ปรากฏการณ์ตายคาอก หรือเสียชีวิตขณะมีเพศสัมพันธ์ คงไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับคนเป็นโรคหัวใจแต่มิวายมีอารมณ์ทางเพศ เพราะข้อจำกัดต่างๆ นานา ที่หากฝืนขึ้นมาอาจจะดับในสภาพสุดอนาถ แต่ความจริงแล้วเซ็กซ์จะเป็นเรื่องที่ต้องงดสำหรับคนเป็นโรคหัวใจหรือไม่ วันนี้ นพ.ปัญเกียรติ โตพิพัฒน์ อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลเวชธานี จะมาไขข้อข้องใจเรื่องดังกล่าวให้ฟังกัน 

นพ.ปัญเกียรติ กล่าวว่า สมาคมแพทย์โรคหัวใจสหรัฐอเมริกา (AHA) ได้แนะนำผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดว่า ควรจะได้รับการประเมินความเสี่ยงก่อนที่จะกลับมามีกิจกรรมทางเพศ โดยที่คุณสามารถผ่านการทดสอบการออกกำลังกายด้วยการเดินสายพานหรือหากเดินขึ้นบันไดสองชั้นอย่างสบายๆ หรือเดินเร็วๆ เป็นเวลา 6 นาที โดยไม่พักและไม่มีอาการเจ็บหน้าอกหรือหายใจเหนื่อยหอบ คุณสามารถที่จะมีกิจกรรมทางเพศได้อย่างปลอดภัย

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจที่ต้องการมีเซ็กซ์ นพ.ปัญเกียรติ แนะนำว่า ควรมีเมื่อร่างกายและจิตใจพร้อม ควรเลือกท่าที่ไม่ใช้แรงมาก เช่น ตะแคงเข้าหากัน หรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจอยู่ด้านล่าง ไม่ควรตื่นเต้นมาก หรือพลิกแพลงท่า จนต้องออกแรงมาก จากงานวิจัยพบว่า คนที่หัวใจวายจนเสียชีวิตขณะมีเซ็กซ์ มักจะมีเซ็กซ์กับหญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตนเอง เมื่อมีอาการใจสั่น หัวใจเต้นแรง เจ็บหน้าอก หอบเหนื่อยขณะมีเซ็กซ์ ควรหยุด และหากยังไม่หายควรรีบปรึกษาแพทย์

นพ.ปัญเกียรติ กล่าวต่อว่า ข้อหลีกเลี่ยงก่อนการมีเพศสัมพันธ์สำหรับผู้ป่วยหัวใจ ควรงดอาหารมื้อหนัก โดยเฉพาะงานเลี้ยงที่มีการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือหากต้องการ หลังมื้ออาหารควรรอเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง อย่ามีเพศสัมพันธ์หลังออกกำลังกายมาจนเหนื่อยหรือมีความเครียดมาก่อน หลีกเลี่ยงการร่วมเพศกับบุคคลที่ไม่ใช่คู่สมรสหรือคู่ขาที่มีอายุแตกต่างกันมากๆ อย่าร่วมเพศในท่าผิดธรรมชาติ เช่น ท่าทางทวารหนัก จะเพิ่มความเครียด ความตื่นเต้นแก่หัวใจมากเกินไป รวมถึงความรีบร้อน บรรยากาศไม่ดี สถานที่ไม่ดี อุณหภูมิร้อน หรือหนาวเกินไป

...

นพ.ปัญเกียรติ กล่าวถึงความผิดปกติของผู้ป่วยหัวใจระหว่างหรือหลังการมีเพศสัมพันธ์ว่า ควรมีการสังเกตอาการของตนเองขณะหรือหลังการร่วมเพศ แล้วแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อช่วยเหลือ ป้องกันอาการผิดปกติที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ซึ่งอาการดังต่อไปนี้มักเกิดหลังการร่วมเพศใหม่ๆ

1. หัวใจเต้นเร็ว หรือรู้สึกใจสั่นอยู่นานกว่า 10 นาที

2. หายใจหอบเร็ว หรือหายใจลำบาก อยู่นานกว่า 10 นาที

3. มีอาการเจ็บแน่นกลางอกเหมือนอย่างที่เคยเป็น พักแล้วอาการไม่ดีขึ้น

4. นอนหงายไม่ได้ เพราะมีอาการต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้น

5. อ่อนเพลียมาก เวียนหัวจะเป็นลม เหงื่อออกมาก ตัวชื้น เป็นต้น

สำหรับข้อควรปฏิบัติเมื่อเกิดอาการผิดปกติ นพ.ปัญเกียรติ แนะนำว่า ผู้ป่วยควรนอนพักอยู่กับเตียง อย่ารีบลุกเดิน หรือถ้าจำเป็นก็ค่อยๆเคลื่อนไหว หากพอจะมีออกซิเจนอยู่กับบ้านก็ใช้ดมทันที ควรใช้ยาอมใต้ลิ้น หรือยาพ่นใต้ลิ้น และนอนพัก แต่หากอาการต่างๆ เหล่านั้นไม่ดีขึ้น ควรอมหรือพ่นยาซ้ำอีกครั้งในทุก 5-10 นาที แต่หากดมหรือพ่นยาซ้ำแล้วติดกัน 2-3 ครั้ง ไม่ดีขึ้น ควรรีบไปโรงพยาบาล ผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์ที่รักษาโรคเพื่อขอคำแนะนำทันที

นพ.ปัญเกียรติ โตพิพัฒน์ อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลเวชธานี