เพื่อตั้งรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงเรียกร้องต่อต้านของประชาชนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ เหล่าราชวงศ์ชั้นนำของยุโรปจึงต้องปรับตัวขนานใหญ่ โดยทยอยกันผลัดใบมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งไม้ต่อให้กษัตริย์ยุคใหม่ได้ทำหน้าที่ฟื้นฟูภาพลักษณ์ของราชวงศ์ให้ทันยุคทันสมัย และถูกใจประชาชน

เมื่อกลางปีที่แล้ว มีความเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้นกับสองราชวงศ์ใหญ่ของยุโรปคือ ราชวงศ์เนเธอร์แลนด์ และราชวงศ์เบลเยียม โดย “สมเด็จพระบรม ราชินีเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์” พระชนมพรรษา 75 พรรษา ทรงสละราชบัลลังก์ที่ครองราชย์มายาวนานที่สุด 33 ปี เพื่อเปิดทางให้พระราชโอรสองค์โต “สมเด็จพระราชาธิบดีวิลเล็ม–อเล็กซานเดอร์” เสด็จฯขึ้นเถลิงศักราชใหม่เป็นกษัตริย์ โดย “ควีนเบียทริกซ์” พระราชทานสัมภาษณ์ถึงการตัดสินพระทัยครั้งสำคัญว่า ข้าพเจ้าคิดทบทวนเรื่องการสละราชสมบัติมาหลายปี แต่ตอนนี้ถึงเวลาเหมาะสมที่จะวางมือแล้ว ข้าพเจ้ามิได้สละราชสมบัติ เพราะเห็นว่าภารกิจหนักอึ้งเกินไป แต่มองว่าภาระหน้าที่นี้ควรตกทอดไปสู่คนรุ่นใหม่ได้แล้ว ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจยิ่งที่ตลอดหลายปีมานี้ได้ทำหน้าที่ในฐานะควีนของประชาชนชาวดัตช์ และเชื่อมั่นว่า เจ้าฟ้าชายวิลเล็ม-อเล็กซานเดอร์ มีความพร้อมแล้วที่จะเป็นกษัตริย์องค์ต่อไป โดยจะสามารถทำหน้าที่รับใช้ประชาชนได้อย่างดีที่สุด ด้วยความอุทิศและทุ่มเทเต็มที่

...

หลังจากนั้นไม่กี่เดือน “สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่สองแห่งเบลเยียม” ก็ทรงประกาศสละราชสมบัติยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ขณะพระชนมพรรษา 79 พรรษา เพื่อเปลี่ยนถ่ายอำนาจสู่มือพระราชโอรสองค์โต “สมเด็จพระราชาธิบดีฟิลิป” โดยทรงมีพระราชดำรัสว่า ด้วยสุขภาพของข้าพเจ้า และอายุที่มากขึ้น ทำให้ไม่เอื้อต่อการปฏิบัติพระราชกรณียกิจอย่างใจปรารถนา จึงเห็นสมควรว่า ถึงเวลาแล้วที่จะเปิดทางให้พระราชโอรสองค์โต “เจ้าฟ้าชายฟิลิป” พระชนม์ 53 พรรษา เสด็จฯขึ้นครองราชย์แทน ทรงมั่นพระทัยว่า “เจ้าฟ้าชายฟิลิป” ได้เตรียมพระองค์พร้อมแล้วสำหรับการรับพระราชภารกิจหนักอึ้ง และจะทรงรับใช้ประเทศชาติได้อย่างดีเยี่ยม ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเบลเยียมหลังได้รับอิสรภาพจากเนเธอร์แลนด์ ที่กษัตริย์ทรงประกาศสละราชสมบัติ

