ขึ้นทำเนียบเป็นเอ็มดีหนุ่มเนื้อหอมที่อายุน้อยที่สุดของวงการค้าปลีกเมืองไทยไปแล้ว ด้วยวัยเพียง 30 ปี สำหรับ “เต้–บรม พิจารณ์จิตร” ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงเจเนอเรชั่นที่สี่ของตระกูลเซ็นทรัล โดยได้รับความไว้วางใจให้รับไม้ต่อทำหน้าที่ปลุกปั้น “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” ให้เป็นศูนย์การค้าในดวงใจของคนยุคใหม่ ที่มีแบบฉบับการใช้ชีวิตเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และไม่ชอบให้ใครเหมือน

หนักใจไหมคะ ตอนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี”

(ยิ้ม) ผมได้รับการแต่งตั้งเป็นเอ็มดีของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นงานที่ท้าทายมาก ยอมรับว่าหนักใจ แต่เป็นความหนักใจที่สนุก!! หลังเรียนจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ จากเบทส์ คอลเลจ สหรัฐอเมริกา ผมกลับมาทำงานไฟแนนซ์กับจีอี มันนี่ ได้ 2 ปี จากนั้นก็เข้ามาทำงานที่เซ็นทรัลเลย โดยร่วมโปรเจกต์สร้างเอ็มบาสซีตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว จับงานด้านลิสซิ่ง บริหารพื้นที่หน้าร้าน และการตลาด พองานลิสซิ่งเริ่มนิ่งแล้ว คอนเซปต์ของเอ็มบาสซีเริ่มเคลียร์ ผมก็หันมาทุ่มให้กับการทำ “ศิวิไล” (SIWILAI) มัลติแบรนด์สโตร์สัญชาติไทยแห่งแรก บนพื้นที่ชั้น 5 ของเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ตอนนั้นงานของผมเน้นไปที่เรื่องการคัดสรรและติดต่อกับแบรนด์ดังๆของต่างประเทศ เพื่อให้เข้ามาเปิดร้านที่เอ็มบาสซี 30% เป็นแบรนด์ระดับท็อปที่เข้ามาเปิดตัวในเมืองไทยครั้งแรก

ตั้งธงไว้ตั้งแต่เด็กๆเลยไหมว่า โตขึ้นต้องมาทำงานที่เซ็นทรัล

เรื่องรีเทลมันอยู่ในสายเลือดครับ!! ลูกหลานจิราธิวัฒน์ทุกคนรู้ตัวอยู่แล้วว่า เรามีหน้าที่ต้องช่วยธุรกิจครอบครัว และเป็นธรรมเนียมของครอบครัวที่ทุกคนต้องทำงานหนักถึงหนักมาก เกิดมาผมยังไม่เคยใช้ชีวิตไกลห้างฯเลย ตั้งแต่เด็กก็วิ่งเล่นอยู่ในห้างฯเซ็นทรัล ชิดลม และเซ็นทรัล ลาดพร้าว ทุกปิดเทอมซัมเมอร์กลับจากไฮสกูลต้องมาทำงานที่เซ็นทรัล ช่วยห่อของขวัญ, ขายของ, เก็บเงิน

...

ฉายแววโดดเด่นยังไง ผู้ใหญ่ถึงไว้ใจให้บริหารโปรเจกต์ “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี”

ผมคิดว่าตลอดเวลา 6 ปี ที่เข้ามาช่วยงานครอบครัว ผมก็ทำอะไรมาเยอะพอสมควร ผมทุ่มเททำงานหนักมาก และมีโอกาสทำงานกับคนเก่งๆ ทำให้ได้เรียนรู้อะไรเยอะมาก ธุรกิจค้าปลีกเป็นเรื่องของดีเทล ถ้าคุณไม่มีแพสชั่น และไม่มีใจรักในธุรกิจนี้มากๆ คุณไม่มีวันทำได้ดี ธุรกิจนี้การแข่งขันสูง เราต้องตื่นตัวตลอดเวลา ผมจึงหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องคอยขวนขวายหาความรู้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ทั้งจากการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง และเดินทาง เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ ทุกวันนี้งานอดิเรกของผมคือการเดินห้างฯ

