เรื่องยี้!ที่รับไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดกับผู้ชายหรือผู้หญิง คือ การมีกลิ่นปาก ซึ่งจะทำให้ขาดความมั่นใจในการพูดคุยจนเสียศูนย์ไปเลย การป้องกันปัญหานี้ สามารถทำได้ด้วยการใส่ใจสุขภาพฟัน ซึ่ง ภก.ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้บริหารฝ่ายพัฒนาความรู้ผลิตภัณฑ์ระดับภูมิภาค ยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อะคาเดมี ได้แนะนำว่า กลิ่นปากเป็นแค่เรื่องของกลิ่นอาหารที่ตกค้างหลังมื้ออร่อยที่แค่แปรงฟันหรือบ้วนปากก็จะหายไป ถึงแม้ว่าแปรงฟันแล้ว แต่ปัญหากลิ่นปากยังคงอยู่ อาจเป็นกลิ่นเศษอาหารที่ตกค้างมาแล้วทั้งวันทั้งคืน ที่ติดอยู่ตามซอกระหว่างฟันและเหงือก จึงทำให้แบคทีเรียในช่องปากกินเศษอาหารตกค้างเหล่านี้ แล้วก็จะปล่อยกลิ่นเหม็นออกมา

...

ผู้บริหารยูนิลีเวอร์ เน็ทเวิร์ค อะคาเดมี กล่าวต่อว่า แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แค่กลิ่น เพราะเมื่อแบคทีเรียขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น จะเกาะติดเป็นคราบสะสมของแบคทีเรีย เรียกว่า คราบพลัคซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า และเป็นชนวนก่อให้เกิดฟันผุ หินปูน เหงือกอักเสบ และโรคในช่องปากอีกมากมาย กลิ่นปากจึงไม่ใช่แค่กลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่ส่งผลต่อบุคลิกภาพ การงาน และความสัมพันธ์ รวมถึงส่งผลต่อสุขภาพปากและฟันด้วย วิธีการขจัดกลิ่นปากอย่างได้ผลคือ การเลือกยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์ ซึ่งจะช่วยกำจัดแบคทีเรียและกลิ่นจากอาหารได้ดี แต่ระวังยาสีฟันที่เน้นการขัดฟันขาวบางชนิด ที่ใช้สารขัดฟันเนื้อหยาบ ให้ทดลองบีบยาสีฟันเล็กน้อย แล้วถูวนด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ หากสัมผัสรู้สึกได้ว่าเนื้อหยาบคล้ายมีเม็ดทรายละเอียดผสมอยู่ ก็อาจเสี่ยงทำลายเคลือบฟัน ทำให้เสียวฟันได้เมื่อใช้ต่อเนื่อง ส่วนการแปรงฟันปัดขึ้นลงอย่างถูกวิธี เช้าและก่อนนอน และแปรงลิ้นเบาๆ เพื่อขจัดแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวลิ้นด้วย นอกจากนี้การใช้ไหมขัดฟันหลังการแปรงฟันก่อนนอนจะช่วยลดกลิ่นปากในตอนเช้าได้ดีมาก ส่วนการกลั้วปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก จะช่วยขจัดแบคทีเรียที่ผนังช่องปากในส่วนที่แปรงสีฟันและไหมขัดฟันทำงานไม่ถึง.