สมัยก่อนประเทศไทยไม่มีโรงแรม กระทั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เริ่มค้าขายกับประเทศตะวันตกในปี 2398-2399 โดยทรงมีพระบรมราชานุญาตให้อังกฤษเข้ามาตั้งสถานกงสุลในไทยเป็นประเทศแรก หลังจากที่เราปิดประเทศนาน จากนั้นจึงมีชาวต่างชาติอื่นๆเข้ามาติดต่อค้าขายอีกหลายชาติ โดยในเดือนเมษายน 2398 ชาวอังกฤษกลุ่มแรกเดินเรือเข้ามาทางแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ทำการค้าขาย พำนัก และซื้อหรือเช่าทรัพย์สินในประเทศไทย วังแห่งหนึ่งในสมัยนั้นจึงถูกยกให้เป็นโรงแรมสำหรับผู้บังคับการเรือ และกลุ่มพ่อค้าชาวต่างชาติพำนักอาศัย ซึ่งก็คือกำเนิดแรกของโรงแรมโอเรียนเต็ล ต่อมาในปี 2419 ร้อยเอกจาร์ด และชาร์ล สองนายทหารชาวเดนมาร์ก ตัดสินใจตั้งรกรากในสยามประเทศ และได้สร้างโรงแรมบนฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้ชื่อโรงแรมโอเรียนเต็ล ก่อนที่กิจการจะมาอยู่ในมือ “เอช เเอนเดอร์เซน” ซึ่งได้สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับโรงแรมมาก นับแต่นั้นมา โอเรียนเต็ลก็กลายเป็นตำนานเล่าขาน โดยมีนักเขียนชื่อดังระดับโลกหลายคนเดินทางมาพักที่โอเรียนเต็ล รวมถึง “โจเซฟ คอนราด” นักเขียนดังชาวอังกฤษผู้แต่งนวนิยาย “ลอร์ดจิมส์” นอกจากนี้ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ยังทรงวางพระราชหฤทัยให้โรงแรมถวายการต้อนรับมกุฎราชกุมารนิโคลัสแห่งรัสเซีย ซึ่งต่อมาทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าซาร์ นี่คือจุดเริ่มต้นของสัมพันธภาพระหว่างราชสำนักไทยกับโรงแรมแห่งนี้
...
หลังเปลี่ยนเจ้าของมาหลายยุคหลายสมัย สุดท้ายภายใต้ความร่วมมือระหว่างบริษัท อิตัลไทย จำกัด และบริษัท ฮ่องกงแลนด์ จำกัด ได้เข้าซื้อกิจการของโรงแรมโอเรียนเต็ล เมื่อปี 2517 พร้อมก่อตั้งเครือโรงแรมใหม่ โดยนำชื่อของโรงแรมแมนดารินและโอเรียนเต็ล มารวมกันเป็น “แมนดาริน-โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป” ภายหลังในปี 2551 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “โรงแรมแมนดารินโอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ”
ตลอดระยะเวลา 140 ปี ของแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ มีเชื้อพระวงศ์เสด็จมาประทับหลายพระองค์ ไม่ว่าจะเป็น สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟ และสมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน, เจ้าฟ้าชายฟิลิป มกุฎราชกุมาร และเจ้าหญิงมาธิลด์ มกุฎราชกุมารีแห่งเบลเยียม และสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดีน วัดเดาละห์ แห่งบรูไน นอกจากนี้ ยังมีเซเลบคนดังดารานักร้อง นักเขียน และนักการ เมืองจากทั่วโลกมาพำนักที่นี่ ไล่ตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ บุช, ไมเคิล แจ๊กสัน, หลุยส์ อาร์มสตรอง ไปจนถึงเอลิซาเบธ เทย์เลอร์
เพื่อฉลอง 140 ปี โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ จีเอ็มหญิงไฟแรงคนปัจจุบัน “อแมนด้า ไฮนด์แมน” ได้เปิดโอกาสให้ทีมข่าวสตรีไทยรัฐ พูดคุยอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก เพื่อบอกเล่าถึงความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสานต่อตำนานเก่าแก่ของโรงแรมแห่งแรกในไทย โดยพิสูจน์ฝีมือให้ประจักษ์เมื่อฟอร์บส์ ทราเวล ไกด์ อเมริกา รับรองให้แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวแห่งแรกและแห่งเดียวในไทย
ตลอดปีนี้จะมีการฉลองใหญ่ครบรอบ 140 ปี เตรียมอะไรไว้เซอร์ไพรส์บ้าง
นอกจากการจัดงานกาลาดินเนอร์ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ โดยเชิญแขกเหรื่อราว 500 คน ทางโรงแรมยังทุ่มงบ 630 ล้านบาท เพื่อรีโนเวทโรงแรม ในโซนออเธอร์ วิง ทั้งหมด ซึ่งเป็นศูนย์กลางประวัติศาสตร์เก่าแก่ของโรงแรม พร้อมกันนี้ได้ทำห้องสวีตห้องใหม่ที่โก้หรูที่สุด ตั้งชื่อว่า “แกรนด์ รอยัลสวีต” ตามชื่อเรียกเดิมของโซนนี้คือ รอยัล วิง เพื่อรองรับแขกวีไอพีและผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ภายในแกรนด์ รอยัล สวีต ครอบคลุมพื้นที่ 600 ตารางเมตร ประกอบด้วย 6 ห้องนอน มีทุกอย่างครบครัน ทั้งห้องอาหาร, ห้องครัว, ห้องแต่งตัว, ฟิตเนสส่วนตัว, สปา, ลิฟต์ส่วนตัว และระเบียงส่วนตัวที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำเจ้าพระยาแบบ 360 องศา ราคาตกคืนละ 5 แสนบาท
...