คิดว่าผลงานไหนเป็นเครื่องพิสูจน์ฝีมือว่าเรามีกึ๋น

ผมไม่ค่อยถนัดที่จะพูดถึงตัวเอง (ยิ้ม) เอาเป็นว่า ผมคิดว่า การทำ “ศิวิไล” น่าจะพิสูจน์ว่าผมทำงานหนักจริง และพอจะมีฝีมือในการทำธุรกิจรีเทล เพราะ “ศิวิไล” ก็เปรียบเสมือนห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ผมใช้เวลา 2 ปีเต็ม กว่าจะทำโปรเจกต์นี้สำเร็จ ตอนนั้นไม่มีใครรู้จักชื่อศิวิไล ผมต้องหอบเอกสารไปเคาะประตูแนะนำตัวเองกับแบรนด์ดังๆทั่วปารีส, นิวยอร์ก, ญี่ปุ่น และอิตาลี ต้องพรีเซนต์เป็นพันครั้ง เพื่อโน้มน้าวแบรนด์ดังๆ 100 กว่าแบรนด์ ให้ยอมเอาสินค้ามาวางขายในร้านเรา ต้องทำทุกอย่างเองหมด ทั้งทำคอนเซปต์, ทำตัวเลข และปิดดีล มันเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมาก ต้องต่อรองกับคนเยอะมาก ความท้าทายสุดสำหรับผมคือ ทำยังไงให้พวกเขาเชื่อในตัวเด็กคนนี้!!

...

ทำงานใหญ่ระดับนี้ มีกุนซือเยอะไหม คุณแม่กับน้าๆ ช่วยแนะนำบ้างหรือเปล่า

ผมมีโอกาสได้เรียนรู้จากทุกคน อย่างเช่น “คุณอ้อย-สิริเกศ” จะเก่งเรื่องการบริหารจัดการห้างฯ, “คุณนิตย์-นิตย์สินี” จะถนัดเรื่องการเจรจาต่อรอง เพราะโตมาสายจัดซื้อ, “คุณแม่-ยุวดี” เก่งเรื่องรีเทล เพราะทำห้างฯมาหลายสิบสาขา ก็จะปรึกษาคุณแม่ได้ทุกเรื่อง ส่วน “คุณทศ” เป็นคิงออฟรีเทลที่มีวิสัยทัศน์ไกลมาก ผมโชคดีมากที่เกิดมาท่ามกลางคนเก่งเยอะแยะเลย

...

“คุณเต้” ใช้คัมภีร์ประจำตระกูลเล่มไหนในการบริหารงาน

คุณตาสร้างธรรมเนียมให้ครอบครัวจิราธิวัฒน์ต้องรักกันสามัคคีกัน และทุกคนต้องทุ่มเททำงานหนัก ต้องซื่อสัตย์ อย่าเอาเปรียบใคร แต่ก็อย่าปล่อยให้ใครเอาเปรียบเรา ยิ่งเป็นคนที่รู้รอบเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความสามารถในการบริหารคนบริหารงานมากขึ้นเท่านั้น ครอบครัวเราสอนกันมาว่าต้องรู้จักเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว ที่สำคัญคือต้องเรียนรู้จากการลงมือทำด้วยตัวเอง สไตล์บริหารของผมต้องทำงานเป็นทีมและพยายาม ฟังคนอื่นเยอะๆ

...