ล่าสุด ถึงคิวผลัดใบของราชวงศ์สเปน เพื่อรักษาเสถียรภาพและฟื้นฟูภาพลักษณ์สถาบันกษัตริย์ โดยเมื่อต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา “สมเด็จพระราชาธิบดีฮวน คาร์ลอสแห่งสเปน” ทรงประกาศสละราชสมบัติอย่างเป็นทางการ ขณะพระชนมพรรษา 76 พรรษา ยุติการครองราชย์ยาวนานเกือบ 39 ปี เพื่อส่งไม้ต่อให้พระราชโอรสองค์เดียว “เจ้าฟ้าชายเฟลิเป” พระชนม์ 46 พรรษา ได้เสด็จฯขึ้นเป็นประมุขแทน

“กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส” ทรงให้เหตุผลถึงการประกาศสละราชสมบัติครั้งนี้ ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ว่า ถึงเวลาสำหรับคนยุคใหม่แล้ว ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า “เจ้าฟ้าชายเฟลิเป” ทรงได้รับการเตรียมความพร้อมมาอย่างดี ที่จะรับหน้าที่กษัตริย์องค์ต่อไปของสเปน โดยมีคุณสมบัติทั้งเรื่องวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ และความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ข้าพเจ้าเชื่อว่า พระราชโอรสของข้าพเจ้าจะสามารถนำพาประเทศไปสู่ความหวังใหม่ โดยใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต และพลังขับเคลื่อนของความเป็นคนรุ่นใหม่

ตลอดเวลา 39 ปีเต็ม ที่ “กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส” ครองราชย์ปกครองสเปน ทรงได้รับการยกย่องในฐานะผู้นำพาประเทศเปลี่ยนผ่านจากยุคเผด็จการทหารมาสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มขั้น ทรงถือเป็นกษัตริย์องค์แรกของสเปน หลังจากราชบัลลังก์ว่างเว้นในยุคเผด็จการของ “นายพลฟรานซิสโก ฟรังโก” ยาวนานถึง 44 ปี ทันทีที่เสด็จฯขึ้นครองราชย์ไม่นาน พระองค์ก็ทรงสร้างประวัติศาสตร์ยุคใหม่ ด้วยการนำประเทศสเปนไปสู่การปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากเผด็จการทหาร สู่ระบอบประชาธิปไตยแบบมีรัฐสภา พร้อมร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บังคับใช้หลังการลงประชามติ เมื่อปี 1978 พระองค์ยังเป็นที่จดจำในฐานะกษัตริย์นักประชาธิปไตย เมื่อทรงช่วยคลี่คลายความพยายามในการก่อรัฐประหาร ปี 1981 ขณะนั้น ทหารได้บุกเข้ายึดรัฐสภา เปิดฉากยิงและจับส.ส.เป็นตัวประกัน อย่างไรก็ดี ด้วยพระชนมพรรษาที่สูงขึ้น ระยะหลังมานี้ได้ทรงลดทอนบทบาททางการเมืองลง และทรงปฏิบัติหน้าที่เน้นหนักไปที่การเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนมากกว่า

...

เบื้องลึกเบื้องหลังของการตัดสินพระทัยประกาศสละราชสมบัติครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความนิยมของราชวงศ์ที่เสื่อมถอยลงตามกาลเวลา ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ประชาชนสเปนเริ่มสูญเสียความไว้วางใจที่มีต่อสถาบันกษัตริย์และพระราชวงศ์ สืบเนื่องจากปัญหารุมเร้าหลายด้าน โดยเฉพาะข้อครหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันของพระราชธิดาองค์ที่สองของกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส “เจ้าหญิงคริสตินา” กับสามีนักธุรกิจ ที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี สร้างรอยด่างให้ราชวงศ์

“กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส” ก็ทรงมีปัญหารุมเร้ามากมาย นอกจากปัญหาด้านพระพลานามัย ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง พระองค์ยังถูกโจมตีหนักเรื่องการใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าเกินงามในขณะที่สเปนกำลังเผชิญวิกฤติทางการเงินครั้งใหญ่ พระองค์ทรงตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์หนักสุดก็ตอนที่ทรงสำเริงสำราญเสด็จฯไปล่าช้างที่บอตสวานา เมื่อปี 2012 ทั้งๆที่ประชาชนกำลังตกงานกันครึ่งค่อนประเทศ และมีกระแสเรียกร้องแบ่งแยกดินแดนจากชนกลุ่มน้อยคาตาโลเนียทางตอนเหนือของสเปน ส่งผลให้คะแนนนิยมที่มีต่อสถาบันกษัตริย์ตกต่ำลงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

...

