ศ.เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ วสันต์ (ขวาสุด) ร่วมภาคภูมิใจ กับ คุณแม่วัชรา วชิรมน ที่ลูกสาว “กมลพร” สามารถคว้าปริญญาตรีมาได้สำเร็จ.
เพื่อให้ความรู้แก่สาธารณชนทั่วไป โดยเฉพาะพ่อแม่ที่มีลูกอาการดาวน์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล สาขาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ ชมรมผู้ปกครองเด็กกลุ่มอาการดาวน์ รพ.ศิริราช ได้จัด “งานชุมนุมเด็กกลุ่มอาการดาวน์” ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้นับเป็นครั้งที่ 22 เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งให้ความรู้ด้านต่างๆ ทั้งในเรื่องของสุขภาพการพัฒนาการของเด็ก, การพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านการศึกษา
ในงาน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ วสันต์ จากภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า เด็กกลุ่มอาการดาวน์เป็นอุบัติเหตุทางพันธุกรรม ตรวจได้แต่ป้องกันไม่ได้ ดังนั้นพ่อแม่ที่มีลูกมีอาการดาวน์ อย่างแรกที่ต้องทำคือ จะต้องทำใจยอมรับความจริงก่อน จากนั้นควร ได้รับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพันธุศาสตร์ ในการดูแลและพัฒนาลูกน้อยอย่างไร ซึ่งพ่อแม่ต้องมีเวลาดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะเด็กกลุ่มนี้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจพิการ 40%, โรคไทรอยด์บกพร่อง 30% จึงควรจะมีการตรวจสุขภาพต่อเนื่อง เพราะถ้าเด็กมีโรคเอ๋อจะกลายเป็นปัญญาอ่อนรุนแรง จากนั้นจึงค่อยมาฝึกเรื่องการพัฒนาการของเด็ก เริ่มตั้งแต่ทารก เพราะเด็กที่มีอาการนี้จะมีกล้ามเนื้ออ่อนปวกเปียก ถ้าไม่มีการฝึกกล้ามเนื้อ ปล่อยให้เขานอนอยู่เฉยๆ เขาก็จะกลายเป็นเด็กพิการปัญญาอ่อน แต่ถ้าพ่อแม่ใส่ใจให้การดูแลพัฒนาเขาอย่างต่อเนื่อง เขาก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างปกติสุข ปัจจุบันมีหลายคนที่เรียนหนังสือจนถึงขั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และ ปวส. มีงานทำ รวมถึงขั้นระดับปริญญาตรีก็มีแต่จำนวนน้อย
...
คุณแม่วัชรา วชิรมน คุณแม่ของ น.ส.กมลพร เด็กที่มีอาการดาวน์ แต่มีความขยันมุ่งมั่นจนสามารถคว้าปริญญาตรี ในคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ให้ที่บ้านได้ภูมิใจ โดย คุณแม่วัชรา บอกว่า ตอนนี้ลูกสาวอายุ 25 ปีแล้ว ตอนท้อง ตนไม่ได้ไปเจาะน้ำคร่ำ รู้แต่ว่าลูกแข็งแรงเท่านั้น พอคลอด จึงได้รู้ว่าลูกมีอาการดาวน์ ทีแรกคิดว่าเป็นโรค กินยาแล้วหาย เลยได้มาปรึกษาหมอเฉพาะทาง ซึ่งคุณหมอได้แนะนำอธิบายทำความเข้าใจว่า เป็นความผิดปกติของโครโมโซม เป็นอาการที่ไม่หายแต่ต้องได้รับการพัฒนาและสอนให้ดูแลตามสเต็ป เช่น ตอนเขา 2 เดือนให้ออกกำลังกล้ามเนื้อมัดเล็ก, กล้ามเนื้อมัดใหญ่ ตอน 3 เดือนต้องสอนให้เขาพลิกตัว เราต้องดูแลเขาอย่างใกล้ชิดจนถึง 3 ขวบ แล้วก็พาไปโรงเรียน แม่ก็รับส่ง พร้อมกับอยู่กับลูกที่โรงเรียนและมหาวิทยาลัยตลอด จนเขาเรียนจบปริญญาตรี เรื่องเรียนนี้ลูกเขาอยากเรียนเอง เขามีความมุ่งมั่นว่าอยากรับปริญญา เขามีความพยายามมาก ตั้งแต่ดูแลเขามาไม่รู้สึกท้อเลย เพราะท้อไม่ได้ ถ้าเราท้อ ลูกเราก็ต้องจอดเลย ดังนั้นคำว่า “ท้อ” จึงไม่มี.