จากเด็กหนุ่มที่มุ่งมั่นคิดจะฝังรากในเมืองมหานครใหญ่อย่างนิวยอร์ก แต่จังหวะชีวิตทำให้กลายเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ทศวรรษ เตลาน ผู้บริหารรุ่นที่ 2 วัย 32 ปี ของบริษัท  Hospitality จำกัด ผู้ผลิต  Carpet  Master พรมชั้นนำของประเทศที่ตั้งมานานกว่า 30 ปี และได้สร้างชื่อในฐานะผู้ผลิตพรมให้กับบ้านเศรษฐีระดับโลก  จนถึงพระราชวัง

ปอนด์–ทศวรรษ ลูกชายคนโตของ ธเนส–ศิรินารถ เตลาน ซึ่งเหมือนลูกคนมีเงินทั่วไปที่ถูกส่งไปเรียนที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่เด็ก โดยไปเข้าเรียนชั้นมัธยมต้นและปลาย ที่ Buckswood Grange International School ที่ East Sussex ก่อนที่จะข้ามไปเรียนต่อปริญญาตรีทาง Communication Design ที่ Pratt Institute New York ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เล่าว่า “ที่จริงที่บ้านไม่เห็นด้วยที่ผมจะเรียนทางด้านดีไซน์ อยากให้เรียนด้านบริหารธุรกิจมากกว่า แต่เห็นว่าวิชาที่เรียนพอจะเอามาใช้กับงานที่บ้านได้ เลยอนุญาต และเมื่อคุณพ่ออยากให้ไปเรียนที่อเมริกา ผมก็กระโดดไปเลย วิชาที่เรียนเป็นแบบ Branding Design ออกแบบภาพลักษณ์ขององค์กรทุกอย่าง ซึ่งบริษัทไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ในอเมริกามีการแข่งขันกันสูง อาชีพนี้เป็นที่นิยม พอเรียนจบก็ได้เข้าทำงานที่บริษัท C&G Partners ทำได้ปีครึ่งก็รู้สึกว่าไม่ใช่ เลยออกมาหางานใหม่ในบริษัทเอเจนซี่ ที่สั่งทำพรม ซึ่งรู้จักกับที่บ้าน โดยผมทำหน้าที่ในการออกแบบลายพรม ทำอยู่กว่า 3 ปี พอดีช่วงนั้นเศรษฐกิจอเมริกาตกสะเก็ด มีการปลดพนักงาน จึงได้ออกมาหางานใหม่”

“ช่วงนั้นน่าจะเป็นวิกฤติของชีวิต เพราะงานหายากมาก ตอนนั้นไม่มีงาน ไม่มีเงิน จากที่เคยอยู่บ้านคนเดียวไม่ต้องมีคนมาช่วยแชร์ค่าบ้าน ก็ต้องออกไปหาที่อยู่ใหม่ หารูมเมท แล้วหางานทำเพื่อให้ได้เงินมา ผมต้องไปขายเครื่องดื่มที่ทำจากโยเกิร์ต ซึ่งเป็นงานที่นักเรียนเด็กๆ เขาทำกัน แล้วก็มีงานฟรีแลนซ์มาทำนิดหน่อย รู้สึกทรมานจิตใจมาก แต่ไม่คิดกลับเมืองไทย เพราะคิดว่าจะใช้ชีวิตที่อเมริกา แล้วที่บ้านก็บอกว่า ถ้าไม่กลับก็จะไม่ให้เงิน ผมทนทำงานขายโยเกิร์ตเกือบปี จนมีลูกค้าที่บริษัทเก่าเขาคงสงสารมั้ง บอกว่าจะช่วยสอนงานธุรกิจให้ผม เป็นตัวแทนหรือเป็นเอเจนซี่ ในชื่อ Pon Designs ในการสั่งพรมจากโรงงานของที่บ้าน”

...

จากนักออกแบบที่ไม่เคยมีหัวทางด้านธุรกิจ ปอนด์–ทศวรรษ บอกว่า ตนได้มีโอกาสเรียนรู้งานธุรกิจบวกประสบการณ์การทำงานที่เคยทำมาบ้าง ทำให้งานใหม่ไปได้อย่างสวยงาม จนรู้สึกชอบการทำธุรกิจ และรู้ว่าเป็นงานที่ใช่สำหรับตนเอง พอได้กลับมาเที่ยวเมืองไทย ที่บ้านให้มาช่วยทำงาน จึงตัดสินใจกลับมาทำงานที่เมืองไทย ซึ่งเริ่มต้นจากงานเซลส์ และได้พิสูจน์ฝีมือทั้งจากการแก้วิกฤติปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งการขยายยอดทางการตลาด จนเป็นที่ยอมรับให้นั่งเก้าอี้ Director ของบริษัท

โดยหนุ่มปอนด์  มีหลักการทำงาน อยู่ว่า “ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ผมทำงานโดยไม่เกี่ยงงาน ต้องจริงจังกับงานของตัวเองและต้องทำอย่างตั้งใจ พร้อมต้องเปิดรับรู้สิ่งใหม่ๆ ผลักดันตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้า  และผมเชื่อว่า งานที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เป็นเพราะผมคนเดียว แต่เพราะเพื่อนร่วมงานด้วย  ที่มีความรับ ผิดชอบและคอยระวังหลังให้เรา ดังนั้นการทำงานผมจึงให้อิสระแก่ผู้ร่วมงานในการทำงาน เพื่อให้บรรยากาศการทำงานมีความสุข สบายใจ”.