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กระแสเรียกร้องให้ทรงสละราชสมบัติดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน จัดทำโดยซิกมา ดอส เมื่อปลายเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว บ่งชี้ว่า ประชาชนที่ต้องการให้ “กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส” สละราชสมบัติ เพื่อเปิดทางให้พระราชโอรสขึ้นครองราชย์แทน พุ่งขึ้น 17% เป็น 62% โดย 66% เชื่อมั่นในตัว “เจ้าฟ้าชายเฟลิเป” และ 56% คิดว่า “เจ้าฟ้าชายเฟลิเป” จะทรงปรับปรุงภาพลักษณ์ที่ตกต่ำของราชวงศ์สเปนได้สำเร็จ อย่างไรก็ดี คะแนนนิยมโดยรวมที่มีต่อสถาบันกษัตริย์สเปนได้ลดลงเหลือ 49.9% ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากประชาชนบางส่วนที่อยากเห็นสเปนเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบสาธารณรัฐ

นับตั้งแต่ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นมกุฎราชกุมาร ขณะพระชนม์ 9 ชันษา “เจ้าฟ้าชายเฟลิเป” องค์รัชทายาทผู้หล่อเข้ม เจ้าของความสูง 198 ซม. ก็ทรงได้รับการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นกษัตริย์สเปนมาอย่างต่อเนื่อง ทรงปูพื้นฐานด้านการทหารเพื่อให้พร้อมเป็นจอมทัพ โดยเข้ารับการฝึกทหารทั้งสามเหล่าทัพ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์สเปน ในด้านวิชาการก็ทรงเข้าศึกษาต่อปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยออโตโนมัส ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ มาดริด ประเทศสเปน ก่อนจะคว้าปริญญาโท ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความที่ทรงใกล้ชิดกับพระราชบิดามาก จึงโปรดกีฬาทางน้ำเป็นพิเศษ โดยเป็นนักแล่นเรือที่เก่งกาจเช่นเดียวกับ “กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส” อีกทั้งยังเคยเป็นตัวแทนทีมชาติสเปนไปแข่งเรือยอชต์ในโอลิมปิก เกมส์ ปี 1992 ที่บาร์เซโลนา

...

ด้วยบุคลิกเคร่งขรึมเอาการเอางาน และมีความเป็นผู้นำสูง ทำให้ “เจ้าฟ้าชายเฟลิเป” เป็นที่รักใคร่ของประชาชนชาวสเปน ยิ่งเมื่อทรงปักหลักสร้างครอบครัวแสนอบอุ่น ก็ได้คะแนนเพิ่มจากความน่ารักของพระธิดาทั้งสอง คือเจ้าหญิงเลโอนอร์ พระชนม์ 9 ชันษา และเจ้าหญิงโซเฟีย พระชนม์ 7 ชันษา ขณะที่พระชายา “เจ้าหญิงเลติเซีย” อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดังของสเปน ก็สวยสง่าออร่ากระจาย พร้อมสำหรับการเป็นราชินีองค์ใหม่ของสเปนมานานแล้ว

ก่อนที่จะเข้าพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6” ทรงแสดงวิสัยทัศน์ในฐานะกษัตริย์องค์ใหม่เป็นครั้งแรกว่า “ในห้วงเวลาที่ประเทศของเราต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรคยากลำบากทั้งหลาย ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา สอนเราว่า มีเพียงความร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติ และการยึดมั่นต่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น ที่จะทำให้เราสามารถฝ่าฟันปัญหาเพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่สดใสกว่า...”

ทีมข่าวหน้าสตรี