มีพ่อแม่จำนวนไม่น้อยที่คิดว่าการให้ของเล่นกับลูกนั้นถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาแล้ว ยิ่งบางครอบครัวที่พ่อแม่ต้องทำงานหนักไม่มีเวลาอยู่กับลูก เล่นกับลูกไม่เป็น ทั้งยังบกพร่องในเรื่องของการมีปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว ดังนั้นการซื้อของเล่นให้กับลูกดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายสำหรับพ่อแม่ที่จะใช้ของเล่นทดแทนความรักและเวลาที่หายไป

แต่ความเข้าใจที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนี้จะกลายเป็นดาบสองคมที่จะอาจทำร้ายลูกของคุณได้อย่างคาดไม่ถึง ซึ่ง พญ.อังคณา อัญญมณี จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลมนารมย์ อธิบายว่า การที่พ่อแม่ให้ของเล่น เพื่อแสดงความรักที่มีให้กับลูก หรือซื้อของเล่นให้ลูกทุกครั้งที่ลูกร้องขอ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะท้ายที่สุดจะทำให้ลูกกลายเป็นคนที่ไม่รู้จักยับยั้งความต้องการของตัวเอง และไม่มีวิธีการคิดวิเคราะห์ที่จะเลือกของที่เหมาะสมกับตัวเองในอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่พ่อแม่ควรจะมอบให้กับลูกแทนของเล่นก็คือ “เวลา” เพราะถือเป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดแล้วที่พวกเขาต้องการ


“การซื้อของเล่นให้เด็กและปล่อยให้เด็กอยู่กับของเล่นเพียงอย่างเดียวโดยที่พ่อแม่ไม่เคยมีเวลาให้นั้น เป็นสาเหตุเล็กๆที่ทำให้เด็กไม่ได้ฝึกทักษะทางสังคม เพราะมัวติดอยู่กับวัตถุ ไม่รู้จักการอยู่กับบุคคลอื่น หรือ การมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่นเป็น รวมทั้งความเข้าใจหรือการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น ซึ่งจะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกว่างเปล่า เพราะวัยเด็กเป็นวัยที่ต้องการความรักความเข้าใจจากคนที่สำคัญของเขาก็คือพ่อแม่ หากพ่อแม่ไม่เคยมีเวลาให้กับพวกเขา คอยอยู่เคียงข้าง ปล่อยให้ของเล่น ตุ๊กตา เกม เป็นพี่เลี้ยงเขา เมื่อโตขึ้นจะทำให้เด็กรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง เขาก็อาจจะไปหาสิ่งอื่นที่ทำให้เขามีความสุขและมั่นคง ซึ่งถือว่าเป็นจุดอันตรายมาก เพราะเขาอาจจะไปหาและคบเพื่อนไม่ดี เกเร หันไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดที่สามารถให้ความสุขกับเขาได้  หรืออาจจะเป็นเรื่องของการใช้เงินซื้อของต่างๆ อย่างฟุ้งเฟ้อ เมื่อนานไปก็จะแก้ไขได้ยาก” พญ.อังคณากล่าว



จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น บอกว่า สิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุดสำหรับเด็กตอนนี้ก็คือ พ่อแม่จะต้องมีเวลาว่างให้กับลูก ทำกิจกรรมร่วมกัน ไปเที่ยว เล่นกีฬา ทำอาหารร่วมกัน กิจกรรมเหล่านี้ถือว่าเป็นของขวัญที่เด็กๆทุกคนต้องการมากที่สุดเพราะถือเป็นเรื่องของจิตใจ มากกว่าวัตถุ แต่หากพ่อแม่ต้องการซื้อของขวัญให้ลูกเพิ่มเติมนอกเหนือจากความรักและการดูแลเอาใจใส่แล้ว ก็ควรมีหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อและควรคำนึงถึงเรื่องของการส่งเสริมพัฒนาการและทักษะทั้ง 4 ด้านดังนี้

...