รู้สึกยังไงตอนได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดการใหญ่แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ
การได้เป็นจีเอ็มโรงแรมนี้ ฉันรู้สึกถึงภาระหน้าที่ความรับผิดชอบอันสูงส่ง เพราะที่นี่ไม่เหมือนกับโรงแรมอื่นๆในโลก มีความพิเศษ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีประวัติศาสตร์ และมีตำนานเก่าแก่ สำหรับฉันถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบหนักอึ้ง ฉันพยายามทำทุกอย่างให้ใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟกต์ที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกคนให้ได้มากที่สุด โดยรักษามาตรฐานการให้บริการอย่างดีเยี่ยมที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้าคนไทย หรือลูกค้าต่างชาติ ที่ให้ความไว้วางใจมาใช้บริการของเรา
ถือเป็นจีเอ็มหญิงคนแรกของเครือ แมนดาริน-โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป หรือเปล่า
ไม่ใช่นะคะ ฉันเป็นจีเอ็มหญิงคนที่สองของกรุ๊ป และปัจจุบันเรามีจีเอ็มผู้หญิงอยู่ 3 คน จากทั้งเครือที่มีโรงแรมอยู่ 30 แห่ง ก็คิดเป็น 10%
ได้ยินว่าคุณอแมนด้าเป็นจีเอ็มอายุน้อยที่สุด รั้งตำแหน่งตั้งแต่อายุ 28
ฉันบอกเด็กรุ่นหลังเสมอว่า เข้ามาทำงานในธุรกิจโรงแรมเถอะ เพราะมีเส้นทางการเติบโตของอาชีพ รวดเร็วที่สุด ฉันเรียนจบด้านบริหารการโรงแรมและแคเทอริ่งจากมหาวิทยาลัยสตราธไคลด์ ตอนอายุ 22 ปี จากนั้นเข้าทำงานกับเครือโรงแรมคอปธอร์น โฮเต็ลส์ เป็นเวลา 15 ปี ใช้เวลา 6 ปี ไต่เต้าเป็นจีเอ็มครั้งแรกตอนอายุ 28 ปี ได้รับมอบหมายให้ดูแลโรงแรมขนาดย่อม ที่เมืองอาเบอร์ดีน สกอตแลนด์ มีห้องพักเพียง 89 ห้อง แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่กลาสโกว์ ดูแลโรงแรมขนาดใหญ่ขึ้น และได้รับการโปรโมตเป็นจีเอ็มโรงแรมเดอะ มิลเลเนียม ไนท์สบริดจ์ ซึ่งเป็นสาขาใหญ่ในกรุงลอนดอน ต่อมาถูกทาบทามจากเครือโรงแรมเลอ เมอริเดียน ให้ไปร่วมงานด้วย โดยมีโปรเจกต์สำคัญคือรีโนเวทโรงแรมในตำนานของอังกฤษ อายุเก่าแก่กว่า 95 ปี “เดอะ วัลดอร์ฟ” พร้อมรีแบรนดิ้งเปลี่ยนเป็น “เดอะ วัลดอร์ฟ ฮิลตัน” ฉันฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากทำงานในต่างประเทศ เมื่อได้รับข้อเสนอจากเครือแมนดาริน โอเรียนเต็ลจึงไม่รอช้า เพราะประทับใจตั้งแต่ฝึกงานที่โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ เมื่อปี 1991 และกลับมาอีกครั้งกับสามีก็ยิ่งประทับใจ เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ฉันจึงตัดสินใจร่วมงานกับเครือแมนดาริน โอเรียนเต็ล โดยเริ่มจากดูแลโรงแรม The Excelsior ในฮ่องกง ซึ่งมีห้องพัก 900 ห้อง จากนั้นก็เป็นจีเอ็มแมนดาริน โอเรียนเต็ล วอชิงตัน ดีซี ทำให้ได้พบปะบุคคลสำคัญของอเมริกามากมาย รวมถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่ในใจฉันก็ยังอยากกลับมาเอเชีย เมื่อได้กลับมาเมืองไทยจึงสมใจมาก
...
