลึก ซึ่งขวัญมีเวลาชั่วโมงหนึ่ง แต่ขวัญเชื่อว่าเป็นโจทย์ที่ไทยรัฐทีวีต้องการ มันต้องเร็วต้องกระชับต้องรู้เรื่องเลย

...

ปรับตัวยากไหมให้เข้ากับวัฒนธรรมความเป็นไทยรัฐทีวี

(ยิ้ม) เวลาอาจสั้นไปที่จะตอบ ขวัญได้สัมผัสกับเจเนอเรชั่นใหม่ของไทยรัฐ สิ่งที่พยายามเรียนรู้คือ เปรียบตัวเองเหมือนนักบอล เมื่อเปลี่ยนทีมเล่น ต้องตีโจทย์ให้ออกว่าทีมนี้มีสไตล์การเล่นแบบไหน ก็พยายามเฝ้าสังเกตอย่างละเอียด เพราะบางทีขวัญยังติดคิดแต่เรื่องซีเรียส ส่วนความเข้มข้นในการทำงานยังเต็มร้อย ขวัญทำการบ้านหนักตั้งแต่สมัยอยู่เนชั่น มาอยู่ไทยรัฐทีวีก็ยังเหมือนเดิม ตื่นมาต้องเช็กข่าวก่อนแปรงฟัน (หัวเราะ) แล้วคุยกับทีมงานทั้งวันเพื่อเลือกประเด็น เราเตรียมประเด็นวันต่อวันเพื่อเกาะเคอร์เรนต์มากที่สุด ขวัญถามสดไม่เคยมีสคริปต์ วิธีทำงานของขวัญคืออ่านข้อมูลดิบให้มากที่สุด แล้วเวลาสัมภาษณ์จริงทุกอย่างก็จะเรียงออกมาเองตามความสงสัย

มีแฟนๆฝากถามว่า สวยขึ้นผิดหูผิดตา ไปทำศัลยกรรมหรือเปล่า

ทั้งตัวขวัญทำอยู่อย่างเดียวคือ เลเซอร์หนวดออก เรื่องขนเป็นปัญหาใหญ่ ขวัญสนใจอยากทำศัลยกรรม แต่เป็นคนขี้กลัว ก็เลยยังไม่กล้าทำ ตอนนี้เริ่มกังวลเรื่องริ้วรอย แต่ขวัญเป็นคน สีหน้าเยอะ ถึงทำโบท็อกซ์ก็คงเอาไม่อยู่

...

ในรายการถามตรงๆมุมกล้องที่โคลสอัพเข้ามาใกล้มากจนคับจอ เป็นไอเดียเราหรือเปล่า

ไม่ใช่เลยค่ะ (ยิ้ม) ถ้าเลือกได้อย่าโคลสอัพเลยค่ะ เห็นตีนกาถึงขมับเลยเหมือน จะสิงคนดู (หัวเราะ) ความตั้งใจของทีมงานคือต้องการเน้นให้เห็นสีหน้าแววตา ปฏิกิริยาตอบโต้ทางกายเพื่อแทนคนดู

ตัวจริง “จอมขวัญ” ซีเรียสจริงจังเหมือนในหน้าจอไหม

ตัวจริงคนละเรื่องกับในจอเลย ขวัญเป็นเด็กเกเร ชอบเล่นกีฬาชอบโดดเรียน แต่ก็อยู่ในกรอบที่ไม่เป็นภาระของครอบครัว เวลาอยู่กับเพื่อนจะเป็นตัวเฮฮา ขวัญเป็นคนเสียงดัง พูดมาก ชอบแกล้งเพื่อน เพื่อนๆชอบแซวมึงแม่งไม่ใช่ เราก็จะอำกลับแล้วกูได้ตังค์ไหม (หัวเราะเสียงดัง) จะกระเซ้ากันแบบนี้ มนุษย์มีหลายมิติ ขวัญก็มีมุมที่ชอบคุยเรื่องซีเรียส ขวัญสนใจเรื่องพวกนี้ มันพัฒนาให้ขวัญได้คิด