  1. ของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย เช่น  ลูกบอล ฟุตบอล  หรือุปกรณ์กีฬาประเภทอื่นๆ เพราะจะช่วยทำให้ระบบกล้ามเนื้อแข็งแรงและมีพัฒนาการที่ดี
  2. ของเล่นที่ส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญา เช่น พ่อแม่อาจเลือกซื้อหนังสือเป็นของขวัญ เพราะเป็นตัวช่วยในการเสริมทักษะทั้งด้านการอ่าน ความคิด และสติปัญญาได้ทางหนึ่งซึ่งหนังสือที่ควรสนับสนุนให้ลูกอ่าน ควรเป็นเรื่องที่เขาสนใจเป็นอันดับแรก แต่หากไม่เหมาะสม เช่น เน้นพฤติกรรมรุนแรง หรือส่อไปในเรื่องเพศ ควรให้คำอธิบายกับเด็กว่าไม่ดีอย่างไร หรือจะส่งผลอย่างไรหากซื้อไปอ่าน เพราะการสอนด้วยการใช้เหตุผล จะทำให้เด็กโตมารู้จักคิด วิเคราะห์เป็น
  3. ของเล่นที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ เช่น ตัวต่อเลโก้ จิ๊กซอหลากหลายขนาดรูปแบบ หรือ หนังสือวาดเขียนเพื่อให้ลูกได้แสดงฝีมือในการวาดภาพระบายสี เพราะจะช่วยทำให้เด็กได้ฝึกสมาธิ มีความมุ่งมั่น อดทน และพยายามที่จะทำงานให้สำเร็จ ที่สำคัญเด็กจะมีอารมณ์ดี จิตใจดี และถือเป็นการฝึกความคิดและการตัดสินใจ
  4. ของเล่นที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและทักษะทางสังคม ซึ่งพ่อแม่อาจจะเลือกของขวัญที่สามารถเล่นได้หลายๆคน ไม่ใช่เล่นคนเดียว เช่น เล่นกับพี่น้อง เพื่อนข้างบ้าน หรือผู้ใหญ่ที่อยู่ในบ้าน อาจเป็นการเล่นเกมที่มีการกำหนดกติกาขึ้นมา เพื่อให้เด็กได้เกิดการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น และได้ฝึกให้เด็กเข้าใจอารมณ์ของผู้อื่นเมื่อต้องมีการแพ้ชนะในเกมที่เล่น

จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า หากครอบครัวไหนที่มีลูกมากกว่า 2 คนขึ้นไป การเลือกซื้อของเล่นที่เหมือนกันให้กับลูกนั้น ถือเป็นวิธีการที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก เพราะเป็นการทำให้เด็กได้อะไรเหมือนกัน จะทำให้เด็กเห็นว่าพ่อแม่รักเท่ากัน ซึ่งจริงๆ แล้วจะต้องฝึกมาตั้งแต่เด็กๆ คือพ่อแม่ต้องมีเวลาให้เด็กเต็มที่ ทำให้เขารู้สึกมั่นคง รู้สึกว่าพ่อแม่รักเขา  เมื่อเด็กรู้สึกมั่นคง พ่อแม่ควรสอนว่าพี่น้องมีวัยที่แตกต่างกัน มีพัฒนาการที่แตกต่างกัน พี่อาจจะโตกว่า ซึ่งพี่ก็ต้องมีของเล่นที่เหมาะสมกับวัยของเขา ส่วนน้องก็อาจจะมีของเล่นที่เหมาะสมและถูกกับวัยเขาในอีกลักษณะหนึ่ง และพ่อแม่ควรอธิบายให้ลูกฟังว่าการที่ได้ของเล่นไม่เหมือนกันนั้น กลับเป็นเรื่องที่ดี เพราะนอกจากจะช่วยเสริมสร้างทักษะพัฒนาการของแต่ละคนแล้ว เขายังมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนของเล่นกันด้วย เมื่อมีของเล่นไม่ซ้ำกันเด็กจะรู้จักการเสียสละและการแบ่งปันกัน เมื่อเขาไปอยู่กับเพื่อนหรือคนอื่นเขาก็จะสามารถแลกเปลี่ยนหรือรู้จักการให้คนอื่นเป็น