หลายคนคงทราบอยู่แล้วว่า 'กลิ่นตัว' คืออะไร และเกิดมาจากสาเหตุใดบ้าง แต่คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่าสิ่งที่คุณรู้นั้นถูกต้อง และรู้ครบหมดทุกอย่างแล้ว วันนี้ไทยรัฐออนไลน์ขอแชร์ 5 เรื่องกลิ่นตัวที่คุณ (อาจ) ยังไม่รู้มาก่อน ปัญหาหนักอกใกล้ตัวที่คอยตามกวนใจคุณอยู่ไม่มากก็น้อย ดีไม่ดีคุณอาจจะนำมาเป็นแนวทางป้องกัน 'ลด' หรือ 'ขจัด' กลิ่นตัวคุณให้หมดไปโดยง่ายเลยก็ได้...ยิ่งคุณมีกลิ่นตัวแรงเป็นพิเศษด้วยแล้ว ยิ่งควรอ่าน !
1. ร่างกายมีด้วยกันสองต่อมเหงื่อ
นั่นคือ 'ต่อม eccrine' มักจะอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และผลิตเหงื่อที่มีลักษณะใสเหมือนน้ำ ไม่มีกลิ่น ร่างกายจะขับเหงื่อชนิดนี้ออกมาเมื่อทำกิจกรรมหนักๆ หรืออยู่ในสภาวะอากาศร้อน เพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ และ 'ต่อม apocrine' มักจะกระจายตัวอยู่บางแห่งของร่างกายเท่านั้น อย่างตามรูขุมขุนบนหนังศีรษะจะมีจำนวนเยอะที่สุด รองลงมาจะเป็นตามรักแร้ ขาหนีบ ก้น และแผ่นหลัง เหงื่อชนิดนี้จะมีลักษณะเหนียวใส (คล้ายขี้ผึ้ง) และมีส่วนผสมของไขมันอยู่มาก นั่นทำให้เวลาเหงื่อชนิดนี้ออกจึงเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมา ถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นคนเหงื่อออกง่ายและมาก ควรต้องระวังเหงื่อชนิดนี้เป็นพิเศษเลยล่ะ อยู่ในสถานที่อากาศถ่ายเทมากๆ ไม่งั้นลมโชยมาที คนข้างๆ อาจสลบเพราะกลิ่นสุดเปรี้ยวของคุณเลยก็เป็นได้
2. การรักษาด้วยยาเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ในกรณีเคสที่มีกลิ่นตัวแรงมากจนต้านด้วยน้ำหอม โคโลญจน์ หรือผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นไว้ไม่อยู่ คุณอาจจะต้องปรึกษาหมอโรคผิวหนังเกี่ยวกับวิธีการรักษาโดยตรง ซึ่งการรักษาด้วยการ 'ฉีดโบท็อกซ์' ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะช่วยลดรอยย่นบนใบหน้าคุณได้แล้ว มันยังสามารถลดเหงื่อบริเวณใต้รักแร้ได้ด้วย (ขับเหงื่อน้อยลง) ส่งผลให้กลิ่นตัวของคุณลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็ต้องฉีดยากระตุ้นอยู่เรื่อยๆ ทุก 3-4 เดือน
...
หรือคุณอาจรักษาด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบใหม่ที่มีความปลอดภัย และประสิทธิภาพสูงกว่า ที่เรียกว่า 'miraDry' ก็ได้ โดยการใช้ปืนไมโครเวฟทำลายต่อมเหงื่อใต้วงแขนอย่างถาวร วิธีนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้กับต่อมเหงื่อใต้รักแร้เท่านั้น ซึ่งจะไม่ส่งผลเสียกับคุณอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสาวๆ เพราะไม่เพียงแต่จะขจัดกลิ่นใต้วงแขนให้หมดไป แต่ยังทำร้ายรูขุมขน และกำจัดขนใต้วงแขนเป็นโบนัสของแถมให้ด้วย
3. อาหาร (ใส่เครื่องเทศ) ส่งผลต่อกลิ่นตัว
ไม่ว่าจะเป็นถั่ว กระเทียม หัวหอม หรือแกงกะหรี่ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวบงการของกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ทั้งนั้น คุณจะสังเกตได้ว่าคนที่กินอาหารจำพวกนี้เยอะจะมีกลิ่นตัวแรงเป็นพิเศษ อย่างเช่น คนแขก หรือคนอินเดียที่นิยมกินเครื่องเทศ และแกงกะหรี่กันแทบทุกวัน แต่ก็ใช่ว่าเครื่องเทศเหล่านี้จะให้โทษกับคุณอย่างเดียวซะเมื่อไหร่ เพราะมันสามารถป้องกันความจำเสื่อม และหยุดยั้งมะเร็งเต้านมไม่ให้ลุกลามไปที่อื่นอีกด้วย … เราไม่ได้ห้ามคุณกิน เพียงแต่ให้คุณกินในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อไม่ให้กลิ่นตัวคุณแย่ลงไปกว่าเดิมจนคนข้างๆ ส่ายหน้าหนี !
4. ทำความสะอาดมากเกินไปทำให้กลิ่นตัวเลวร้ายลง
แน่นอนว่าคุณสามารถใช้สบู่ต้านแบคทรีเรีย หรือสครับในการขจัดสิ่งสกปรกตามร่างกาย แต่รู้ไหมว่าการทำความสะอาดที่มากจนเกินไป บางคนถึงขนาดใช้แอลกฮอล์ขัดถูซ้ำอีกทีนั้น อาจทำให้ผิวของคุณแห้งแตกได้ และเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายคุณต่อสู้กับการผลิตเหงื่อมากขึ้น เนื่องจากร่างกายขาดความชุ่มชื่นมากเกินไปนั่นเอง
5. ความเครียดผลิตเหงื่อมากขึ้น
และนั่นเป็นบ่อเกิดของกลิ่นตัวอันไม่พึงประสงค์ตามมา คุณอาจจะเห็นบางคนเหงื่อเปียกชุ่มตามรักแร้ ขาหนีบ หรือมือเปียกชุ่มก่อนทำภารกิจอะไรที่สำคัญ อย่างเช่น การสัมภาษณ์งาน หรือการเตรียมตัวพรีเซนต์งาน นั่นก็เพราะเขาเกิดความเครียด และความกดดันต่างๆ จึงทำให้เขาผลิตเหงื่อเยอะขึ้น ซึ่งยิ่งถ้าเหงื่อออกมากเท่าไหร่ก็จะพลอยส่งกลิ่นรบกวนคนรอบข้างมากตามไปด้วย บางคนที่มีกลิ่นตัวแรงอยู่แล้วดันผสมรวมเข้ากับเหงื่อด้วยอีก อันนี้อาจต้องใช้น้ำหอมดับกลิ่นช่วยเลยทีเดียว เพราะไม่อย่างนั้นคนข้างๆ อาจจะยี้ เป็นลมเอาเลยก็ได้
...