ภายใต้การนำของเอ็มดีเลือดใหม่ “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” จะโฉบเฉี่ยวน่าจับตามองขนาดไหน

ผมเชื่อว่าในอินดรัสทรีนี้เราไม่แพ้ใครในโลก!! ผมมอง “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” กับ “เซ็นทรัล ชิดลม” เป็นก้อนเดียวกันนะ ผมอยากสื่อสารให้คนที่รักเซ็นทรัล ชิดลม และคุ้นเคยกับการเดินช็อปปิ้งที่ชิดลม ได้รู้ว่าตอนนี้เซ็นทรัล ชิดลม ขยายสเกลใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสองเท่าตัว แต่ยังอยู่ในคอนเซปต์ของฮิวแมนไซส์ คือเดินได้ทั่วถึง โดยไม่เหนื่อยเกินไป ตั้งแต่สมัยคุณตาสัมฤทธิ์ ท่านวางรากฐานไว้ว่าเซ็นทรัลไม่ได้เป็นแค่ห้างสรรพสินค้าให้คนเดินช็อปปิ้ง แต่เซ็นทรัลต้องมีส่วนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย เปิดโลกกว้างให้คนไทยด้วยสิ่งใหม่ๆและนวัตกรรมใหม่ๆ เราเป็นห้างฯแรกของเมืองไทยที่นำเข้าหนังสือต่างประเทศ และเป็นห้างฯแรกที่นำสิ่งใหม่ๆให้คนไทยเสมอ สำหรับผมแล้ว “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” จะต้องไม่ใช่แค่ศูนย์การค้าหรูหราทันสมัย ที่เน้นขายของอย่างเดียว เพราะผมเชื่อว่าลูกค้ายุคใหม่ไม่ได้มาเดินห้างฯ เพื่อช็อปปิ้งเท่านั้น แต่ลูกค้ายุคนี้ต้องการซื้อประสบการณ์ใหม่ๆ และซื้อไลฟ์สไตล์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น ส่วนของที่พวกเขาซื้อกลับไปก็เป็นเหมือนของที่ระลึกจากประสบการณ์

“เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” ยังขาดเสน่ห์อะไร ที่ทำให้คนเดินน้อย ไม่คึกคักเท่าที่ควร

ศูนย์การค้าของเรายังใหม่มาก และค่อนข้างล้ำสมัยมาก ต้องอาศัยเวลาให้คนไทยค่อยๆเข้าใจ ผมเชื่อว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเราสวยโดดเด่นถูกใจแล้วล่ะ เหลือแต่การเติมซอฟต์แวร์ และคอนเทนต์ต่างๆเพื่อสร้างความมีชีวิตชีวาให้ศูนย์การค้า โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่โถงตรงกลางห้างฯ ผมอยากให้จับตามองปีหน้า เราจะมีอะไรใหม่ๆเข้ามาดึงดูดลูกค้าอีกเพียบ รับรองว่าเป็นอะไรที่ใหม่จริงๆไม่เคยมีในเมืองไทย แต่ขออุบไว้นะครับ กลัวโดนก๊อบปี้!!