ก่อนเดินทางมาประจำที่เมืองไทย ต้องทำการบ้านเยอะไหม
ทันทีที่รู้ว่าจะได้มาอยู่เมืองไทย ฉันเข้าไปในเว็บอเมซอนสั่งซื้อหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทยและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย ขณะเดียวกัน ฉันก็ต้องอ่านเรื่องราวประวัติความเป็นมาของโรงแรมแห่งนี้ให้ขึ้นใจก่อนที่จะมาทำหน้าที่ เพื่อให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งถ่องแท้ที่สุด นอกจากนี้ ฉันยังขอคำแนะนำจากผู้จัดการและจีเอ็มเก่าๆที่เคยมาทำงานที่นี่ รวมทั้งพูดคุยกับพนักงานเก่าแก่ของโรงแรม ซึ่งทำงานมานานกว่า 30-40 ปี
...
จริงไหมคะ “แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” มีการเมืองภาย ในรุนแรง ปรับตัวยาก
คนมักพูดถึงวัฒนธรรมเอเชียและวัฒนธรรมไทยไปต่างๆนานา แต่ฉันเชื่อมั่นว่า ปัญหาจะไม่เกิดขึ้นเลยไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก ถ้าเราปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเมตตาและให้เกียรติซึ่งกันและกัน สิ่งที่ฉันค้นพบคือ วัฒนธรรมไทยจะมีระเบียบแบบแผนมากกว่าวัฒนธรรมตะวันตก คุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจโครงสร้างสังคม คนไทยยังให้ความสำคัญกับความอาวุโส อายุ และประสบการณ์ สิ่งที่ประทับใจที่สุดคือการให้ความเคารพผู้สูงวัย โชคดีที่ฉันโตมากับคุณตาคุณยาย เลยคุ้นชินกับการวางตัวให้เรียบร้อย คุณแม่สอนฉันเสมอว่า เข้าเมืองตาลิ่วต้องลิ่วตาตาม เมื่ออยู่เมืองไทย ฉันก็พยายามทำตามที่ท่านบอก โดยหมั่นสังเกตและถามทุกอย่างที่สงสัย ทุกวันนี้ก็ยังเรียนรู้อยู่ตลอด
หุ้นส่วนฝั่งไทยให้อิสระเต็มที่ไหมในการบริหารจัดการโรงแรม
คุณนิจพร จรณะจิตต์ เป็นประธานคณะกรรมการบริหารโรงแรม ในฐานะที่ฉันเป็นจีเอ็ม และเอ็มดี เรามีการนัดประชุมกันเสมอๆทุกไตรมาส เพื่อรายงานผลการดำเนินงานของโรงแรม คุณนิจพรพร้อมเสมอที่จะให้คำแนะนำและให้การสนับสนุนในทุกเรื่อง ขณะเดียวกัน ก็ให้อิสระอย่างมากในการบริหารธุรกิจ คุณนิจพรเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์สูงมาก ฉะนั้น หากมีคำแนะนำอะไรจากคุณนิจพร ฉันมักจะฟังด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ความเป็นผู้หญิงเป็นอุปสรรคต่อการเป็นจีเอ็มไหม
ฉันเป็นจีเอ็มมา 24 ปีแล้ว คนส่วนใหญ่อาจติดความคิดเดิมๆว่ามีผู้หญิงน้อยคนที่ได้เป็นจีเอ็ม แต่สำหรับฉันเชื่อว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย การจะประสบความสำเร็จ มันขึ้นกับความมุ่งมั่นปรารถนา และความทุ่มเทตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่าง เพื่อผลักดันตัวเองไปสู่เป้าหมายความสำเร็จ
อะไรคือสุดยอดเคล็ดลับของการบริหารโรงแรมระดับห้าดาว
คุณจะต้องพร้อมยิ้มกับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นแขกของโรงแรม พนักงานโรงแรม ซัพพลายเออร์ หรือพาร์ทเนอร์ธุรกิจ ขณะเดียวกัน ก็ต้องทำงานหนักที่สุด เพราะมันเป็นธุรกิจที่ต้องให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และ 7 วันต่อสัปดาห์ ต้องอาศัยความทุ่มเทอย่างมาก ฉันมาทำงานตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อทักทายแขกเหรื่อที่เดินทางมาไฟลท์เช้าตรู่ ส่วนตอนเย็นก็มีงานอีเวนต์ที่เต็มไปด้วยแขกวีไอพี ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องคอยดูแลเทกแคร์ เช่นเดียวกับวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีแขกมาใช้บริการคึกคัก ฉันไม่ได้เคี่ยวเข็ญให้ทุกคนทำงานอาทิตย์ละ 100 ชั่วโมง แต่ทุกคนต้องพร้อมทำงานในชั่วโมงที่ได้รับมอบหมายอย่างดีที่สุด ไม่มีคำว่าไม่พร้อม!! อีกคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้คือ จะต้องสามารถทำงานเป็นทีมเวิร์ก เพื่อมอบประสบการณ์ดีที่สุดให้แขก ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาถึงโรงแรม กระทั่งเช็กเอาต์ออกไป.
ทีมข่าวหน้าสตรี