อุตส่าห์อดทนรอยืนหยัดเคียงข้างชายผู้เป็นที่รักมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 3 ทศวรรษ กระทั่งสร้างตำนานรักทรหดแห่งวินด์เซอร์ให้ลือลั่นไปทั่วโลก แต่แล้วเลิฟสตอรี่ของหญิงม่ายสูงศักดิ์ “คามิลล่า ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์” ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ กับองค์รัชทายาทอันดับหนึ่ง “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” มกุฎราชกุมารอังกฤษ ทำท่าจะปิดฉากลงด้วยการหย่าร้างซะแล้ว!! เมื่อฝ่ายหญิงเผยธาตุแท้ ขู่รีดเงิน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากราชวงศ์วินด์เซอร์ เพื่อแลกกับการยอมหย่าเงียบๆไม่ขุดคุ้ยเรื่องเตียงหักให้อื้อฉาว

งานนี้ แท็บลอยด์สุดแสบของอเมริกา “GLOBE” เป็นคนตีข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลก โดยพาดหัวตัวโตขึ้นปกว่า “Camilla & Charles IT’S OVER!” เล่นเอาเต้นผางกันไปทั้งเกาะอังกฤษ แท็บลอยด์ดังรายงานข่าวว่า เมื่อช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา “คามิลล่า” ดัชเชสขี้เมา พยายามบีบคั้นให้ราชวงศ์วินด์เซอร์จ่ายเงิน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อแลกกับการยอมหย่าขาดจาก “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” อย่างเงียบๆ อย่างไรก็ดี ควีนเอลิซาเบธที่สอง ปฏิเสธไม่ควักกระเป๋าจ่ายแม้แต่แดงเดียว พร้อมประณามว่าเป็นการกระทำที่สร้างความเสื่อมเสียให้ราชวงศ์

...

เป็นที่ทราบกันดีว่า นับตั้งแต่สมหวังได้เสกสมรสเป็นพระชายาของมกุฎราชกุมารอังกฤษ เมื่อปี 2005 ความฝันสูงสุดเพียงอย่างเดียวของ “ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์” ก็คือ การได้สวมมงกุฎเป็นราชินีนั่งเชิดหน้าบนบัลลังก์เคียงคู่กับพระสวามี เมื่อถึงวันที่ “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แทน “สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สอง” ซึ่งปัจจุบันมีพระชนมพรรษา 88 พรรษา และทรงมีปัญหาด้านพระพลานามัยตามประสาผู้สูงวัย

ตั้งแต่แรกเริ่มของการเสกสมรส 9 ปีเต็ม “คามิลล่า” ทุ่มสุดตัวทุกทางเพื่อหวังเอาชนะใจประชาชน โดยจ้างทีมที่ปรึกษามืออาชีพระดับท็อปของประเทศมาสร้างภาพลักษณ์ใหม่ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า เพื่อเปลี่ยนอิมเมจให้ดูทันสมัยไฉไลขึ้น กระนั้น ไม่ว่า “ดัชเชสวัยดึก” จะพยายามมากเท่าไหร่ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เข้าตาอยู่ดี เพราะประชาชนต่างเทใจให้คู่ขวัญราชวงศ์ยุคใหม่ “เจ้าชายวิลเลี่ยม” กับ “เคท” ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ โดยโพลสำรวจความคิดเห็นบ่งชี้ว่า มีประชาชนชาวอังกฤษมากกว่า 60% ที่อยากเห็น “เจ้าชายวิลเลี่ยม” กับพระชายา ขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อจากควีนอังกฤษ แทนที่คู่ขวัญวัยดึก “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” กับ “คามิลล่า”

อันที่จริงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างแม่เลี้ยงสามีกับลูกสะใภ้สามัญชน ค่อนข้างราบรื่นดีในช่วงแรกๆ แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ นับตั้งแต่ “เคท” เข้าพิธีเสกสมรสกับเจ้าชายวิลเลี่ยม และแจ้งเกิดกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของราชวงศ์วินด์เซอร์ ที่มีแฟนคลับอยู่ทั่วทุกมุมโลก

ต่อมอิจฉาในตัว “คามิลล่า” ทำงานหนัก ก็เพราะทนเห็นลูกสะใภ้คนใหม่ได้ดิบได้ดีเกินหน้าไม่ได้ โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดราชวงศ์เผยเบื้องลึกว่า ยิ่ง “เคท” เปล่งประกายโดดเด่นเท่าไหร่ แม่เลี้ยงใจร้ายก็ยิ่งร้อนรุ่มหัวอกขึ้นเท่านั้น เพราะถือเป็นเสี้ยนหนามทำลายความฝันที่อยากเป็นควีนอังกฤษ

กลยุทธ์การดิสเครดิตลูกสะใภ้คนสวยเริ่มต้นขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดย “คามิลล่า” พยายามเป่าหู “ควีนเอลิซาเบธที่สอง” ให้ไม่โปรดหลานสะใภ้คนใหม่ ซึ่งจุดอ่อนสำคัญที่แม่เลี้ยงใจร้ายมักหยิบยกขึ้นมาโจมตี ก็หนีไม่พ้นการขุดคุ้ยกำพืดครอบครัวมิดเดิลตัน มานินทาส่อเสียดยุยงให้เกลียดชัง

...