เล่าให้ฟังหน่อยถึงโปรเจกต์ยักษ์ส่งท้ายปี ที่กำลังเรียกเสียงฮือฮา

เป็นโปรเจกต์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเมืองไทย คือ “SIWILAI presents Le Cabinet De Curiosites of Thomas Erber MMXIV at Central Embassy” ถือเป็นครั้งแรกในเอเชียที่ “โทมัส เออร์เบอร์” ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกศิลปะและแฟชั่นยุคนี้ ตัดสินใจเลือก “ศิวิไล” และเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เป็นสถานที่จัดงานไลฟ์สไตล์เฟสติวัลยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ครั้งที่ 5 ระหว่างวันที่ 20 พ.ย.-21 ธ.ค. 2557 โดยก่อนหน้านี้เคยจัดมาแล้วในกรุงปารีส, ลอนดอน, เบอร์ลิน และนิวยอร์ก งานนี้จะมีผลงานชั้นเยี่ยมจากหลากหลายแบรนด์ระดับโลกมาจัดแสดงกว่า 70 แบรนด์ จาก 20 กว่าประเทศทั่วโลก มีทั้งแฟชั่น, งานดีไซน์, เครื่องประดับชั้นสูง, งานออกแบบ, ศิลปะ, เพนติ้ง และภาพถ่าย พิเศษสุดๆคือศิลปินทุกคนพร้อมใจกันครีเอทผลงานลิมิเต็ดเอดิชั่นเฉพาะสำหรับประเทศไทย และมีเพียงชิ้นเดียวในโลก ไฮไลต์ก็เช่น ผลงานขนาดยักษ์ “Showing and Sprawling” เนรมิตขึ้นใหม่จากชั้น G สูงเชื่อมต่อไปถึงชั้น 5 ของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และ “The Cinema” โรงหนังขนาดเล็กที่จะบอกเล่าความเป็นมาของโปรเจกต์สุดพิเศษนี้ ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ทางเชื่อมต่อกับเซ็นทรัล ชิดลม ส่วนภายในร้านศิวิไล เป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานชิ้นเด่นๆ ภายใต้คอนเซปต์ “Cabinet” มีอาทิ แจ็กเกตหนังกลับทำจากหนังจิงโจ้ของ Backlash สัญชาติญี่ปุ่น, เบาะหนังแท้และชุดแต่งรถเวสป้าของ BottegaConticelli x Vespa, เก้าอี้ทองเหลืองขนาดยักษ์ มูลค่าเกือบ 7 ล้านบาท โดย Carpenters Gallery, หมวกกันน็อกลายธงชาติไทยประดับช้างของ Atelier Ruby จากปารีส, กระดานโต้คลื่นดีไซน์ล้ำของ Cuisse De Grenouille ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเคยร่วมงานกับหลุยส์ วิตตอง ขณะที่ศิลปินไทยก็มาร่วมโปรเจกต์นี้หลายคน โดดเด่นสุดยกให้ Lotus Arts de Vivre สร้างสรรค์ประติมากรรมจระเข้จอมซ่าส์ซิ่งสเกตบอร์ด อีกชิ้นน่าสนใจคือโต๊ะดินเนอร์ราคาหลักล้าน ได้แรงบันดาลใจจากโต๊ะปิงปอง เป็นไอเดียกลุ่มศิลปินเฟอร์นิเจอร์ P-Tendercool

ถามจริงๆนะคะ รู้สึกแก่ขึ้นทันตาเห็นเลยไหม

แก่ขึ้นมาก (เน้นเสียง) ไม่มีเวลาไปปาร์ตี้แล้ว ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไปหมด ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน อยากนอนดูดีวีดี ตอนนี้ไปปาร์ตี้ก็ไม่สนุกแล้ว มีงานให้ต้องคิดตลอดเวลา หยุดนิ่งไม่ได้เลย เพราะเราต้องทำอะไรที่ใหม่ๆ และล้ำเทรนด์เสมอ แต่ผมก็ยังสนุกกับชีวิต รู้สึกสนุกกับงานที่ทำ ภูมิใจที่เราได้คิดอะไรใหม่ๆ และกล้าสร้างมันให้เป็นจริง

ถ้าไม่ได้เกิดมาเป็นจิราธิวัฒน์ ฝันอยากทำอะไร

ผมชอบกีฬามาก โดยเฉพาะบาสเกตบอล ถ้าไม่ได้ทำห้างสรรพสินค้า ก็อยากทำธุรกิจเกี่ยวกับกีฬา คงมีความสุขมาก เพราะได้ทำในสิ่งที่รัก

ทำงานหนักขนาดนี้ มีเวลาดูแลความรักไหมคะ

(ยิ้มหล่อ) ก็คบกับ “น้องแพท” มา 5 ปีแล้ว ยังดีอยู่ครับ ผมพยายามบาลานซ์ชีวิตกับการทำงานให้สมดุลที่สุด และพยายามหาเวลาออกกำลังกายบ้าง เพราะเริ่มลงพุงเป็นลุงแล้ว

เลิกเจ้าชู้หรือยัง จะสละโสดเมื่อไหร่

ผมไม่เจ้าชู้...เป็นคนรักเดียวใจเดียว!! แต่ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องงานก่อนครับ.

ทีมข่าวหน้าสตรี