อะไรที่ทนไม่ได้ ทำให้ “จอมขวัญ” นอตหลุด

คนที่ไม่ตั้งใจ ไม่ใส่ใจ ไม่รับผิดชอบในเนื้อหาที่เป็นสาธารณะ คุณเอาอคติเข้าไปจับ คุณทำไปแค่ให้งานจบไปวันๆ คนที่ไม่เก่งขวัญเฉยๆ แต่ถ้าไม่ตั้งใจ ขวัญจะปรี๊ดเลย

ตลอดเวลาที่อยู่วงการข่าวมา 13 ปี เคยเจอประสบการณ์อะไรโหดที่สุด

ที่โดนประจำคือแขกรับเชิญว้ากกลางอากาศ แต่ขวัญไม่รู้สึกตื่นกลัวหรือจดจำจนเป็นแผลในใจ เพราะรู้สึกว่านั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน เวลาโดนปั้งเราก็จะมีปฏิกิริยาออกมาตามธรรมชาติ อย่างเช่น ตอนสัมภาษณ์ “อาจารย์ลิขิต ธีรเวคิน” กับ “อาจารย์ชัยอนันต์ สมุทวณิช” ดุมาก ตอนสัมภาษณ์ “หม่อมอุ๋ย-ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล” ก็แรงมาก มีคนเอาไปโพสต์กันใหญ่ว่าขวัญโดนสอนมวย แต่ถ้าถามขวัญจริงๆรู้สึกว่าเราโดนได้ทุกเทปด้วยซ้ำ เพราะคำถามอาจสร้างความไม่พอใจให้ทุกท่าน เคสหนักสุดในชีวิตคือ ตอนเกิดความขัดแย้งทางการเมืองระลอกแรกช่วงปี 2553 แล้วโดนวิพากษ์วิจารณ์ว่าขวัญถูกซื้อ โจมตีว่าเป็นเสื้อแดงเสื้อเหลือง ตอนนั้นขวัญทุกข์ขนาดถามตัวเองว่าเราควรเลิกทำงานไหม เราผิดวิชาชีพผิดจรรยาบรรณสื่อหรือเปล่า ก็ไปคุยกับผู้ใหญ่ว่าถ้าทำผิดขอให้ลงโทษ

มาถึงวันนี้ ความสุขความภูมิใจจากการเป็นคนข่าวอยู่ตรงไหน

ขวัญจะภูมิใจมากถ้าสิ่งที่เราทำมันช่วยสังคมให้ดีขึ้นได้บ้าง ขวัญไม่ได้อยากเป็นเบอร์หนึ่ง ไม่ได้อยากมีชื่อเสียงเงินทองมากที่สุด แต่ถ้าเสียงของเราดัง สิ่งที่เราพูดก็อาจจะดังขึ้น ทำให้มีคนได้ยินมากขึ้น แต่ขวัญไม่ได้อยากเป็นนักข่าวตั้งแต่แรก จริงๆขวัญฝันแค่อยากทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อสังคม ขวัญสนใจเรื่องช้าง อยากช่วยช้างตั้งแต่เด็กๆ เทปแรกของรายการคมชัดลึก ขวัญเลือกทำเรื่องช้าง การเป็นนักข่าวของขวัญก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พยายามตรวจสอบตัวเองว่าเราหลงไปกับกระแสที่มันพอกเราไว้หรือเปล่า ขวัญพยายามนำเสนอสิ่งที่ให้อะไรกับสังคม ขวัญยังไม่คิดว่าประสบความสำเร็จ คิดเสมอว่าตัวเองไม่เก่งไม่รู้เยอะ เลยใฝ่รู้ตลอดเวลา เรื่องที่ขวัญคุยมันกว้างมาก ทำให้เราอยากรู้ตลอดเวลา ขวัญซีเรียสกับงานจนเป็นที่โจษขานว่าเจ๊แกสุดๆ แต่ขวัญต้องการให้งานมันออกมาดีที่สุดแค่นั้นเอง.


ทีมข่าวหน้าสตรี