ด้วยความที่เสียดายวิชาความรู้ที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ เจ–จุติรัตน์ ชาติภิญโญ จำต้องหันหลังจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน มาเดินตามฝัน ด้วยการเปิดโรงเรียนสอนภาษาจีน โดยใช้ประสบการณ์จากตัวเองมาถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็กๆ ในการพัฒนาภาษาที่ 3 ที่จำเป็นในอนาคต
เจ–จุติรัตน์ ทายาทคนเดียวของ นพวรรณ–อุเทน ชาติภิญโญ นักการเมืองชื่อดัง เล่าว่า ตอนที่จบจากโรงเรียนสตรีวิทยา เจสอบเข้าได้ที่คณะครุศาสตร์ และรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ด้วยความที่คุณพ่อทำงานด้านการเมือง และมีอุดมการณ์แบบนักวิชาการ เลยอยากให้เจเรียนรัฐศาสตร์ แล้วเจเลือกเรียนวิชาโท ภาษาจีน ที่คณะอักษรศาสตร์ เพราะคุณพ่อให้เจเรียนภาษาจีนมาตั้งแต่เด็กๆ โดยให้คุณครูมาสอนที่บ้าน เจไม่อยากทิ้ง พอเรียนจบ ทีแรกใจอยากไปเรียนต่อปริญญาโท ที่อังกฤษ แต่คุณพ่ออีกนั่นแหละ
ที่แนะนำว่า ลองไปดูที่ประเทศจีนไหม น่าสนใจนะ จะได้ประสบการณ์อีกแบบหนึ่ง เจก็เลยลองไปสมัครและได้เรียนด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ ที่ Tsinghua University มหาวิทยาลัยชื่อดังของกรุงปักกิ่ง คอร์สที่เรียนเป็นคอร์สนานาชาติ ในห้องเรียนใช้ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาจีนได้ใช้ในชีวิตประจำวันระหว่างเรียนอยู่ที่นั่น 2 ปี และก็ได้ประสบการณ์ที่ดีอย่างที่คุณพ่อบอกจริงๆ
“เจได้เห็นความตั้งใจและความอดทนของคนจีน ทำให้เจมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตคนเดียว ได้เรียนรู้ว่าทุกอย่างจะสำเร็จได้ ถ้าเราตั้งใจ แม้จะมีปัญหาเราก็จะผ่านไปได้ ซึ่งพอเรียนจบกลับมา ได้ทำงานด้านการวิจัยที่ Thailand Future ทำได้เกือบปี รู้สึกเสียดายความรู้ด้านภาษาที่มีอยู่ โดยเฉพาะภาษาจีน ที่เรียนมาตั้งแต่เด็ก เลยมาคุยกับที่บ้านว่าจะลาออกแล้วมาเปิดสถาบันสอนภาษาจีนให้กับเด็กๆ ชื่อว่า LITTLE CHINESS ซึ่งตอนนี้ดำเนินงานมา 2 ปีแล้ว ที่ชั้น 7 เซ็นทรัลพระราม 3 โดยเจเน้นที่เด็กเล็ก อายุตั้งแต่ 2-3 ขวบขึ้นไปจนถึง 12 ปี เพราะเห็นจากตัวเองว่าเรียนตั้งแต่เล็กจะดีกว่า ถ้ามาเรียนตอนโตจะรู้สึกยาก นอกจากนี้เจยังเห็นว่าภาษาจีนน่าจะเป็นภาษาที่จำเป็นในอนาคต แต่เจจะไม่ได้สอนเอง อยากให้เด็กได้เรียนกับเจ้าของภาษาเองมากกว่า เจจะดูในเรื่องหลักสูตรและการบริหาร”
...
เมื่อก้าวเข้ามาเป็นครูเจของเด็กๆแล้ว สาวคนเก่งคนนี้ บอกว่า การทำงานกับเด็กเล็กก็มีปัญหาอีกแบบ ต้องพยายามทำหลักสูตรการสอนให้เด็กๆ มีความสนใจและสนุก เราสอนผ่านกิจกรรมต่างๆ นอกจากนี้ในการทำงาน เจว่าต้องใจรัก เพราะธุรกิจเราไม่ใช่สินค้าขายของ แต่เป็นการให้ความรู้ และมีคุณภาพ เราต้องใช้เวลานานกว่าจะประสบผลสำเร็จ แต่เมื่อเห็นการพัฒนาของเด็กๆ ทำให้เจรู้สึกภูมิใจมาก สุดท้ายนี้ครูเจจึงฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ด้วยว่า ภาษาที่ 3 เป็นสิ่งสำคัญของเด็กรุ่นใหม่ การได้เรียนรู้ตั้งแต่เด็กๆ จะทำให้เขาเลียนเสียงได้ถูกต้อง และใช้ภาษาได้ดีกว่าการท่องจำ.