First Watch by Omega งานจัดแสดงเรือนเวลาของโอเมก้ารุ่นพิเศษ และรุ่นหายากระดับตำนานจากนักสะสมชื่อดัง ที่ บมจ.แสนสิริ ร่วมกับ เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศ ไทย) นำมาจัดแสดงกว่า 1,500 เรือน มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท ที่แสนสิริ เลานจ์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ในงาน แฟนคลับโอเมก้าได้สัมผัสกับเรือนเวลารุ่นพิเศษ อาทิ โอเมก้า ซีมาสเตอร์ ที่ผลิตขึ้นเพื่อเป็นเพื่อนคู่กายของซุปเปอร์สปาย เจมส์ บอนด์ ทั้ง 5 รุ่น และโอเมก้า สปีดมาสเตอร์ รุ่นยอดนิยมของเหล่าสุภาพบุรุษ พร้อมเปิดกรุโอเมก้ารุ่นหายากกว่า 10 เรือนที่ไม่เคยนำไปแสดงที่ไหนมาก่อน ของปราสาท วิทยาภัทร์ นักธุรกิจและเจ้าของมิวเซียมนาฬิกาส่วนบุคคล “ปกิณกะ นาฬิกา” ซึ่งนำมาให้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด โดยเรือนที่ได้รับความสนใจ มากที่สุดคือ โอเมก้า สปีดมาสเตอร์ รุ่นเหยียบดวงจันทร์ ที่นีล อาร์มสตรอง ใส่ขึ้นไปสำรวจดวงจันทร์กับยานอพอลโล 11 เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ปี ค.ศ.1969 และในโอกาสฉลองครบรอบ 25 ปี “โอเมก้า สปีดมาสเตอร์” ยังได้ผลิตรุ่นโอเมก้า สปีดมาสเตอร์ อพอลโล 11 ขึ้นเพียง 5 เรือนในโลกเท่านั้น
...
นอกจากนี้ ยังมีการพูดคุยเพื่อเป็นข้อคิดในหัวข้อ “Invest in passion” จากแฟนพันธุ์แท้โอเมก้าอย่าง ปราสาท วิทยาภัทร์ และณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ผู้ก่อตั้งธุรกิจร้านหนังสือ ในรูปแบบ ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปราสาท กล่าวว่า โอเมก้าเป็นนาฬิกาที่มีกลไกยอดเยี่ยม นับเป็นจุดแข็งที่นักสะสมรุ่นใหม่ ควรให้ความสำคัญ สำหรับผู้เริ่มต้นสะสมนาฬิกาเพื่อเก็งกำไร ควรเริ่มจากความชอบก่อน โดยซื้อมาเพื่อทดลองใช้เอง เมื่อใช้ไปได้ระยะหนึ่ง และเมื่อราคาขึ้นจึงขาย เช่นนี้จึงจะเรียกว่าคุ้มค่ากับอรรถประโยชน์ของนาฬิกา สำหรับตนชอบที่จะสะสมนาฬิกา หายากที่มีเรื่องราวบอกเล่าความเป็นมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องราคาสูงเสมอไป เพราะแม้ว่านาฬิกาจะมีราคาแพง แต่ถ้าขาดคุณค่าทางใจ ก็จะทำให้นาฬิกานั้นขาดเสน่ห์ ขาดความน่าสนใจที่จะเก็บสะสม
ด้านณัฐวุฒิกล่าวว่า ทุกวันนี้ทั่วโลกต่างให้ความสนใจพัฒนา Wearable technology ซึ่งกลายเป็นเทรนด์ที่ถูกจับตาในปีที่ผ่านมา ตนเองก็มีทั้งนาฬิกาแบบกลไก และแบบสมาร์ทวอตช์ แต่กลับชอบนาฬิกาที่เป็นระบบกลไกมากกว่า และเชื่อว่าระบบกลไกเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ทั้งความคลาสสิก ไม่เคยตกเทรนด์.