เมื่อถูกแม่เลี้ยงจ้องหา เรื่องบ่อยๆเข้า จึงเดือดร้อนถึง “เจ้าชายวิลเลี่ยม” ต้องสวมวิญญาณกางปีกปกป้องพระชายา โดยครั้งหนึ่งประกาศชัดต่อหน้า “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” และแม่เลี้ยงว่า เราจะไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น ถ้าขืนยังรังแก “เคท” ไม่เลิก ก็ต้องเห็นดีกัน!! “เจ้าชายวิลเลี่ยม” ยังทำหน้าที่สุดยอดสามี ด้วยการวอนขอให้พระบรมวงศานุวงศ์น้อยใหญ่ ตลอดจนข้าราชบริพารทุกระดับ ช่วยกันเทกแคร์พระชายาสุดที่รัก ในฐานะสมาชิกใหม่ของราชวงศ์วินด์เซอร์ พร้อมกำชับว่า ถ้าใครทำให้ “เคท” หงุดหงิดหัวใจ ก็เตรียมหาข้อแก้ตัวดีๆไว้อธิบายกับเจ้าชายได้เลย

ความบาดหมางระหว่างแม่เลี้ยงสามีกับลูกสะใภ้วินด์เซอร์ เคยเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ไปทั่วเกาะอังกฤษอยู่ระยะหนึ่ง โดยสื่อแดนผู้ดีรุมโจมตี “ดัชเชสออฟคอร์นวอลล์” อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน พาดหัวข่าวตัวใหญ่ว่า “ฉันเกลียดแก!!” และ “ควีน” สั่ง “คามิลล่า”...หยุดราวี “เคท” ซะที!!

อย่างไรก็ดี จุดปรี๊ดที่ทำให้ “แม่เลี้ยงใจร้าย” ถึงกับสติแตกเมาอาละวาด กระทั่งนำมาสู่การดูหมิ่นลบหลู่ควีนเอลิซาเบธที่สอง และทำให้องค์พระประมุขทรงล้มป่วยเข้าโรงพยาบาล ก็เป็นเพราะ “ดัสเชส” ระแคะระคายมาว่า สมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบธที่สองทรงให้สัญญากับหลานสะใภ้ว่า หาก “ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์” ตั้งท้องมีหลานให้อุ้มเมื่อไหร่ ก็จะทรงสนับสนุน “เจ้าชายวิลเลี่ยม” ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์แทน “เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์” ซึ่งไม่ค่อยป๊อปปูล่าร์

...

งานนี้ หัวใจของ “คามิลล่า” แหลกสลายไปพร้อมกับความฝันที่พังทลาย ทันทีที่ลูกสะใภ้คนดังให้กำเนิดพระโอรสองค์แรก “เจ้าชายจอร์จ” เมื่อกลางปีที่แล้ว และยิ่งดิ้นพล่านทุรนทุรายไปด้วยไฟริษยา เมื่อค้นพบความจริงว่า ความน่ารักน่าเอ็นดูของเจ้าชายน้อยเป็นที่ถูกอกถูกใจชาวโลกมาก หลังออกทริปเยือนต่างแดนครั้งแรกในชีวิตพร้อมพระบิดาและพระมารดา เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา สร้างความประทับใจอย่างมากให้ประชาชนชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จนได้รับการยกย่องให้เป็นขวัญใจคนใหม่ของราชวงศ์โลก

...

เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย สื่ออังกฤษจึงไปถามความเห็นนักวิเคราะห์ราชวงศ์สายอื่นบ้าง ซึ่งก็ได้รับคำตอบอ้อมแอ้มว่า “คามิลล่า” ตระหนักถึงความป๊อปปูล่าร์ของลูกสะใภ้เป็นอย่างดี และคอยจับจ้องดูความเคลื่อนไหวทุกฝีก้าว จริงๆแล้วสิ่งที่ “ดัชเชสออฟคอร์นวอลล์” แสดงออกมานั้น เป็นแค่การปกป้องตัวเอง ไม่ใช่อิจฉาริษยาอย่างที่เป็นข่าว และ “คามิลล่า” ก็แค่อยากให้ข้าราชบริพารในวินด์เซอร์ รวมถึงประชาชนภายนอก ให้เกียรตินางอย่างสูงสุด ในฐานะพระราชวงศ์ฝ่ายหญิงอาวุโสที่สุดรองจากควีนเอลิซาเบธที่สอง และพระชายาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งจ่อคิวขึ้นนั่งราชบัลลังก์ มาตั้งแต่พระชนม์ 3 ชันษา จนทุกวันนี้ พระชนมพรรษา 66 พรรษาแล้ว และทรงกลายเป็นมกุฎราชกุมารที่ต้องอดทนรอยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์เพื่อจะได้เป็นกษัตริย์

ต้องจับตามองกันต่อไปว่า แผนการกอบกู้ภาพลักษณ์ให้กลับคืนมา ด้วยการควงคู่กันของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และคามิลล่า เสด็จเยือนโคลอมเบียและเม็กซิโกอย่างเป็นทางการ ในเดือน ต.ค.นี้ จะสามารถประสานรอยร้าวระหว่างคู่รักทรหดสำเร็จไหม.

ทีมข่าวหน้าสตรี